เมื่อเข้าสู่หน้าร้อนแบบนี้ หลายท่านมักจะนึกถึง “โรคพิษสุนัขบ้า” เพราะ คิดว่า อากาศร้อน จะทำให้สุนัขละแมวเครียด จนทำให้เป็นโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งจริงๆ โรคพิษสุนัขบ้านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ความเครียด หรืออากาศที่ร้อนหรือเย็นเลยครับ วันนี้ เรามาทำความเข้าใจโรคพิษสุนัขบ้ากันอีกคร้งนะครับ
โรคพิษสุนัขบ้า หรือ โรคกลัวน้ำ (Rabies) คืออะไร
เป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรงชนิดหนึ่ง เกิดจากเชื้อไวรัส มักเกิดจากการถูกกัดหรือข่วนโดยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น สุนัข แมว หนู โค กระบือ แพะ แกะ ม้า สุกร ค้างคาว กระต่าย จิงโจ้บิน เป็นต้น ในปัจจุบันยังไม่มีทางรักษาให้หาย และมีอันตรายถึงชีวิต จากการเป็นอัมพาตของระบบทางเดินหายใจ แต่สามารถป้องกันได้ครับ
สาเหตุมาจากอะไร
เชื้อไวรัสก่อโรคชื่อ Rabies virus ในตระกูล Rhabdoviridae ลักษณะของเชื้อ รูปร่างคล้ายกระสุนปืน ปลายด้านหนึ่งโค้งมนและปลายอีกด้านหนึ่งตัดตรงโดยเชื้อไวรัสจะอยู่ในน้ำลาย ช่องทางการติดต่อสู่คนที่พบบ่อย คือ “การถูกกัด” ครับ
การติดต่อของโรคเป็นอย่างไร
เชื้อไวรัสออกมากับน้ำลายสัตว์ที่ติดเชื้อ เข้าสู่ร่างกายคนทางบาดแผลที่สัตว์กัดหรือข่วน ทางเยื่อเมือกในช่องปาก หรือตา และไปยังสมองโดยผ่านเส้นประสาทนั่นเอง
ระยะติดต่อของโรคเร็วแค่ไหน
สุนัขและแมว อาจแพร่เชื้อได้ระยะ 3 - 10 วันก่อนเริ่มแสดงอาการป่วย และตลอดเวลาที่สัตว์แสดงอาการป่วย โดยเฉลี่ยระยะเวลาการเกิดโรคใช้เวลาตั้งแต่ 3 สัปดาห์ถึง 4 เดือนครับ
หากปล่อยไว้จนอาการของโรคปรากฏแล้ว จะทำให้สัตว์เสียชีวิตได้ครับ โดยระยะเวลาการเกิดโรคขึ้นอยู่กับ ปริมาณเชื้อที่เข้าแผล ขนาดและความลึกของแผล ตำแหน่งที่เชื้อเข้า ถ้าใกล้สมองมาก เชื้อจะไปถึงสมองได้เร็ว รวมถึงความรุนแรงของเชื้อด้วย เช่นเชื้อจากสัตว์ป่ามักจะอันตรายมากกว่าสัตว์เลี้ยง
สัตว์ป่วยจะมีอาการอย่างไร
อาการหลักๆ ของโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่
1.ระยะเริ่มแรก (ระยะเวลา 2 – 3 วัน) อารมณ์และอุปนิสัยเปลี่ยนไปจากเดิม
2.ระยะตื่นเต้น (ระยะเวลา 1 - 7 วัน) เริ่มมีอาการทางประสาท กระวนกระวาย หงุดหงิด ไม่อยู่นิ่ง แสดงอาการแปลกๆ เช่น งับลม กัดแทะทุกอย่างที่ขวางหน้า เริ่มเกิดอัมภาพของกล้ามเนื้อกล่องเสียง ลิ้นห้อย น้ำลายไหล ขาหลังเริ่ม อ่อนเปลี้ย เริ่มเข้าสู่ระยะเป็นอัมพาต
3.ระยะอัมพาต เป็นระยะสุดท้าย จะเกิดอัมพาตทั่วตัวอย่างรวดเร็ว และเสียชีวิตในที่สุดเนื่องจากอัมพาตของระบบหายใจ ทำให้ไม่สามารถหายใจได้ต้องพึงระลึกไว้เลยว่า สุนัขที่แสดงอาการแล้ว ส่วนใหญ่แล้ว มักมีชีวิตอยู่ได้ไมjเกิน 10 วัน
ประเภทของโรคพิษสุนัขบ้า
โรคพิษสุนัขบ้าที่พบมักมี 2 ชนิด คือ ชนิดดุร้ายและชนิดเซื่องซึม
1. ชนิดดุร้าย จะแสดงอาการดุร้าย เดินไปมา กระวนกระวาย กัดโซ่ หรือกรงขังจนเลือดออกโดยไม่แสดงอาการเจ็บปวด บางรายจะวิ่งโดยไร้จุดหมาย กัดคนและสัตว์ทุกชนิดที่ขวางหน้า น้ำลายไหลย้อย คางห้อย หางตก จากนั้นก็จะเริ่มมีอาการอัมพาต ขาเริ่มไม่มีแรง วิ่งลำบาก เมื่อเกิดอัมพาตมากขึ้น ขาทั้งสี่ก็จะหมดแรง แล้วล้มลงหมดสติ และตายภายใน 3-7 วัน หลังจากที่แสดงอาการ
2. ชนิดเซื่องซึม จะสังเกตได้ยาก เนืองจากอาการป่วยที่แสดงจะคล้ายโรคอื่นๆ เช่น ไข้หวัด ไข้หัดสุนัขในระยะแรก สัตว์จะหลบไปอยู่ที่เงียบๆ อาจกัดคนหรือสัตว์อื่นเมื่อถูกรบกวน จากนั้นจะเกิดอัมพาต และตายในที่สุด ส่วนมากจะพบประเภทดุร้าย มากกว่าแบบเซื่องซึม
การระบาดของโรค
โรคพิษสุนัขบ้าเกิดได้ทุกฤดูกาล ไม่ได้เกิดเฉพาะในช่วงฤดูร้อนอย่างที่หลายท่านเข้าใจกันครับ แต่ช่วงฤดูผสมพันธุ์ของสุนัข ช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนมีนาคม มีการกัดกันเพื่อแย่งชิงสุนัขตัวเมีย ตัวใดมีเชื้อโรคอยู่ก็จะแพร่เชื้อติดไปยังสุนัขตัวอื่นได้มาก อีกทั้งเป็นช่วงปิดภาคเรียน โอกาสที่เด็กถูกกัดจึงมีมากยิ่งขึ้นในช่วงนี้ครับ จึงต้องระมัดระวังให้ดี
การป้องกัน สามารถทำได้โดย
1.พาสุนัขและแมวที่เลี้ยงไว้ ไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เมื่ออายุ 3 เดือน และฉีดกระตุ้นอย่างสม่ำเสมอทุกปี
2.เมื่อได้รับสุนัขและแมวใหม่มาเลี้ยง ควรทราบประวัติการฉีดวัคซีน และที่สำคัญควรปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำ
3. อย่าปล่อยให้เด็กเล็กเล่นกับสุนัขที่ไม่คุ้นเคยตามลำพัง รวมถึงคุมไม่ให้แกล้งหรือรบกวนสัตว์
4. เลี่ยงการสัมผัสน้ำลายสัตว์ที่ไม่มีประว้ติการฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า
5. ไม่ควรใช้มือเปล่าล้วงปากหรือคอ เพื่อช่วยเหลือสุนัขที่แสดงอาการเหมือนมีอะไรติดคอ โดยที่ไม่เห็นว่าสัตว์คาบหรือกลืนอะไร ลงไป
6. ไม่คลุกคลีกับสัตว์นอกบ้าน ที่ไม่มีเจ้าของ หรือสัตว์ที่ไม่ทราบประวัติการ ฉีดวัคซีนแล้วหรือยัง
การปฏิบัติตน เมื่อถูกสุนัขและแมวที่ไม่ทราบประวัติการฉีดวัคซีนกัดควรทำดังนี้
1. ล้างแผลให้สะอาดทันที ด้วยน้ำสะอาดและสบู่หลายๆ ครั้ง
2. ล้างซ้ำด้วยอัลกอฮอล์ แล้วใส่ยาฆ่าเชื้อในกลุ่มไอโอดีน เช่น ทิงเจอร์ หรือโพรวิโดนไอโอดีน
3. รีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก และ วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า
4. สังเกตอาการสัตว์ที่กัดเรา โดยกักบริเวณไว้ประมาณ 10-14 วัน
ถ้าสัตว์ตายในช่วงที่กักบริเวณไว้เอาซากไปส่งตรวจ โดย ให้ตัดหัว/หรือทั้งตัว ใส่ถุงพลาสติกชั้นหนึ่ง แล้วเอาถุงนั้นแช่น้ำแข็งอีกชั้นหนึ่ง (ต้องระวังไม่ให้มือเราเปื้อนน้ำลายสัตว์) ส่งสถานบริการตรวจหาเชื้อไวรัสโรคพิษสุนัขบ้าโดยด่วน ได้แก่ สถานเสาวภา สภากาชาดไทย กรมปศุสัตว์ โรงพยาบาลศิริราช สถานชันสูตรโรคสัตว์ต่างๆ เป็นต้น
อย่าปล่อยให้ซากสัตว์เรื่มเน่า เพราะจะไม่สามารถหาเซลในสมองที่ติดเชื้อไวรัสได้
หมายเหตุ : การกักบริเวณเพื่อดูอาการสัตว์นั้น ต้องมีอาหารและน้ำให้กินตามปกติด้วย เพราะถ้าสัตว์ที่กัดเรานั้นตาย จะมั่นใจได้ว่าไม่ได้ตายเพราะอดอาหาร หรือถูกทำร้ายจนตาย
**อย่าลืมนะครับว่า โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิต แต่สามารถป้องกันได้ครับ**
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี