ก่อนที่จะไปแปรงฟันให้เจ้าสี่ขา เรามารู้จักกับลักษณะฟันปกติของสุนัขและแมวกันก่อนนะครับ
ทราบหรือไม่ว่าทั้งสุนัขและแมวก็มีฟัน 2 ชุดเหมือนคนเราเลยนะครับ นั่นคือ ฟันน้ำนม 1 ชุด และฟันแท้ 1 ชุด แต่แค่จำนวนไม่เท่ากันเท่านั้นเองครับ ดังนั้นถ้าฟันแท้เกิดเสียไป...ก็ไม่มีฟันใหม่แล้วน้า~!
ตารางนี้แสดงจำนวนฟันเปรียบเทียบระหว่างคน สุนัขและแมวครับ
ชนิด |
คน |
สุนัข |
แมว |
ฟันน้ำนม |
28 |
28 |
26 |
ฟันแท้ |
32 |
42 |
30 |
ซึ่งฟันแท้ของทั้งสุนัขและแมวนั้น จะขึ้นครบก็ตอนอายุประมาณ 7-8 เดือน โดยลักษณะของตัวฟันนั้นจะคล้ายกับทรงภูเขาที่มีปลายแหลม ต่างจากคนทีมีลักษณะเหมือนแท่งสี่เหลี่ยมเรียงกัน ทำให้พื้นผิวฟันของพวกเค้าสัมผัสกับอาหารมากกว่าและยังมีช่องว่างระหว่างฟันแต่ละซี่ด้วยทำให้มีหินปูนไปสะสมบริเวณนั้นได้ง่าย นอกจากนี้ในสุนัขที่มีลักษณะหน้าสั้นนั้นจะมีโอกาสเกิดหินปูนสะสมได้มากกว่าสุนัขปกติ เนื่องจากบางตัวมีการเรียงตัวของฟันผิดปกติไป กรามล่างยื่นมากกว่ากรามบน และกรามบนยื่นมากกว่ากรามล่าง ทำให้ไปลดการเสียดสีของฟันด้วยกัน หรืออาหารกับฟัน หินปูนก็เลยเกิดง่ายกว่านั่นเอง
บางคนอาจพบว่าสุนัขมีกลิ่นปากและ หินปูน สิ่งเหล่านี้มาจากไหนกัน แล้วทำไมถึงทำให้ฟันโยกได้
การที่มีกลิ่นปาก เหงือกอักเสบ เหงือกร่น และหินปูนมาเกาะในสุนัขและแมวนั้น เรียกว่า “โรคปริทนต์ หรือ periodontal disease” สาเหตุหลัก ก็มาจากแบคทีเรียในช่องปากร่วมกับการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของสัตว์เอครับง โดยปกติจะเริ่มจากมีคราบพล้าก (plaque) มาเกาะก่อน โดยคราบพล้ากนั้นประกอบไปด้วยแบคทีเรีย น้ำลาย เซลล์ต่างๆ และเศษสิ่งต่างๆในช่องปาก เมื่อแบคทีเรียมาเกาะผิวฟันจะสร้างสารทำให้เหนียวเกิดการสะสมของแบคทีเรียมากขึ้น เมื่อคราบพล้ากมากขึ้นก็จะเกิดการสะสมของแร่ธาตุทำให้เกิดเป็นก้อนหินปูนเกาะบนฟันนั่นเอง และแบคทีเรียเหล่านี้จะเริ่มรุกรานไปใต้เหงือกตามตัวฟัน พอถึงเหงือกเซลล์อักเสบต่างๆจะเริ่มเข้ามาทำให้เกิดเป็นเหงือกอักเสบ จากนั้นจะเกิดการทำลายเยื่อยึดรากฟัน จึงทำให้ฟันโยกตามมานั่นเอง โดยในสุนัขและแมวจะแบ่งออกเป็น 4 ระดับดังรูปที่ 1 นี้ครับ
รูปที่ 1 แสดงระดับของโรคปริทนต์ในสุนัขและแมว
เราจะทราบได้อย่างไร ว่า สุนัขและแมวปวดฟัน
สำหรับอาการที่พบเมื่อสุนัขเริ่มมีปัญหาโรคปริทนต์นั้น คือ มีกลิ่นปาก น้ำลายไหลเยอะ ทานอาหารลดลง มีเลือดออกจากปาก มีหินปูน บางครั้งเกิดเป็นฝีรากฟันทำให้เกิดแผลใต้ตาหรือมีอาการจามหลังกินอาหาร เป็นต้น
นอกจากโรคในช่องปากแล้วแบคทีเรียที่ก่อโรคนั้นสามารถเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดการติดเชื้อและเกิดเป็นโรคอื่นๆตามมา เช่น โรคหัวใจ โรคตับ และโรคไต เป็นต้น
การป้องกัน
สุนัขและแมวจำเป็นที่จะต้องได้รับการแปรงฟันทุกวัน เนื่องจากการแปรงฟันช่วยป้องกันการเกิดคราบพล้าก(plaque) ควบคุมอาการเหงือกอักเสบ และช่วยควบคุมสภาวะในช่องปาก ชนิดของอาหารที่ให้มีส่วนทำให้เกิดคราบพล้ากและหินปูนสะสมเนื่องจากอาหารที่มีความเหนียวจะทำให้แบคทีเรียเกาะสะสมได้ง่าย อาหารและขนมบางชนิดมีส่วนช่วยในการขัดฟันแต่ประสิทธิภาพนั้นจะเกิดเฉพาะบริเวณที่สัมผัสกับอาหารหรือขนมเท่านั้น ดังนั้นการแปรงฟันจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการดูแลภายในช่องปากสุนัข โดยเจ้าของสามารถทำได้เอง เป็นการสำรวจความผิดปกติในช่องปากและยังเพิ่มความใกล้ชิดระหว่างสุนัขและแมวกับเจ้าของอีกด้วย
วิธีการแปรงฟัน
1. เริ่มต้นด้วยการให้สุนัขคุ้นเคยกับยาสีฟันก่อน โดยการป้ายให้ชิม จากนั้นจึงค่อยๆใช้นิ้วลูบบนตัวฟันก่อน เพื่อให้สุนัขเกิดความเคยชินกับการถูบนตัวฟัน
2. เมื่อสุนัขเริ่มคุ้นเคยก็อาจเปลี่ยนเป็นผ้าค่อยๆถูบนฟันสุนัขไปรอบๆให้ทั่วทั้งปาก
3. จากนั้นจึงค่อยเริ่มใช้แปรงสีฟันในการแปรงฟัน โดยเน้นให้แปรงถึงส่วนที่เหงือกสัมผัสกับฟัน แปรงจากบนลงล่างหมุนวนเป็นวงรี
4. จับให้สุนัขปิดปาก แล้วจึงเปิดริมฝีปากสุนัขโดยใช้นิ้ว แล้วเริ่มแปรงฟันโดยเริ่มจากด้านในมาด้านนอก และแปรงฟันด้านหน้าสุดเป็นลำดับสุดท้าย
5. แปรงฟันทางผิวด้านนอกที่เห็นให้หมดทั้งสองฝั่ง และลองพยายามแปรงฟันด้านในที่ติดกับลิ้นแต่ในส่วนนี้อาจต้องใช้ระยะเวลาในการฝึกฝนพอสมควร
6. ช่วง 1-3 วันแรกในการแปรงฟันอาจพบเลือดออกบ้าง แต่หลังจากนั้นจะหายไปเอง หากยังไม่หายควรพาไปพบสัตวแพทย์ และควรพาสุนัขไปตรวจสุขภาพฟันกับสัตวแพทย์ทุกๆ 6 เดือน
รูปภาพจาก http://www.vthh.vet.ku.ac.th/nan.html และ http://www.dogilike.com/content/caring/2515/
ข้อมูล Textbook : small animal dentistry by Cecilia Gorrel 2008
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี