ครั้งหนึ่งเธอคนนี้เคยเป็นแขกรับเชิญของเรามาแล้วครั้งหนึ่ง ในฐานะกูรูด้านโซเชียลเน็ตเวิร์ค นักการตลาด นักวิชาการ แต่วันนี้ อ๋อ – อรภัค สุวรรณภักดี หลังจากที่จากประเทศไทยไปศึกษาต่อปริญญาเอก ด้านผู้นำ กลับมาอีกครั้งในฐานะนักออกแบบและเจ้าแบรนด์กระเป๋าลายธงชาติสุดอินเทรนด์ แบรนด์ BagSilly ซึ่งเป็นที่กล่าวถึงของผู้ที่มีความรักชาติ และเป็นแฟชั่นนิสต้าอยู่ในคนคนเดียวกัน
อ๋อ–อรภัค บอกว่า แบรนด์ BagSilly เกิดขึ้นจากหนึ่งในความใฝ่ฝันผสมกับโชคชะตา ที่ทำให้มีโอกาสเข้ามาทำธุรกิจนี้ ซึ่งส่วนตัวเเล้วก็มีหลากหลายธุรกิจที่อยากทำในอนาคต เเต่ทดลองจากสิ่งที่สนใจก่อน ด้วยความเป็นผู้หญิงแน่นอนว่าต้องมีความเป็นแฟชั่นนิสต้ากันอยู่ในตัวทุกคน สำหรับเธอเองนั้นก็มีความชื่นชอบชอบกระเป๋า เเละเนื่องจากเป็นคนชอบซื้อของ สำรวจตลาด เลยทำให้รู้สึกว่า ไม่อยากเสียเวลาเปล่าประโยชน์ เพราะเวลาซื้อของ เราก็ดูตลาดไปด้วย การทำธุรกิจที่เป็นงานอดิเรก เเละสร้างรายได้ สำหรับตนเองคิดว่า ได้ทั้งทำสิ่งที่สนใจ เเละได้เงิน เเละได้ช๊อป ก็คิดมาเเล้วว่าน่าจะดี ส่วนตัวไม่ได้คิดอยากจะรวยจากธุรกิจนี้ เพราะธุรกิจกระเป๋า ถ้าไม่มีเงินลงทุนที่หนามาก ยากที่จะเกิดได้ในประเทศที่คนส่วนมาก ยังชอบซื้อของนอกมากกว่าของไทย เเละ ยังหาตัวตนกับความต้องการทางเเฟชั่นที่ยังไม่เจอ สำหรับประเทศที่พัฒนาเเล้วตลาดกระเป๋าจะต่างจากประเทศไทย หากมีเอกลักษณ์เกิดได้ทันที เเต่สำหรับประเทศไทย ต้องบอกว่าเป็นประเทศที่เป็นอีกเเนว
แม้ในท้องตลาดจะมีกระเป๋าทั้งแบรนด์ดังและโนเนมอยู่มากมาย แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่มีกระเป๋าลายธงชาติที่ตัวเองอยากได้ เธอจึงเลือกที่จะสร้างแบรนด์กระเป๋าในแบบของตัวเอง โดยนำ “ธงไตรรงค์” และสัญลักษณ์ “สันติสุข” มาเป็นแรงบันดาลใจในการเปิดตัวคอลเลคชั่นแรก "WE LOVE THAILAND COLLECTION"
“กว่าจะออกมาเป็นคอลเลคชั่นนี้ได้ก็ค่อนข้างเหนื่อยพอสมควร เพราะว่าไม่มีประสบการณ์ในการออกเเบบ เเละ ทำเอาตามใจเป็นหลัก มีเเบบส่วนที่ตามใจลูกค้าบ้าง เเต่ส่วนมากเเล้ว เน้นสิ่งที่ตนเองชอบ เเละพอมีคนรู้ว่าเราจะเอาลายธงชาติมาใช้หลายคนก็เตือนว่าระวังนะ เหมาะสมหรือเปล่า ผิดกฎหมายหรือเปล่า แต่ตัวอ๋อเองที่คิดทำกระเป๋าลายธงชาติ เพราะรู้สึกว่าในโลกแฟชั่นหลายๆ ประเทศเขาก็เอาธงชาติมาใช้เหมือนกัน ทำไมคนไทยถึงไม่ทำ คิดมานานหลายๆปี เราอยากให้คนไทยรักชาติไทย มากกว่าที่จะถือกระเป๋าลายธงชาติประเทศอื่นๆ ฉะนั้นอ๋อก็เลยศึกษา พรบ ธงชาติ เเละ เนื่องจากไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า ถูกหรือ ผิด เเต่ตนเองศึกษาเเล้วว่าน่าจะได้ จึง ตัดปัญหาออกไปถ้าจะผิดหรือไม่ผิดค่อยว่ากัน ยอมโดนฟ้องเพื่อออกลายนี้ทำตามเเรงบันดาลใจ คิดเเล้วว่า ไม่ทราบจะขายได้ไหม เพราะลายมันสีเเรง คนไทยส่วนมากไม่นิยม แต่ ในเมื่อฉันอยากทำ ก็ตัดสินใจลงมือทำตามความฝันเลย ซึ่งเเนวคิดนี้ คือ Silly idea เข้ากับ BAGSILLY หมายถึง ไอเดียคอลเลคชั่นเเรก ก็เป็นอะไรที่ ซิลลี่ ตามชื่อเเบรนด์เลยค่ะ"
พอประจวบเหมาะกับมีเหตุการณ์ทางการเมือง ซึ่งเราก็คิดว่าก็มีโอกาสจะขายได้หากฟลุ๊คเป็นกระเเส เเต่ในใจคิดว่าได้หรือไม่ได้ ทำไว้ก่อนตามเเรงบันดาลใจ ก็มีการนำเอาธงชาติไทยมาใช้ในเชิงสัญลักษณ์ กระเป๋าลายธงชาติแบรนด์ BagSilly ก็ถูกมองว่าฝักใฝ่ฝ่ายไหนหรือไม่อย่างไร ซึ่งเจ้าของแบรนด์ตอบคำถามคาใจนี้ว่า
“กระเป๋าลายธงชาตินี่เป็นอะไรที่อยู่ในหัวมานานมาก ไม่ใช่ตามกระแส เเละ สร้างกระเเสกระเป๋าธงชาติ เเน่นอนว่า กระเเสทำให้เราเกิดได้ ขายได้ เพราะถ้าดูจริงๆ กระเป๋าลายธงชาติของ BagSilly เปิด Pre-Order ประมาณเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม 2556 ก่อนที่จะมีเหตุการณ์ทางการเมืองเสียอีก และอยากบอกกับลูกค้าทุกท่านและผู้ที่สนใจว่า เราไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่กลุ่มเป้าหมายของเราคือคนไทยทุกคน โดยไม่เกี่ยวกับสีเสื้อใดๆ อยากให้ทุกคนสงบสุข สันติสุข รักชาติ เราพูดเสมอว่า ทุกสีคือ คนไทย ถือได้หมด นอกจากนี้เเล้วก่อนหน้านี้ เราประกาศว่าจะนำเงินทุกใบ เข้าร่วมการกุศล ตามที่ได้บอกไว้ อ๋ออยากให้ผู้ที่ถือกระเป๋าลายธงชาติ BagSilly รู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นชาติเป็นคนไทยมากกว่า แต่อ๋อก็ไม่ปฎิเสธว่าเหตุการณ์การเมืองก็มีผลทำให้แบรนด์ BagSilly เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น ยอดขายดีขึ้น แต่เราก็ไม่ได้มีแต่กระเป๋าลายธงชาติ ยังมีกระเป๋าแฟชั่นลักษณะอื่นๆ ภายใต้แบรนด์ BagSilly ด้วยค่ะ”
BagSilly เป็นแบรนด์กระเป๋าที่ทำการตลาดผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค ลูกค้าสามารถชมและเลือกซื้อสินค้าผ่านทาง www.facebook.com/BagSilly ไม่มีหน้าร้าน และไม่ได้จำหน่ายกระเป๋าแต่แบรนด์ BagSilly แม่ค้าคนเก่งคนนี้ยังขายกระเป๋าแบรนด์อื่นๆ อีกด้วย
“ธุรกิจนี้เกิดขึ้นจากความชอบกระเป๋าเป็นการส่วนตัว โชคชะตา ความบังเอิญ และเราต้องการใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านการตลาดเพื่อลดต้นทุนในการจ้างคนอื่น ตอนเริ่มแรกของ BagSilly คอนเซ็ปต์ของร้านขายกระเป๋าร้านนี้คือ ร้านโชห่วยกระเป๋า เป็นการซื้อมาขายไป มีกระเป๋าราคาไม่กี่ร้อยบาท ไปจนถึงกระเป๋าราคาพันกว่าบาทไม่เลยสองพันบาท เพียงแต่ไม่ได้ใช้แบรนด์ BagSilly พอลองตลาดไปได้ซักระยะจึงได้ตัดสินใจผลิตกระเป๋าภายใต้แบรนด์ BagSilly โดยใช้วัสดุในการตัดเย็บกระเป๋าอย่างดี ในราคาที่สมเหตุสมผล หลายคนถามว่าแล้วไม่กลัวเหรอว่ากระเป๋าแบรนด์ตัวเองจะขายไม่ได้เพราะขายของอื่นด้วย อันนี้บอกได้เลยว่าอ๋อไม่กลัวเพราะ คิดว่าลูกค้าน่าจะชอบมากกว่า เพราะคุณสามารถเลือกซื้อกระเป๋าได้ตรงกับความต้องการ ทั้งรูปแบบที่ถูกใจ ราคาที่ลูกค้ารับได้ ถ้าอยากได้ราคาไม่สูงมากนักลูกค้าก็จะรู้อยู่แล้วว่าคุณภาพกระเป๋าจะเป็นอย่างไร แต่ถ้าลูกค้าอีกระดับหรืออีกความต้องการ เขาก็จะยอมรับเรื่องราคาที่สูงขึ้นได้”
ผู้อ่านคงสงสัยเช่นกันว่าทำไมต้องเป็น BagSilly แม่ค้าหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะตอบว่า
“Silly แปลว่า งี่เง่า ไม่จริงจัง โง่ บ้า เหลวไหล ไร้เหตุผล ใช่ไหมคะ ที่ตั้งชื่อนี้เพราะเราตั้งใจที่จะทำธุรกิจนี้ แต่ไม่อยากให้ความจริงจังนั้นมากดดันตัวเอง เนื่องจากตนเองคิดอยากทำอะไรก็มักจะทำได้เสมอ เเต่ก็รู้ว่าการค้าไม่เหมือนกับอย่างอื่น เพราะมีเรื่องต้นทุน ผู้ผลิต เเละ ปัจจัยที่ไม่เเน่นอนเข้ามากระทบ เเละ มีเรื่องของโชค กับ จังหวะ นอกจากนี้ เรามาทำในธุรกิจที่ตนเองไม่มีความเชี่ยวชาญใดๆ จึงเรียกว่า เป็นธุรกิจบ้าๆ บอๆ ของตนเองมากกว่า เพราะอาศัยความชอบถ่ายรูป ชอบซื้อ ชอบดู ชอบโน่นนี่ ทำผสมกันไป เเบบบ้าๆ บอๆ เเละถือเป็นงานอดิเรกอย่างนึง ปกติก็ต้องซื้อของ ถ่ายรูป อยู่เเล้ว เพียงเเต่อันนี้ทำเเล้ว ก็ได้ทดลองความคิดความรู้ต่างๆที่สามารถต่อยอดกับการสอน เเละ การทำธุรกิจอื่นๆต่อไป
อีกประเด็นมันก็เป็นความบ้าส่วนตัวเหมือนกันที่มาทำแบรนด์ เพราะเราไม่เคยมาทำธุรกิจมาก่อน แต่อ๋อก็จะทำ ทั้งๆ ที่ครอบครัวไม่ค่อยเห็นด้วย และเป็น Reverse marketing อย่างหนึ่ง คือ กระเป๋าแบรนด์ของเราเป็นกระเป๋าคุณภาพ วัตถุดิบอย่างดี แต่เราอยากตั้งชื่อให้ตรงข้ามกับสิ่งที่มันเป็น เพื่อให้ลูกค้าหรือคนที่อ่านรู้สึกว่า ชื่อมัน Silly แต่คุณภาพมันไม่ Silly เลย และเป็นแบรนด์ที่จับต้องได้”
ท้ายที่สุด แม่ค้าหน้าใหม่เจ้าแบรนด์ BagSilly ยังมีข้อคิดและกำลังใจฝากถึง นักออกแบบแฟชั่นรุ่นใหม่ ที่อยากจะสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองด้วยว่า
“ตัวอ๋อเองวันนี้จะบอกว่าประสบความสำเร็จทางธุรกิจ ก็อาจจะพูดได้ไม่เต็มปากนักเพราะเริ่มได้ไม่นานมากจนสรุปได้ขนาดนั้น คือเรียกว่าขายได้ คนสนใจมากกว่าที่คิด เเต่ตัวเองคงบอกว่า ความฝันสูงสุด คือ ได้ออกเเบบลายธงชาติ เเละทำให้ธงชาติเป็นที่รู้จัก เเละเป็นจุดเริ่มต้นของกระเเสกระเป๋าธงชาติ ความเห็นส่วนตัวคิดว่า ตนเอง คือตำนานของลายนี้ เพียงม๊อบไปจุดกระเเสต่อไป ตนเองรักชาติมากพอที่จะยอมผิดกฎหมาย เเละยอมขาดทุน โดยยังคงรักษาอุดมการณ์กับการทำให้คนไทยหันมามองลายที่ไม่มีใครกล้าทำ
สำหรับตนเองถือว่าสำเร็จ แต่ในฐานะนักออกแบบผู้สร้างแบรนด์เล็กๆ เรียกว่ามาถึงจุดที่คนรู้จัก จึงอยากเป็นกำลังให้กับน้องๆ นักออกแบบรุ่นใหม่ หรือผู้ที่อยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจสร้างแบรนด์ของตัวเองให้สำเร็จ อย่าให้ท้อใจ สร้างสรรค์งานที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองออกมาภายในข้อจำกัดของต้นทุน และ อื่นๆ ก็ขอให้สู้ไว้ก่อน เพราะเอกลักษณ์ของเราคนหนึ่งอาจจะมองว่าไม่ดี แต่อีกคนอาจจะชอบก็ได้ พยายามค้นหาเอกลักษณ์ของตัวเองให้เจอแล้วเอาใส่ไว้ในงาน เวลาที่คนมองแบรนด์ของเราแล้วเขาจะรู้ว่านี่เป็นเอกลักษณ์ของคุณ แต่ก็ไม่ใช่เอกลักษณ์แบบสุดขั้ว เพราะอย่างไรคุณก็ต้องดูความต้องการของตลาดด้วย เหมือนอ๋อทำกระเป๋าขายมันก็จะมีคอลเลคชั่นที่เป็นเอกลักษณ์แสดงตัวตนคือ กระเป๋าลายธงชาติ ส่วนรูปแบบอื่นๆ เราผลิตมาก็เพื่อสนองความต้องการของตลาดด้วย อันนี้ถึงจะอยู่ได้”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี