คุณภาพชีวิตของคนทุกคน รวมถึงสัตว์และสิ่งมีชีวิตทุกประเภทบนโลกมนุษย์เป็นเรื่องสำคัญที่มนุษย์ต้องให้ความใส่ใจและต้องร่วมกันรับผิดชอบ เพราะสังคมจะมีความสุขได้ต่อเมื่อทุกชีวิตในสังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความมั่นคง ปลอดภัย การจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้นั้นสังคมจำเป็นต้องมีนโยบายและมีแผนการเพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม
คณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตระหนักถึงประโยชน์และความสำคัญของแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติซึ่งเป็นแนวทางขับเคลื่อนงานด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการตลอดจนเป็นการกำหนดทิศทางการดำเนินงานในอนาคต จึงได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการกิจการคนพิการพิจารณาศึกษาแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ใน ๒ ประเด็นสำคัญ ได้แก่
๑) การขับเคลื่อนงานตามแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ และ
๒) ข้อเสนอแนะต่อการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ ๕ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔
เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ รัฐบาลและกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยมีกระบวนการดำเนินงาน ดังนี้
๑.รับฟังความคิดเห็นต่อประเด็นการขับเคลื่อนงานตามแผนฯ ฉบับที่ ๔ และข้อเสนอแนะต่อการจัดทำแผนฯ ฉบับที่ ๕ ดังกล่าวข้างต้นจากผู้แทนเครือข่ายภาคประชาสังคมด้านคนพิการใน๒ กระบวนการ ดังนี้
๑.๑ รับฟังความคิดเห็นจากผู้แทนเครือข่ายภาคประชาสังคมด้านคนพิการที่เข้าร่วมประชุมสมัชชาคนพิการในระดับภูมิภาค ๔ ภูมิภาค ซึ่งดำเนินการโดยสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย
๑.๒ รับฟังความคิดเห็นจากผู้แทนเครือข่ายภาคประชาสังคมด้านคนพิการในภาคกลาง โดยคณะอนุกรรมาธิการกิจการคนพิการ โดยการสนับสนุนจากคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็กเยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาสสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จัดสัมมนา เรื่อง “ทิศทางของแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติฉบับที่ ๕ สู่การทำสิทธิให้เป็นจริงและการสร้างสังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน” ณ อาคารรัฐสภา
๒.พิจารณาศึกษาและวิเคราะห์ความคิดเห็นต่อประเด็นการขับเคลื่อนงานตามแผนฯ ฉบับที่ ๔ และข้อเสนอแนะต่อการจัดทำแผนฯ ฉบับที่ ๕ จากผู้แทนเครือข่ายภาคประชาสังคมด้านคนพิการทั่วประเทศไทย รวม ๕ ภาค พร้อมทั้ง จัดทำข้อเสนอแนะต่อการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ ๕ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ รัฐบาลและกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
ข้อเสนอแนะต่อการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ ๕ พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๖๔
๑.ควรบรรจุยุทธศาสตร์ที่ ๑-๕ ของแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ ๔พ.ศ.๒๕๕๕-๒๕๕๙ ในแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ฉบับที่ ๕ พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๖๔ เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง กำหนดเป้าหมายการทำงานและตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรมในแผนเพื่อความชัดเจนในการวางแผนการทำงาน การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ การติดตามประเมินผลเพื่อปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และได้ผลการทำงานตามเป้าหมายที่วางไว้พร้อมทั้งกำหนดแนวทางและมาตรการส่งเสริมให้กลไกขององค์กรด้านคนพิการมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามแผน
๒.ควรสร้างระบบสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพคนพิการอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการทุกมิติ ในประเด็น
ต่างๆ ได้แก่
๒.๑ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย อาทิคนพิการรุนแรงคนพิการในพื้นที่ห่างไกล กลุ่มชาติพันธุ์คนเร่ร่อน คนพิการที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน และกลุ่มคนที่รอการประเมินและวินิจฉัยความพิการเป็นต้น
๒.๒ จัดทำชุดสิทธิประโยชน์และชุดบริการ ที่สอดคล้องกับความต้องการจำเป็นของคนพิการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
๒.๓ จัดระบบสวัสดิการให้สอดคล้องกับความต้องการของครอบครัวคนพิการ และผู้ดูแลคนพิการแต่ละประเภทความพิการ
๒.๔ กำหนดค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือ และเยียวยาคนพิการที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง
๓.ควรเร่งดำเนินการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อคนพิการ ครอบครัวคนพิการ และผู้ดูแลคนพิการด้วยการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริม
และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยยกระดับคณะอนุกรรมการขจัดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการ เป็นคณะกรรมการขจัดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการที่มีอิสระในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีกลไกติดตามและประเมินผลการบังคับใช้กฎหมายรวมถึงการปฏิบัติตามข้อตกลงระดับชาติ หรือข้อตกลงระหว่างประเทศ
๔.ควรสร้างสภาพแวดล้อมสาธารณะและบริการที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ อย่างเท่าเทียมกันโดยต้องดำเนินการทั้ง ๓ ส่วน คือ
๑) การออกแบบที่เป็นสากล (Universal Design : UD)
๒) การใช้เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก (Assistive Technology : AT) และ
๓) การมีระบบเสริมหรือระบบบริการที่สมเหตุสมผล (Reasonable Accommodation : RA) รวมถึงกฎหมายหรือระเบียบการให้บริการ ได้แก่
๔.๑ มาตรฐานสิ่งอำนวยความสะดวกของสภาพแวดล้อมสาธารณะ และมาตรฐานการให้บริการ
๔.๒ แต่งตั้งคณะกรรมการจัดสภาพแวดล้อมและบริการสาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ระดับจังหวัด โดยให้คณะกรรมการมีสัดส่วนผู้แทนจากองค์กรด้านคนพิการ เพื่อทำหน้าที่ระบุความต้องการ ให้ข้อมูลและความคิดเห็น ตลอดจนติดตามการจัดสภาพแวดล้อมและบริการสาธารณะที่ทุกคน รวมทั้งคนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้อย่างเท่าเทียม
๔.๓ แก้ไขปรับปรุงกฎหมายโดยเพิ่มมาตรการและบทลงโทษต่อหน่วยงานที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมและบริการสาธารณะได้อย่างเท่าเทียมกัน
๔.๔ ควรผลักดันให้มีการออกกฎหมายว่าด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมสาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ (Accessibility for All Act : AAA)
๕.ควรเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรด้านคนพิการและภาคประชาสังคมด้านคนพิการในการทำหน้าที่กำกับ ติดตามการปฎิบัติตามแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ ๕ พ.ศ. ๒๕๕๙- ๒๕๖๔
๖.ควรสร้างความตระหนักรู้และเจตคติที่ดีต่อคนพิการ โดยมุ่งเน้นต่อบุคลากรที่ทำงาน ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมต่อคนพิการเป็นลำดับแรก เพื่อจะช่วยสร้างความตระหนักรู้ต่อสาธารณชนต่อไป
๗.ควรกำหนดให้สภาคนพิการจังหวัด และองค์กรด้านคนพิการจังหวัด นำเสนอประเด็นปัญหา ที่มีอยู่ในระดับพื้นที่ เพื่อประกอบการจัดทำยุทธศาสตร์
ของแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ฉบับที่ ๕พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔
๘.ควรกำหนดกลไกหลักที่มีศักยภาพในการเชื่อมต่อเพื่อบูรณาการแผนฯ การปฏิบัติการและงบประมาณของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนรวมถึงภาคประชาสังคมด้านคนพิการ ทั้งในระดับพื้นที่จังหวัด และระดับชาติ
๙.ควรสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์บริการคนพิการที่จัดตั้งโดยองค์กรด้านคนพิการ เพื่อให้สามารถให้บริการได้ตามมาตรฐาน ตอบสนองต่อความต้องการของคนพิการ ครอบครัวคนพิการ และผู้ดูแลคนพิการในพื้นที่มีบริการที่หลากหลาย มีคุณภาพ และมีระบบการส่งต่อที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงพิจารณา
จัดเตรียมการตั้งงบประมาณแผ่นดินในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายการดำเนินการของศูนย์บริการคนพิการเพื่อให้มีความต่อเนื่องและยั่งยืน
๑๐.ควรจัดทำและพัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านคนพิการในทุกมิติรวมถึงข้อมูลสำคัญทั้งในเชิงการกำหนดนโยบาย มาตรการหรือกลไกต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคนพิการ เพื่อสร้างนวัตกรรมสังคมในการทำงานด้านคนพิการสนับสนุนการทำงานด้านคนพิการให้มีประสิทธิภาพ ทันสมัยและเป็นปัจจุบันอยู่เสมอรวมทั้งมีความพร้อมที่จะเชื่อมโยงข้อมูลที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกันอย่างบูรณาการ
๑๑.ควรจัดทำระบบกำกับ ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผน โดยประมวลผลและสังเคราะห์บทเรียนจากการทำงานด้านคนพิการ และควรให้ความสำคัญต่อการนำงานวิจัยมาใช้ในการสร้างองค์ความรู้เพื่อพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างทางสังคมและงานการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
๑๒.ควรปรับปรุงกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้มีสถานะเป็นนิติบุคคลมีความเป็นเอกเทศและมีอิสระในการดำเนินงาน โดยมีกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการระดับตำบล เพื่อเป็นกลไกการทำงานเชิงรุกในระดับตำบลและมีการบูรณาการการทำงานร่วมกับกองทุนสุขภาพตำบลและกองทุนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
๑๓.ควรบรรจุกรอบการดำเนินงานของพันธกรณีระหว่างประเทศในแผนฯ ได้แก่ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ (Convention on the Rights of Persons with Disabilities: CRPD) รวมถึงข้อตกลงและความร่วมมือระหว่างประเทศอื่น อาทิกรอบการดำเนินงานลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติเซนได(The Sendai Framework for Disaster RiskReduction ๒๐๑๕-๒๐๓๐) เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) และยุทธศาสตร์อินชอนทำสิทธิให้เป็นจริง : สู่สังคมบูรณาการปราศจากอุปสรรค (Incheon Strategy to Make the Right Real for Persons with Disabilities : Toward Inclusive Society) เป็นต้น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่คณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุคนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติโทร.๐๒-๘๓๑๙๒๒๕-๖ โทรสาร ๐๒-๘๓๑๙๒๒๖
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี