อธิบดีกรมศิลปากรกับโบราณวัตถุในคลังกลาง
โบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาตินั้น กว่าจะนำออกแสดงได้นั้นมีที่มาที่ไปอย่างน่าสนใจ อาทิตย์ ได้เดินตามรอยโบราณวัตถุไปกับคุณอเนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากรไปที่คลังกลางของสำนักพิพิธภัณฑ์ กรมศิลปากร ที่คลอง ๕ ปทุมธานี เนื่องจากเมื่อพ.ศ.๒๕๑๗นั้นกรมศิลปากรได้ขอใช้ประโยชน์ที่ดินราชพัสดุจากกรมธนารักษ์ หมู่ที่๕ ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จำนวน ๓๐๕ ไร่ ๗๓ ตารางวา เพื่อการจัดสร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทางด้านชาติพันธุ์วิทยา เพื่อการพัฒนากิจการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจากด้านโบราณคดี ศิลปะ และ ประวัติศาสตร์ ขยายเนื้อหาให้ครอบคลุมทางด้านชาติพันธุ์วิทยา สนองต่อพัฒนาการทางด้านการศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์และวิจัยเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษยชาติ สังคมและวัฒนธรรม ที่มีมากขึ้นในวงการศึกษาของประเทศและของโลก
ต่อมาพ.ส.๒๕๓๓ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำริถึงความแออัดของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่เก็บรักษาอยู่ที่คลังกลาง (CentralStorage) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ทำให้ไม่สามารถให้บริการด้านการศึกษาแก่คนภายนอกได้ กรมศิลปากร ได้ปรับเปลี่ยนแผนการใช้ที่ดินจากศาลายาเป็นคลังกลางมาใช้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชาติพันธุ์วิทยา ดำเนินงานก่อสร้างเป็นเวลา ๗ ปี ตั้งแต่พ.ศ.๒๕๓๕-๒๕๔๘โดยสร้างคลังกลางสำหรับงานพิพิธภัณฑ์ขึ้น ประกอบด้วยหน่วยงานหลัก คือ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนาภิเษก”อันเป็นแหล่งเรียนรู้มนุษยชาติที่มีความหลากหลายทางด้านสังคมและวัฒนธรรม “ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์” และ “คลังโบราณวัตถุศิลปวัตถุแห่งชาติ
เปิดบ้านศิลปากร ที่พช.กาญจนาภิเษก
สำหรับการจัดเก็บโบราณวัตถุในคลังกลางนั้นเปรียบเสมือนเป็นหลังบ้านที่คอยดูแลวัตถุพิพิธภัณฑ์ เพื่อใช้หมุนเวียนในการจัดนิทรรศการ และใช้ในการศึกษาค้นคว้าด้านต่างๆ โดยให้ความสำคัญต่อการการเผยแพร่ความรู้ และสร้างเครือข่ายของการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของบุคลากรที่ทำงานด้านพิพิธภัณฑ์ให้แก่สาธารณชนทั่วไป สมัยก่อนการเก็บสะสมของพิพิธภัณฑ์นั้นไม่มีนโยบายที่ชัดเจน มีการรับรับวัตถุเข้ามาเก็บอย่างหลากหลาย และสะสมอยู่ในความครอบครองเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ถูกปล่อยให้รกและเต็มไปด้วยฝุ่น ทำให้ไม่สามารถนำมาจัดแสดงได้ทั้งหมด สภาพของคลังพิพิธภัณฑ์จึงไม่ได้สะท้อนให้เป็นคลังที่สนับสนุนการเรียนรู้ได้
เครื่องไม้จำหลักที่รักษาในคลังกลาง
ปัจจุบันนี้คลังกลางได้มีการจัดการระเบียบ ปลอดภัย ให้สามารถค้นหาและจัดเก็บได้ง่าย มีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นตลอด๒๔ ชั่วโมง มีอุปกรณ์ควบคุมอัตโนมัติ และการเก็บวัตถุต้องเก็บไว้อย่างปลอดภัยในสภาพที่เป็นธรรมชาติของวัตถุ มีระบบรักษาความปลอดภัย ที่จำกัดจำนวนผู้เข้าถึงในคลัง มีระบบควบคุมการรับเข้าและนำออก มีอุปกรณ์เตือนและป้องกันภัยทั้งโจรภัย อัคคีภัย รวมถึงแผนการป้องกันและรับมือกับภัยที่เกิดขึ้น“คลังกลางพิพิธภัณฑ์”จึงเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สมบูรณ์ สามารถเปิดให้เข้าไปค้นคว้าได้ เป็น “คลังเปิด” (open storage)ที่มองเห็นได้โดยจัดกึ่งนิทรรศการและมีคลังบางส่วนจัดไว้เพื่อการค้นคว้าโดยเฉพาะ เรียกว่า “ของสะสมเพื่อการค้นคว้า”(Study collection) ดังนั้นคลังกลางแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ปกป้องรักษาสมบัติอันล้ำค่าของแผ่นดินให้เป็นมรดกของชาติสำหรับการเรียนรู้ในอนาคต และสามารถให้บริการความรู้และเชื่อมโยงเครือข่ายได้ ซึ่งวัตถุที่จัดเก็บในคลังกลางได้มาจาก การสำรวจและการขุดค้นทางโบราณคดี การรับมอบจากหน่วยงานราชการและเอกชน และสิ่งเทียมโบราณวัตถุและสิ่งเทียมศิลปวัตถุ ทั้งอายัดและยึด ในคดีลักลอบค้าและลักลอบนำเข้าหรือส่งออก ซึ่งมีทั้งเครื่องไม้จำหลัก เครื่องปั้นดินเผา และเครื่องสำริดสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่มีมากกว่า ๗ หมื่นชิ้น และสิ่งของที่รับบริจาคทั่วไปอีกมากกว่า๗๐๐๐ ชิ้น นับเป็นคลังความรู้ชั้นต้นก่อนนำไปสู่การเรียนรู้ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติแต่ละแห่งต่อไป
เครื่องสังคโลกจากโบราณคดีใต้น้ำ
ตัวหนังตะลุงในคลังกลาง
ทับหลังจากปราสาทหินในไทย
ชิ้นส่วนของเทวรูปที่เก็บรอศึกษา
ศิลาจารึกที่รวบรวมไว้ส่วนหนึ่ง
ห้องแสดงสัปคับบนหลังช้างและเครื่องประกอบอื่นๆ
เครื่องจักสานของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี