ปัญหาหลักอย่างหนึ่งของสังคมไทยคือ คนไทยจำนวนไม่น้อยไม่สามารถเก็บออมเงินเพื่อใช้จ่ายในยามสูงวัย และในยามเจ็บป่วยได้เพียงพอบางคนคิดว่า เมื่อแก่เฒ่าแล้วจะมีลูกหลานคอยดูแลเลี้ยงดู หรือบางคนคิดว่าเมื่อแก่แล้วก็จะได้รับการดูแลจากรัฐบาล การคิดเช่นนั้น น่าจะไม่ถูกต้องเสมอไป เพราะทุกคนควรจะต้องเตือนตัวเองเสมอ ๆ ว่า เราต้องมีความสามารถในการดูแลตนเองให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนการหวังพึ่งผู้อื่นนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะต้องหวัง ดังนั้นเราทุกคนจึงต้องเก็บออมเพื่อให้เราได้มีเงินสำหรับดูแลตัวเองได้อย่างพอเหมาะพอดีในอนาคต
คณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุคนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้พิจารณาว่าปัจจุบันกองทุนด้านสังคม ซึ่งมีอยู่หลากหลายกองทุน มีการบริหารจัดการ รวมถึงปัญหาอุปสรรคต่างๆ จึงได้พิจารณาติดตามการดำเนินงานของกองทุนต่างๆ ด้านสังคม รวมถึงได้ติดตามกองทุนภาคประชาชนที่ได้ดำเนินการจนประสบผลสำเร็จสามารถเป็นแบบอย่างแก่การดำเนินการในกองทุนภาคประชาชนอื่นๆ ได้ จึงได้พิจารณาศึกษาและติดตามการดำเนินงานของกองทุนภาคสังคม ดังนี้
กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลห้วยโจด อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๕ ณ ปัจจุบันนี้มีระยะเวลาการดำเนินการมาแล้วเป็นเวลา ๕ ปี ประสบการณ์ที่ผ่านมาตนเองเคยรับราชการเป็นครู จึงมีการดำเนินการเกี่ยวกับกองทุนที่เกี่ยวกับการจัดการสร้างสถาบันครอบครัวให้อบอุ่น ซึ่งการจะให้อะไรกับใครผู้นั้นจะต้องเข้ามามีส่วนร่วม โดยกองทุนนี้ในระยะเริ่มแรกประสบปัญหาเกี่ยวกับการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการคืนเงินออม เนื่องจากชาวบ้านเข้าใจว่าการนำเงินมาออมวันละบาท เมื่อถึงเวลาที่ตนเองลาออกก็จะต้องได้เงินที่ออมไว้คืน จึงต้องมีการอธิบายให้เข้าใจร่วมกันว่าการออมวันละบาทเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันโดยไม่ได้รอรับเงินงบประมาณจากรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ควรจะทำให้รัฐบาลเห็นว่า ชาวบ้านต้องสามารถช่วยเหลือตนเองในเบื้องต้นก่อน และบางส่วนรัฐบาลก็จำเป็นจะต้องให้ความช่วยเหลือ ในระยะแรกที่จัดตั้งกองทุนนี้มีจำนวนสมาชิก ๑๐๐ คน ซึ่งปัจจุบันนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น ๑,๕๐๐ คน ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณจำนวน ๓ ครั้ง โดยครั้งแรกสนับสนุนงบประมาณจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท ครั้งที่สอง จำนวน ๘๐,๐๐๐ บาท และครั้งที่สาม จำนวน ๓๙๓,๐๐๐ บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้รวมกับเงินสมาชิกจะเริ่มจัดสวัสดิการตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนกระทั่งเสียชีวิต
กฎกติกาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เกิดจากสมาชิกกองทุนและคณะกรรมการปรึกษาหารือร่วมกัน เพราะผู้ที่เป็นคณะกรรมการจะทราบเงื่อนไขของกฎหมาย หลักการและเหตุผลในการจัดตั้งกองทุน ส่วนสมาชิกจากการพูดคุยปีละ ๑ ครั้ง ได้มีการกำหนดประเด็นออกเป็น ๑๑ ข้อ ซึ่งจะอธิบายคร่าวๆ สัก ๘ ข้อ ดังนี้
-กรณีป่วย เมื่อนอนโรงพยาบาลจะได้รับเงินคืนละ ๑๐๐ บาท จำนวน ๕ คืน/ปี
-กรณีการคลอดบุตร สมาชิกที่คลอดบุตร บุตรก็จะได้รับค่าทำขวัญจำนวน ๓๐๐ บาท ส่วนสมาชิกที่เป็นผู้ดูแลจะได้รับเงินจำนวน ๑๐๐ บาท/คืน
-กรณีการดูแลสวัสดิการของครอบครัว คือ การดูแลสวัสดิการของครอบครัว นอกเหนือจากมีการกำหนดปกติ เช่น การดูแลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัวซึ่งจะต้องแจ้งมายังกองทุนว่า ต้องการให้ช่วยเหลือเรื่องใดบ้าง ซึ่งเรื่องของครอบครัวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก โดยล่าสุดมีการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมปัญหาที่พบเห็น คือ เมื่อวิทยากรเข้ามาบรรยายเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ไม่พร้อม เด็กที่อายุไม่ถึง ๑๘ ปี จะขอถุงยางอนามัย ซึ่งทำให้ผู้ปกครองหรือคนในครอบครัวจะไม่เข้าใจ รับไม่ได้ซึ่งในความเป็นจริงปัจจุบันนี้เด็กส่วนใหญ่จะมีเพศสัมพันธ์กันตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งส่วนใหญ่เด็กจะไม่รู้ว่าจะต้องป้องกันอย่างไร เมื่อมีการจัดกิจกรรมนี้เกิดขึ้นเด็กก็แจ้งว่ามีเพศสัมพันธ์ซึ่งไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่อย่างไร เมื่อพ่อแม่ค้นเจอถุงยางอนามัยก็จะโดนว่า จึงทำให้เด็กปิดบังและไม่ต้องการให้พ่อแม่เข้ามารับรู้เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น และต้องยอมรับอย่างหนึ่ง หากเด็กที่ไม่พร้อมและเมื่อคลอดลูกออกมาก็ไม่รู้ว่าจะนำเด็กไปไว้ที่ไหนจึงได้มีการฆ่าเกิดขึ้น และอีกปัญหาหนึ่งที่พบ คือ ปัญหาการถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว การถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งคนในชุมชนเดียวกันสามารถป้องกันที่จะไม่ให้เกิดปัญหานี้ได้ เช่น เด็กอายุ ๑๓ ปี มีสติปัญญาที่ไม่ปกติ ก็จะถูกผู้ชายอายุ ๖๐ ปี ล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเป็นญาติ เมื่อโรงเรียนมีการตรวจสุขภาพพบว่าเด็กมีการติดเชื้อ สังคมจึงประณามว่าเด็กสำส่อนทางเพศทั้งที่ทราบอยู่ว่าเด็กมีปัญหาในเรื่องของสติปัญญา การรับรู้ จึงทำให้เด็กเกิดภาวะเครียด ในลักษณะเช่นนี้จึงทำให้กองทุนจัดสวัสดิการแห่งนี้ต้องดูสภาพปัญหาของแต่ละครอบครัวว่าเกิดเหตุการณ์ใดบ้าง
กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มีการจัดกิจกรรมสานสัมพันธ์ครอบครัวหลายครั้ง เพื่อให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับทราบโดยใช้กองทุนสวัสดิการเป็นตัวเชื่อมโยง ซึ่งมีหลายหน่วยงานมีความประสงค์ที่จะประชุม หรือจัดทำแผน ต้องการให้เด็กและเยาวชนเข้ามาร่วมรับฟังแต่ส่วนใหญ่จะจัดกิจกรรมวันจันทร์-ศุกร์ ทำให้เด็กไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้เนื่องจากต้องไปเรียน จึงมีเฉพาะประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัด เป็นผู้แทนเข้าร่วมกิจกรรม โดยส่วนตัวเห็นว่า ทำให้เกิดช่องว่างในการจัดกิจกรรมนี้ ซึ่งโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ นี้ต้องการให้เด็กและเยาวชนทุกคนได้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นจริง จะทำให้การแก้ไขปัญหาตรงจุดมากกว่าที่จะให้ผู้แทนเข้ามาร่วมโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้น หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการจัดโครงการหรือกิจกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเด็กในพื้นที่ควรมีการจัดโครงการในวันเสาร์หรืออาทิตย์เพื่อให้เด็กในพื้นที่ได้เข้าร่วมโครงการกันทุกคน ซึ่งกองทุนสวัสดิการฯ ส่วนใหญ่จะจัดกิจกรรมในช่วงวันหยุด เสาร์ หรืออาทิตย์ เพื่อให้เด็กในพื้นที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว
กรณีการดูแลเกี่ยวกับอุบัติภัยต่างๆ กรณีการเยี่ยมผู้สูงอายุ กรณีการอนุรักษ์วัฒนธรรม กรณีการส่งเสริมอาชีพ กรณีการซ่อมแซมบ้านเรือน ขณะนี้ได้มีการซ่อมแซมบ้านเรือนต่างๆ ในพื้นที่จำนวน ๕๐ หลังคาเรือน โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากพัฒนาชุมชนจังหวัด (พอช.) โดยโครงการของบ้านพอเพียงชนบท โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมจำนวนเงิน ๑๘,๐๐๐ บาท และสภากาชาดไทยจะช่วยในเรื่องถุงยังชีพ ขณะนี้กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลห้วยโจด มีจำนวนเงินที่อยู่ในกองทุนทั้งหมด จำนวน ๑,๑๐๐,๐๐๐ บาท
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้
๑.การเข้ามาดูแลผู้สูงอายุทางกองทุนฯไม่ได้จ่ายเงินให้กับผู้ดูแลแต่จะจ่ายให้กับผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยนอนติดเตียง ส่วนผู้ที่ดูแลผู้สูงอายุจะประสานไปยังอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) หรืออาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ (อสผ.) เพื่อให้เข้ามาดูแลซึ่งในพื้นที่ของจังหวัดตนเองที่มีอาสาสมัครเข้ามาดูแลผู้สูงอายุไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องค่าตอบแทนกันส่วนใหญ่จะเข้ามาช่วยด้วยใจ และส่วนใหญ่ไม่ได้เข้ามาดูแลตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพราะจะมีคนในครอบครัวผู้สูงอายุเข้ามาดูแลกันเอง
๒.ส่วนใหญ่คนในครอบครัวต้องการที่จะดูแลคนในครอบครัวกันเอง ในกรณีที่มีผู้สูงอายุในครอบครัวเจ็บป่วย แต่ด้วยภาระหน้าที่การงานจึงไม่สามารถเข้ามาดูแลและเข้าไปอบรมได้ ทางกองทุนสวัสดิการจึงประสานให้อาสาสมัครเข้าไปช่วยดูแลผู้สูงอายุให้ ซึ่งการอบรมของกระทรวงสาธารณสุขหลักสูตรการฝึกอบรมอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว (อสค.) และอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุทั่วไป หลักสูตร ๑๘ ชั่วโมง ส่วนใหญ่เป็นอาสาสมัครต่างๆ จะเข้าไปอบรมแทนคนในครอบครัว
๓.กองทุนสวัสดิการนี้ ชื่อว่า “กองทุนการออมวันละบาท”ไม่สามารถเก็บมากกว่านี้ ต้องเก็บวันละบาท เวลา ๑ ปี เก็บได้จำนวน ๓๖๕ บาทในกฎหมายของกองทุนสวัสดิการ บัญญัติไว้ว่า ห้ามนำไปทำอะไรหรือลงทุน ทางกองทุนจึงหาวิธีจัดการบริหารเงินจำนวน ๓๖๕ บาท ให้จัดสวัสดิการให้ได้และต้องชี้แจงให้กับสมาชิกทราบด้วย ซึ่งกองทุนนี้จัดตั้งขึ้นมาโดยที่ไม่ได้มีกฎ ระเบียบ แต่ต้องการให้ชาวบ้านช่วยกันเอง
๔.สมาชิกที่อยู่ครบ ๑๘๐ วัน แล้วเกิดเสียชีวิตจะต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการที่จะตัดสินว่าควรจะให้เงินชดเชยเท่าใด แต่ละสวัสดิการจึงไม่เท่ากัน ซึ่งของกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลห้วยโจดเมื่อสมาชิกอยู่ครบ ๑๘๐ วัน แล้วเสียชีวิต จะได้เงินจำนวน ๓,๐๐๐ บาท หลังจากนั้นก็ไล่มาจนกระทั่งปีที่ ๘ จะได้เงินจำนวน ๗,๐๐๐ บาท
๕.ค่าใช้จ่ายของกองทุนสวัสดิการชุมชนของตำบลห้วยโจดมีค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายให้สมาชิกเดือนละ ๓๐,๐๐๐ บาท สมาชิกบางคนก็ชำระไม่ครบทุกเดือน ทางกองทุนก็จะใช้เทคนิคหลายประการในการเก็บ ซึ่งมีตัวแทนในแต่ละหมู่บ้านจำนวน ๑ คน จะให้ดูแลเรื่องการเก็บเงิน คณะกรรมการแต่ละท่านต้องหาวิธีในการเก็บเงินว่าจะเก็บเงินอย่างไรในครั้งเดียวให้เสร็จสิ้นขึ้นอยู่กับวิธีบริหารจัดการของคณะกรรมการแต่ละท่าน
๖.ก่อนที่ตนเองจะเข้ามาบริหารกองทุนสวัสดิการชุมชนแห่งนี้มีแรงบันดาลใจจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เพื่อเป็นการช่วยกันทำความดีจากสิ่งเล็กๆ ในชุมชน และตนเองได้ไปอาศัยอยู่ที่จังหวัดสระแก้ว และได้ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท จึงมีโอกาสพบปะเพื่อนที่เป็นผู้บริหารการศึกษาเป็นจำนวนมาก และได้เข้าไปสอนภาษาอังกฤษให้ตามโรงเรียนต่างๆ จึงทราบปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กในพื้นที่ ขณะนั้นทางสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนได้เชิญเข้าไปประชุมเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุน จึงได้เข้าร่วมทำงานและพบปัญหาเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นได้เข้ามาเป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยโจด จึงได้มีการเชื่อมต่อกับหน่วยงานจึงทราบว่ามีช่องว่างระหว่างภาครัฐกับภาคประชาชน จากนั้นจึงลาออกจากรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลและเข้ามาเป็นประธานกองทุนนี้เพื่อเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐกับภาคประชาชน
๗.หากแม่เป็นสมาชิกกองทุน ทางกองทุนก็จะดูแลตั้งแต่การบริโภคอาหารเพื่อดูแลเด็กในครรภ์ แต่สาเหตุที่กองทุนยังดูแลได้ไม่เต็มที่เนื่องจากเงินมีจำนวนน้อย หากวันหนึ่งมีสมาชิกกองทุนเสียชีวิตจำนวน ๑๐ คน ก็จะต้องจ่ายให้คนละ ๕,๐๐๐ บาท รวมเป็น ๕๐,๐๐๐ บาท ซึ่งในลักษณะเช่นนี้หากมีเงินสมทบเข้ามากองทุนมีสิทธิ์ที่จะดูแลได้อย่างทั่วถึง
๘.ขณะนี้กองทุนสวัสดิการสังคมให้ได้จัดการ ๑๐ สวัสดิการ ทางกองทุนมีแนวคิดเพิ่มเติม เช่น สวัสดิการเกี่ยวกับการจ่ายค่าเดินทางให้กับผู้สูงอายุที่อยู่ห่างไกลความเจริญเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาพบแพทย์ที่อนามัยตำบล
๙.ขณะนี้ทางกองทุนยังไม่มีการบริหารความเสี่ยง เนื่องจากสวัสดิการที่ตั้งมา ๑๐ เรื่อง แต่มีเงื่อนไขอยู่ คือ ไม่มีบำนาญ ไม่มีค่ารักษาพยาบาล มีเพียงค่าชดเชย ค่าเสียเวลาในการนอนโรงพยาบาลคืนละ ๑๐๐ บาทจำนวน ๕ คืน/ปี เท่านั้น ส่วนการเสียชีวิตจะให้เป็นรายๆ ไป เมื่อเทียบกับจำนวนสมาชิกที่เป็นเด็กและผู้สูงอายุ เด็กมีจำนวนมากกว่าผู้สูงอายุซึ่งส่วนใหญ่กองทุนอื่นๆ จะมีผู้สูงอายุจำนวนมากกว่าเด็ก ซึ่งวันนี้อัตราการเสียชีวิตไม่ได้มาจากผู้สูงอายุแต่มาจากเด็กแทน ซึ่งกองทุนจะมีการประชุมคณะกรรมการจำนวน ๔ ครั้ง/ปี โดยจะร่วมปรึกษาหารือร่วมกันในสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อทำการวางแผนการดำเนินงานของกองทุนในอนาคต
หลังจากนั้นที่ประชุมได้ร่วมกันตั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ ดังนี้
กระทรวงสาธารณสุขได้มีการจัดหลักสูตรการฝึกอบรมอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว (อสค.) และอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุทั่วไป หลักสูตร ๑๘ ชั่วโมง ทางกองทุนสวัสดิการแห่งนี้ควรนำบุคลากรในครอบครัวไปเข้ารับการอบรมการดำเนินงานของกองทุนในปัจจุบันนี้ควรมีการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องหรือไม่เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชน งบประมาณที่รัฐสนับสนุนเงินเกิดจากการเขียนโครงการเสนอเข้าไปหรือเป็นการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐที่สมทบ ต้องการให้กองทุนนี้สอนให้สมาชิกของกองทุนเห็นความสำคัญของความซื่อสัตย์ และขยายผลไปยังชุมชนให้มากขึ้นเพื่อเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนต่อไป
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่คณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็กเยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โทร.๐๒-๘๓๑๙๒๒๕-๖ โทรสาร ๐๒-๘๓๑๙๒๒๖
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ถนนอู่ทองใน ดุสิต กทม. 10300 email : dek_senate@hotmail.co.th หรือ Facebook: กมธ.พัฒนาสังคม
หรือ กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็กฯ วุฒิสภา โทร.02-8319225-6 แฟกซ์ 02-8319226
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี