ในสัปดาห์การอนุรักษ์มรดกไทยที่ผ่านมานั้น กรมศิลปากรได้รับมอบโบราณวัตถุสำคัญที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนคือ สุวรรณลิงคะหรือศิวลึงค์ทองคำ อาทิตย์นี้จึงขอตามรอยหา.ภูมิของพราหมณ์เมืองนครศรีธรรมราชจากเหตุที่พบหลักฐานชิ้นแรกที่มีค่ายิ่งดังกล่าว เมืองนครศรีธรรมราชนั้น มีที่มาจากคำกล่าวเรียกมาจากผู้คนในแคว้นสุโขทัย(แคว้นพาลี้) อันหมายถึง นครหรือเมืองของพระเจ้าศรีธรรมโศกแห่งราชวงศ์ปทุมวงศ์ ซึ่งพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรศรีวิชัยอยู่ระยะหนึ่ง ต่อมาพระเจ้าศรีธรรมโศกราช ได้สถาปนาเมืองหลวงใหม่จากเมืองเดิมคือ เมืองตามพรลิงค์ ที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ซึ่งปกครองโดยราชวงศ์อื่นและนับถือศาสนาพรามหณ์ เมืองใหม่นี้ตั้งทางตอนเหนือ ชื่อว่า “นครศรีธรรมราชมหานคร” หรือ “กรุงศรีธรรมราชมหานคร” เป็นเมืองหลวงแห่งอาณาจักรนครศรีธรรมราช ที่มีอำนาจอยู่ในคาบสมุทรมลายู นับตั้งแต่เขตบางสะพาน ไปจนถึง สิงคโปร์ แคว้นพาลี้ (ศุกโฃทัย) เป็นเมืองบกในปกครองของอาณาจักรศรีวิชัยที่เมืองไชยา เหมือนกับเมืองอู่ทอง ละโว้ และอื่นๆ คำว่า”ศรีวิชัย”นั้นเป็นนามที่เรียกอาณาจักรศรีโพธิ์ ที่ไชยา ที่นับถือศาสนาพุทธมหายาน หรือฮินดู-พุทธ โดย "ศรี"นั้นหมายถึงพราหมณ์ และ "โพธิ์"หมายถึงพระพุทธเจ้า อาณาจักรศรีโพธิ์ที่ไชยา มีอายุอยู่ระหว่างปี พ.ศ.๑๒๐๒-๑๗๕๙ กษัตริย์องค์แรกของศรีโพธิ์ คือ พระเจ้าหะนิมิตมหาราช มีฉายาเป็นเทพเจ้าว่า "พระอินทร์" เป็นผู้สร้างพระธาตุไชยาเมื่อ พ.ศ.๑๒๓๑ และสร้างพระแก้วมรกตเมื่อ พ.ศ.๑๒๓๓ มีโอรสชื่อว่า พระเจ้าวิษณุที่๑ ปกครองเมืองพระเวียง( นครศรีธรรมราช)แล้วเลยไปปกครองศรีวิชัยที่ชวา (อินโดนีเซีย) ใน พ.ศ.๑๒๙๐ และได้เป็นผู้สร้างบรมพุทโธครั้งแรกให้เป็นศาสนสถานแบบฮินดู-พุทธ ต่อมามีโอรสชื่อว่า พระเจ้าวิษณุที่๒(คือพระเจ้าศรีวิชเยนทรราชา) ได้เข้ามาครองนครศรีธรรมราชใน พ.ศ.๑๓๑๐แล้วรวบรวมศรีโพธิ์ทั้ง ๓ อาณาจักรนั้นเป็นหนึ่งเดียวเรียกว่า สัมโพธิ์ แปลว่า รวมโพธิ์ราชา (สัมฮุดชี) จากจารึกหลักที่ ๒๓ ซึ่งจารึกไว้เมื่อ พ.ศ.๑๓๑๘นั้นปรากฏชื่อ "ศรีวิชัย"อยู่หลายแห่งทำให้เชื่อว่าดินแดนไชยาคือศรีวิชัย สมัยศรีวิชัยยุคแรกเมื่อประมาณ พ.ศ.๑๒๐๐-๑๓๑๐นั้นมีเมืองนครทั้ง๑๐ เป็นเมืองบริวาร ครั้นเมื่อพระเจ้าศรีวิชเยนทรราชครองนครศรีธรรมราชแล้วได้ดำริให้มีเมืองบริวารขึ้นโดยกหารรบและการฑูตจนสามารถรวมเมืองเป็นเครือข่ายได้๑๕นครเมื่อประมาณ พ.ศ.๑๓๒๕ โดยมีการเฉลิมฉลองพระธาตองค์ใหม่แบบทรงศรีวิชัย การสมโภชพระธาตุได้มีการเล่นเงาแบบฉายานาฏกะ(ต้นแบบหนังตลุง)ของพราหมณ์ด้วย จนถึงพ.ศ.๑๔๔๐ศรีวิชัยที่ชวาเริ่มเสื่อมอำนาจลงจึงทำให้ศรีวิชัยที่นครศรีธรรมราชโดดเด่นยิ่งขึ้นจนกลายเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรศรีวิชัยในที่สุด
ดังนั้นแหล่งโบราณคดีที่ใช้เป็นที่ประกอบพิธีฝังไว้ตามคติความเชื่อในศาสนาฮินดู ไศวนิกาย ซึ่งอาจเป็นไศวนิกายในลัทธิปาศุปตะหรือ กปาลิกะนั้น จึงปรากฏร่องรอยหลักฐานอยู่ในพื้นที่นี้โดยเฉพาะการสร้างศาสนสถานในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตอำเภอสิชลและอำเภอท่าศาลา มีอยู่มากมายไม่น้อยกว่า ๓๐ แห่ง แหล่งที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ แหล่งเขาคา ในอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช นอกจากศิวลึงค์ใช้ตั้งบูชาแล้วยังพบชุดศิวลึงค์ที่ใช้ประกอบพิธีสำหรับพราหมณ์นำติดตัวด้วย
สำหรับ ศิวลึงค์ทองคำหรือ “สุวรรณลิงคะ”จากถ้ำเขาพลี อำเภอสิชลนี้ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพรามหณ์ผู้ใหญ่ประจำเทวาลัย หรือเป็น ศิวลึงค์ของผู้มีอำนาจหรือผู้มีบทบาทสำคัญทางสังคมและศาสนา สำหรับใช้เป็นสัญลักษณ์ของการถ่ายทอดพลังอำนาจเทพเจ้าคือพระศิวะลงมาสู่ผู้มีอำนาจฯนั้นๆ หรือเป็นศิวลึงค์ที่ใช้ประกอบพิธีของผู้มีตำแหน่งสูงสุด ครั้นเมื่อล่วงลับแล้วจึงฝังไว้เพื่อให้ผู้ล่วงลับเข้าไปรวมกับพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดคือพระศิวะหรือไปสู่โลกของพระผุ่เป็นเจ้าที่เรียกว่า” ศิวโลก” ความเชื่อเหล่านี้ปรากฏความเชื่ออยู่ในชุมชนฮินดูในเขตอำเภอท่าศาลา-สิชล ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๔ แหล่งโบราณคดีของพราหมณ์โดยทั่วไปนั้นขุดค้นพบศิวลึงค์ที่ทำจากวัสดุที่เป็นหินทรายและหินทั่วไป ยังไม่เคยพบสุวรรณลิงคะ หรือ ศิวลึงค์ที่ทำด้วยทองคำ ดังนั้น การค้นพบศิวลึงค์ทองคำครั้งนี้ จึงถือเป็นครั้งแรก อันแสดงถึงความเป็นภูมิของพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ที่มีอำนาจอยู่ในดินแดนดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี