เปิดงานวันอนุรักษ์มรดกไทย
วันที่๒เมษายนทุกปีนั้นเป็นวันอนุรักษ์มรดกไทย โดยถือเอาวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามมกุฏราชกุมารี เป็นการเทิดพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจด้านอนุรักษ์และสืบสานมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติจนเป็นที่ประจักษ์ชัดต่อสาธารณชนในประเทศและนานาประเทศ
อาทิตย์นี้ขอตามหาภูมิสำนึกของการอนุรักษ์มรดกของแผ่นดิน ซึ่งกรมศิลปากรได้ทำหน้าที่หลักในจัดงานนี้ในนามของคณะกรรมการอำนวยการวันอนุรักษ์มรดกไทย ตามที่มีมติเห็นชอบกับคำว่า มรดกไทย คือ มรดกทางวัฒนธรรมที่แสดงออกถึงการดำเนินชีวิตและคุณค่าประเพรีต่างๆอันเป้นผลผลิตร่วมกันของผู้คนในผืนแผ่นดินในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา นั่นหมายถึงทุกคนต้องมีส่วนร่วมในวันอนุรักษ์มรดกไทยนี้ไปทั่วประเทศ ดังนั้นความสำคัญของงานนี้จึงมีความแตกต่างกันตามพื้นที่และโบราณสถาน ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ อุทยานประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น แหล่งประวัติศาสตร์โบราณคดี แหล่งวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้านและศูนย์การเรียนรู้ชุมชนที่มีความสำคัญมากน้อยแตกต่างกันไป
การแสดงของสำนักสังคีตศิลป์
คณะรัฐมนตรีสมัยพลเอกเปรม ติรสูลานนท์ เป้นนายกรัฐมนตรีนั้นได้มีมติเมื่อวันที่๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๘ ประกาศให้วันที่ ๒ เมษายนของทุกปี เป็นวันอนุรักษ์มรดกไทย เพื่อรณรงค์สร้างความเข้าใจ ความสำนึกรัก และหวงแหนในมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ รวมทั้งให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพิทักษ์รักษามรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติให้มากยิ่งขึ้น ครั้งแรกนั้นได้มีการตั้งคณะกรรมการอำนวยการวันอนุรักษ์มรดกไทยซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมศิลาปากรเป้นกรรมการและเลขานุการี พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและเอกชน ๒๘ คนเป็นกรรมการเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๒ และได้จัดตั้งกองทุนอนุรักษ์มรดกไทยขึ้นทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยให้ประชาชนทั้งหลายนั้นได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมไทย และร่วมกันดำเนินการตามวัตถุประสงค์หลักของวันอนุรักษ์มรดกไทย ที่จัดเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญและเห็นคุณค่ามรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ
ประชาชนมีส่วนร่วมในงานทุกปี
เพื่อรณรงค์ให้มีการสงวนรักษามรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติอย่างถูกวิธี เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนและภาคเอกชนได้มีความรู้สึกร่วมในความเป็นเจ้าของโบราณสถานโบราณวัตถุและร่วมรับผิดชอบดูแลทะนุบำรุงรักษาให้เป็นมรดกไทยประจำท้องถิ่น เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น เพื่อลดอัตราการสูญเสียและการถูกทำลายของโบราณสสถาน โบราณวัตถุให้น้อยลง และเพื่อสกัดกั้นอิทธิพลของวัฒนธรรมต่างชาติซึ่งมีผลให้วัฒนธรรมไทยเบี่ยงเบนเปลี่ยนทิศทางไป
หัวโขนขนาดเล็กที่ระลึกสำหรับคนรักโขน
ตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๕๒๘-๒๕๓๔ นั้นกิจกรรมวันอนุรักษ์มรดกไทยได้มีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์โบราณสถานและศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นทั่วประเทศ ทุกปีนั้นมีการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลและองค์กรที่มีผลงานดีเด่นด้านอนุรักษ์มรดกไทย ในพ.ศ.๒๕๓๕ จึงเริ่มกำหนดเนื้อหาการจัดกิจกรรมแต่ละปี เช่น พ.ส.๒๕๓๕เรื่องนาฏศิลปและดนตรีไทย พ.ศ.๒๕๓๖ เรื่องช่างศิลป์ไทย พ.ศ.๒๕๓๗ เรื่องภาษาและวรรณกรรมไทย พ.ศ.๒๕๓๘-๒๕๔๐ เรื่องสถาปัตยกรรมไทย จัดซ้ำกัน ๓ ปี
ขันลงหินจากบ้านบุที่ยังอนุรักษ์ไว้
ทำให้แต่ละปีมีเนื้อเรื่องไม่ซ้ำกัน ในปีพ.ศ.๒๕๕๗นี้เรื่อง โขน อัฉริยนาฏกรรมสยาม ดังนั้นหากทบทวนตามวัตถุประสงค์เดิมแล้วการจัดกิจกรรมวันอนุรักษ์มรดกไทยจึงเป็นความสำนึกรู้และจัดขึ้นได้เองทุกจังหวัด ส่วนกรมศิลปากรซึ่งมีหน้าที่ในการอนุรักษ์ ศึกษาค้นคว้าและเผยแพร่ผลงานที่เป็นมรดกของชาตินั้น ในฐานะเจ้าของงานจึงต้องยืนโรงจัดกิจกรรมและเผยแพร่ความรู้ในศาสตร์และศิลปตามเนื้องานที่รับผิดชอบอยู่ให้ประชาชนได้สำนึกและสร้างสำนึกร่วมกันในการอนุรักษ์สืบต่อไป ในเมื่อศิลปวัฒนธรรมเป็นหน้าตาของชาติเป็นมรดกแผ่นดินเช่นนี้ความสำนึกในการอนุรักษ์จึงเป็นภูมิปัญญาในสายเลือดที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อตราบที่คนไทยยังสำนึกไทยอยู่ตลอดเวลา ดังปรากฏในผลงานช่างศิลป์ไทยที่ยังอยู่จนทุกวันนี้
งานช่างไทยใช้ฝีมืออย่างโบราณ
งานปูนปั้นที่มีการอนุรักษ์ฝีมือช่าง
งานลงรักประดับมุกจากช่างโบราณสู่ปัจจุบัน
ตัวแบบการเรียนรู้วิธีช่างของงานปูนปั้้น
ผลงานจิตรกรรมจากการสืบสานฝีมือ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี