โรคลำไส้อักเสบติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส หรือ Canine viral enteritis นั้น ฟังชื่อโรคดูก็พอจะบอกได้ว่าเป็นโรคที่ทำให้เกิดความผิดปกติหลักๆ ที่ระบบทางเดินอาหาร คือ มีการอักเสบติดเชื้อที่สำไส้ เกิดอาการท้องเสียอย่างรุ่นแรง ซึ่งการท้องเสียที่เกิดจากเชื้อไวรัสนั้น มักจะมีความรุนแรงกว่าการท้องเสียที่เกิดจากสาเหตุอื่นเช่น จากเชื้อพยาธิ บิด โปรโตซัว และแบคทีเรีย ซึ่งเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคเองนั้น ก็มีหลายชนิด เช่น parvo และ corona virus แต่ตัวที่ก่อให้เกิดปัญหาหนักและรุนแรง ที่เป็นเหตุให้สุนัขเสียชีวิต คือ Parvo virus ซึ่งเป็นเรื่องที่เราจะมาคุยกันวันนี้ครับ
โรคนี้เป็นโรคติดต่อที่มีความรุนแรงมากโดยเฉพาะในลูกสุนัขหรือ สุนัขที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันมาก่อนเลย ไวรัสตัวนี้จะเข้าไปทำลายผนังทางเดินอาหารทำให้เกิดแผลลอกหลุด ทำให้การย่อยและดูดซึมอาหารสูญเสียไป
อาการหลักที่พบ
มีอาหารอาเจียนและถ่ายอย่างรุนแรง ซึม กินอาหารไม่ได้ ถ่ายเหลวพุ่ง โดยในระยะท้ายจะถ่ายเป็นเลือด กลิ่นเหม็นคาวจัด (คล้ายกลิ่นกุ้งเน่า) อาการที่พบอีกอย่างหนึ่ง คือจะการทำงานของระบบหายใจ รวมถึงระบบหัวใจและหลอดเลือดล้มเหลว โดยเฉพาะในลูกสุนัข ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลันได้
สาเหตุของการเสียชีวิต
เกิดจากการอาเจียนและท้องเสียอย่างรุนแรงมาก ทำให้เกิดภาวะช็อค เนื่องจากการเสียน้ำ และภาวะเกลือแร่ในร่างกายไม่สมดุลย์ หรือมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ที่สำคัญ ไวรัสตัวนี้จะทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน เกิดหัวใจล้มเหลว เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย สุนัขจะเสียชีวิตแบบเฉียบพลัน
การติดต่อและการแพร่ระบาดของโรค
มักเกิดจากการกินและการสัมผัสโดยตรง จากเชื้อไวรัสที่ปนเปื้อนในอุจจาระของสุนัขที่ป่วย หรือโดยการสัมผัสผ่านตัวพาหะสื่อกลางเช่น ติดเสื้อผ้าหรือรองเท้าของเจ้าของ หรือผ่านสัตว์อื่นเช่น นกที่บินมาเกาะชามอาหาร
การรักษา
เนื่องจากโรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส จึงไม่มียารักษาเฉพาะ ทำได้แค่รักษาเพียงแบบพยุงอาการ ชดเชยภาวะการขาดน้ำ แร่ธาตุ และสารอาหาร รวมถึงการให้ยาปฏิชีวนะเพื่อควบคุมการติดเชื้อแทรกซ้อน ในปัจจุบันมีการรักษาโดยการให้อินเตอเฟียรอน (interferon) ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีผลทำให้เซลล์ที่ถูกกระตุ้นนั้นอยู่ในสภาพที่ต้านไวรัส ซึ่งโดยปกติร่างกายจะสร้างสาร interferon นี้ขึ้นมาเองได้ แต่สัตว์ต้องอยู่ในสภาพที่แข็งแรงเพียงพอ ปัจจุบันเริ่มมีสัตวแพทย์นำมาใช้รักษามากขึ้น แต่ติดที่มีราคาค่อนข้างแพงมาก
การป้องกัน
ทำได้โดยการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นวิธีการป้องกันที่ได้ผลดีมากวิธีหนึ่ง แม้จะไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่ก็เป็นการลดอัตราการเสี่ยงของการเกิดโรคได้ การทำวัคซีนจะเริ่มทำตั้งแต่อายุ 6-8 สัปดาห์ และทำการกระตุ้นซ้ำอีก 1-2 ครั้ง ห่างจากเข็มแรกประมาณ 2-4 สัปดาห์ และฉีดซ้ำเป็นประจำทุกปี เนื่องจากเราอาจไม่สามารถป้องกันสุนัขของเราจากการติดโรคจากสภาพแวดล้อมได้ เช่นเมื่อพาสุนัขออกไปเดินเล่นหรือขับถ่าย สุนัขอาจดมหรือเลียสิ่งของ ผนัง พื้นถนนที่อาจมีเชื้อปนเปื้อนอยู่ นอกจากนี้สัตว์ตัวเล็กบางชนิดเช่น แมลงสาบ หนู หรือนกกระจอกที่มากินเศษอาหารที่เหลืออยู่ในชามอาหารของสุนัข อาจไปสัมผัสกับอุจจาระที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อนมาก่อน ซึ่งก็เป็นการนำเชื้อมาให้สุนัขของเราทางอ้อมได้ ดังนั้น การล้างชามอาหารและคว่ำให้แห้งทุกครั้งหลังจากที่สุนัขกินเสร็จ ก็เป็นวิธีป้องกันอีกทางหนึ่งครับ
อาจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร. ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และเสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี