สถาบันวิจัยและพัฒนาคาโกเมะแห่งประเทศญี่ปุ่น นำเสนอผลวิจัยที่สร้างความมหัศจรรย์ให้กับผู้บริโภคทั่วโลก โดยระบุว่า มะเขือเทศหนึ่งผลสามารถให้สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน แร่ธาตุ วิตามิน และยังอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่เกิดจากสารสีแดงในมะเขือเทศ อย่าง “เบต้าแคโรทีน” ซึ่งเป็นสารชนิดหนึ่งในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่พบมากในมะเขือเทศ และผลไม้ที่ให้สารสีแดง สีส้ม และเหลือง ปัจจุบัน ได้ค้นพบสารสีแดงชนิดใหม่ที่เรียกว่า “ไลโคปีน” (Lycopene) สารธรรมชาติที่มะเขือเทศสร้างขึ้นเอง ทำหน้าที่เป็นเนื้อเยื่อสำคัญในการห่อหุ้มและป้องกันเมล็ดของมะเขือเทศต่อความเข้มข้นของรังสีอัลตราไวโอเลตที่รุนแรง เพื่อให้ต้นอ่อนได้เจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ และไลโคปีนนี้มีประสิทธิภาพที่สำคัญและจำเป็นแก่ร่างกาย ทั้งการต่อต้านอนุมูลอิสระเพิ่มความงามให้ผิวพรรณและป้องกันโรคร้ายต่างๆ
มร.ทาคุจิ ชิราซาว่า อาจารย์ประจำหลักสูตรเวชศาสตร์การชะลอวัย หลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยจุนเทนโด
กล่าวว่า รังสีอัลตราไวโอเลต หรือรังสียูวี (UV) นับเป็นศัตรูตัวฉกาจของผิวหนัง เป็นที่มาของสาเหตุหลักๆ กว่า 80% ที่ทำให้
คอลลาเจนในชั้นผิวเกิดการแตกตัว เสื่อมสภาพ และลดปริมาณลงอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้ผิวหนังเกิดความเหี่ยวย่นและมี
ริ้วรอย ซึ่งทางลัดสู่ผิวสวยที่ไม่ต้องเจ็บตัวและเสียเวลา แถมทำได้ง่ายๆ เพียงเลือกรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำทุกวัน ซึ่งจะทำให้ร่างกายและผิวได้รับสารต่อต้านอนุมูลอิสระอย่าง “ไลโคปีน” ที่อุดมอยู่ในผลไม้กลุ่มมะเขือเทศ แตงโม และพิงค์เกรปฟรุต
“จากการศึกษาและวิจัยพบว่า ไลโคปีน มีประสิทธิภาพอันทรงพลังในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าวิตามินอีถึง 100 เท่าในปริมาณที่เท่ากัน โดย ไลโคปีน จะทำงานร่วมกับออกซิเจนในกระแสเลือด เพื่อจับสารอนุมูลอิสระและขับออกจากร่างกาย พร้อมทำหน้าที่เติมน้ำและความชุ่มชื้นเสมือนเป็นการสร้างเกราะป้องกันให้กับคอลลาเจนในชั้นผิวอีกด้วย”
คนเราเมื่ออายุเพิ่มขึ้นจะต้องพบกับปัญหาผิวหมองคล้ำ ฝ้า และกระ ซึ่งสาเหตุหลักๆ เกิดจากเม็ดสีหรือเมลานินใต้ชั้นผิวได้รับรังสียูวีมากเกินไปและสะสมเป็นระยะเวลานาน แม้สาวๆ จะใช้ครีมที่อุดมด้วยวิตามินซีและอี หรือครีมกันแดด SPF สูงๆ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากรังสียูวีโดยตรง แต่นั่นก็เป็นเพียงการป้องกันจากภายนอกเท่านั้น เราควรสร้างภูมิคุ้มกันจากภายในควบคู่กันด้วย โดยสาร “ไลโคปีน” ในมะเขือเทศมีประสิทธิภาพสามารถกำจัดอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง พร้อมทั้งยังสกัดกั้นและยับยั้งการสร้างเมลานินด้วยการลดทอนปฏิกิริยาของไทโรซิเนส ซึ่งมีส่วนสำคัญในกระบวนการสร้างเมลานินได้อีกด้วย
ปัจจุบันมีการโฆษณาชวนเชื่อหลากหลายในการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนเพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์ตลอดเวลา หากสาวๆ คนไหนที่คิดอยากจะลองหาคอลลาเจนมารับประทาน ลองเลือกรับประทาน “มะเขือเทศ” ผลไม้มหัศจรรย์ ที่นอกจาก
จะช่วยต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของปัญหาริ้วรอย ฝ้า และกระ ยังเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของผิวในการเติมคอลลาเจนธรรมชาติอีกด้วย ซึ่งจากการวิจัยปี พ.ศ. 2554 ของประเทศอังกฤษ พบว่า ผู้หญิงจำนวน 20 คน ที่บริโภคซอสมะเขือเทศเข้มข้น ที่มีสาร “ไลโคปีน” เพียงอย่างเดียว เป็นระยะเวลาต่อเนื่องกัน 12 สัปดาห์ สามารถควบคุมการเพิ่มขึ้นของสารอนุมูลอิสระ “MMP-1” ที่เป็นต้นเหตุให้คอลลาเจนในชั้นผิวแตกตัวและเสื่อมสภาพได้ เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่บริโภคน้ำมันมะกอกเพียงอย่างเดียว พร้อมทั้งยืนยันว่า สาร “ไลโคปีน” มีส่วนช่วยเสริมโปรคอลลาเจน (Procollagen) สารตั้งต้นในการสร้างคอลลาเจนของผิวหนังให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การรับประทานมะเขือเทศควบคู่กับผักและผลไม้ที่ให้วิตามินซี อาทิ ส้ม มะนาว มะขามเทศ ก็เหมือนเพิ่มประสิทธิภาพแบบคูณสองให้กับผิว เพราะวิตามินซี เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในน้ำเท่านั้น โดยจะทำหน้าที่ป้องกันและผลักดันสารอนุมูลอิสระบริเวณด้านนอกของเซลล์ผิวหนัง ส่งผลให้ผิวขาว กระจ่างใส ส่วน “ไลโคปีน” เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมัน ทำหน้าที่ป้องกันและผลักดันสารอนุมูลอิสระในระดับเยื่อหุ้มเซลล์ในร่างกายทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงจากภายในได้อีกด้วย
ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มการดูดซึมของไลโคปีนให้กับผิวมากขึ้น ควรเลือกไลโคปีนจากมะเขือเทศที่ผ่านกระบวนการให้ความร้อน ไม่ว่าจะเป็นการผัด หรือต้มก็ตาม ทำให้ร่างกายและผิวพรรณได้รับไลโคปีนที่มีประสิทธิภาพดียิ่งกว่าการรับประทานแบบสด เพราะ
ไลโคปีนทนต่อความร้อน จึงไม่ต้องกังวลว่าสารไลโคปีน จะลดจำนวนลงจากกระบวนการเหล่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี