แนวคิดการจัดสวัสดิการสังคม โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อให้สมาชิกของสังคมสามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันได้ และสามารถดำรงชีวิตโดยไม่ต้องเน้นการกู้หนี้ยืมสิน แต่เน้นการเก็บออมเป็นสำคัญ คือหลักการดำเนินงานเพื่อให้สังคมเกิดความสมัครสมานสามัคคี และเอื้อเฟื้อต่อกัน แนวคิดนี้เกิดขึ้นในสังคมไทยมาเป็นระยะเวลานานหลายทศวรรษ โดยเกิดจากการเรียนรู้กันและกันระหว่างชุมชนต่างๆ แล้วส่งต่อความรู้ประสบการณ์ให้แก่กัน เพื่อให้แต่ละสังคมและชุมชนนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมตามสภาวะของตน แนวคิดการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของคนในชุมชนมีรูปแบบการบริหารจัดการแตกต่างกัน และมีความหลากหลาย แต่เท่าที่พบคือส่วนใหญ่จะเน้นการจัดสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือเฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งยังไม่ครอบคลุมในทุกด้าน
อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังก็จะพบได้ว่ามีพัฒนาการของกองทุนสวัสดิการชุมชนที่พยายามเน้นให้ครอบคลุมทุกมิติ คือ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม โดยแนวคิดของกองทุนฯ เช่นนี้ต้องเกิดมาจากความร่วมมือร่วมใจอย่างจริงจังของสมาชิกชุมชน โดยมีหลักการสำคัญคือ การพึ่งพาช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน รวมถึงการเห็นคุณค่าของกันและกัน อีกทั้งยังต้องนำภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่นมาใช้ประกอบการบริหารจัดการ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขและขจัดปัญหาชุมชนอย่างยั่งยืน
คณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบและติดตามผลการดำเนินงานของฝ่ายบริหาร รวมทั้งการออกกฎหมายต่างๆ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในประเทศ ได้พิจารณาว่าปัจจุบันกองทุนด้านสังคมซึ่งมีอยู่หลากหลาย มีการบริหารจัดการที่แตกต่างกัน และได้พบว่าบางกองทุนมีปัญหาอุปสรรคต่างๆ เกิดขึ้นจึงได้พิจารณาศึกษาและติดตามการดำเนินงานของกองทุนต่างๆ ในด้านสังคม รวมถึงติดตามกองทุนภาคประชาชนที่ดำเนินการจนประสบผลสำเร็จสามารถนำไปเป็นตัวอย่างในการดำเนินการสำหรับกองทุนภาคประชาชนอื่นๆ ได้ และพบว่ากองทุนสวัสดิการชุมชนเทศบาลตำบลสรรพยา คือหนึ่งในกองทุนสวัสดิการชุมชนดีเด่นที่ได้รับรางวัล “ด้านการพัฒนาเด็กเยาวชนและการศึกษา เพื่อการเติบโตเป็นคนดี และมีคุณภาพ” (ต้นกำเนิดมาจากวิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์เครือข่ายสวัสดิการชุมชน ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) กระทรวงวัฒนธรรม คณะอนุกรรมการส่งเสริมองค์กรสวัสดิการชุมชนในคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และมูลนิธิมั่นพัฒนา ได้มอบรางวัลองค์กรสวัสดิการชุมชน: ผู้สรรค์สร้างความมั่นคงของมนุษย์ ได้รับการสนับสนุนรางวัลจากสถาบัน ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่ดำเนินการตามแนวคิด “คุณภาพแห่งชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” ของ ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์)
กองทุนสวัสดิการชุมชนเทศบาลตำบลสรรพยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๑ โดยได้รับแนวความคิดจาก นายชบ ยอดแก้ว ที่ให้ความรู้กับประชาชนถึงประโยชน์ของการจัดตั้งกองทุนภาคประชาชนที่มีสวัสดิการให้แก่สมาชิก นอกเหนือจากสวัสดิการที่รัฐจัดให้แก่ประชาชน ในระยะเริ่มแรกมีสมาชิกจำนวน ๓๓๔ คน ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน ๑,๕๓๔ คน จากประชากรทั้งหมด ในพื้นที่จำนวน ๓,๒๕๑ คน และมีเงินกองทุนจำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยรัฐได้ให้งบประมาณสมทบกองทุนสวัสดิการชุมชนตามจำนวนเงินเท่าที่ประชาชนจ่ายเข้ากองทุน การลงทุนของกองทุนได้นำไปซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และสลากออมสิน ประธานกองทุนมาจากการคัดเลือกและมีวาระการดำรงตำแหน่ง ๔ ปี สมาชิกกองทุนหากมีการลาออกก่อนครบกำหนดจะไม่ได้รับเงินที่ออมไว้กับกองทุน และถ้ากลับมาเป็นสมาชิกอีกครั้งจะต้องเสียค่าสมัครสมาชิกเป็นเงิน ๑๐๐ บาท
กองทุนได้จัดสวัสดิการให้แก่สมาชิก ๑๐ ด้าน เป็นสวัสดิการพื้นฐานทั่วไป และสวัสดิการเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งเสียชีวิต ดังนี้
๑.สวัสดิการด้านการเกิด จัดให้มีเงินทำขวัญบุตรแรกเกิด จำนวน ๑,๐๐๐ บาท/คน
๒.สวัสดิการด้านการเจ็บป่วย มอบเงินให้แก่สมาชิกที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จำนวน ๑๐๐ บาท/คืน ทั้งนี้ไม่เกิน ๑๐ คืน
๓.สวัสดิการสำหรับผู้เสียชีวิต ได้แก่
๓.๑ ถ้าเป็นสมาชิกไม่น้อยกว่า ๖ เดือน ได้รับเงินฌาปนกิจศพ จำนวน ๒,๕๐๐ บาท
๓.๒ ถ้าเป็นสมาชิกไม่น้อยกว่า ๑ ปี ได้รับเงินฌาปนกิจศพ จำนวน ๕,๐๐๐ บาท
ทั้งนี้ สมาชิกจะได้รับเงินฌาปนกิจศพไม่เกิน ๓๐,๐๐๐บาท/คน
๔.สวัสดิการด้านการศึกษา ได้ให้ทุนการศึกษาสำหรับเด็ก โดยเป็นเงินจากรางวัลพันธบัตรออมทรัพย์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และสลากออมสิน
๕.สวัสดิการด้านการดูแลผู้สูงอายุ
๖.สวัสดิการคนด้อยโอกาสและคนพิการ โดยคนพิการไม่ต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน แต่จะได้รับเงินฌาปนกิจศพ จำนวน ๕,๐๐๐ บาท ซึ่งการตรวจสอบบุคคลที่จะได้รับเงินดังกล่าวได้มีคณะกรรมการแต่ละชุมชนร่วมคัดเลือกและลงพื้นที่ว่าเป็นบุคคลที่ด้อยโอกาสหรือไม่ ปัจจุบันมีจำนวน ๘ คน
๗.สวัสดิการด้านการส่งเสริมอาชีพ ได้จัดอบรมให้ความรู้ด้านอาชีพ เช่น ร้อยลูกปัด เย็บผ้าด้วยมือ ทำไม้กวาด และเบเกอร์รี่
เป็นต้น
๘.สวัสดิการด้านการส่งเสริมประเพณี สมาชิกที่บวชครบ ๑ พรรษา จะได้รับเงิน ๑,๐๐๐ บาท
๙.สวัสดิการด้านจิตอาสา เช่น ให้การสนับสนุนอาสาสมัครที่ดูแลผู้สูงอายุป่วยติดเตียง
๑๐.สวัสดิการด้านอื่นๆ กองทุนได้ร่วมกับเทศบาลและอำเภอให้เงินช่วยเหลือครอบครัว ที่ประสบวาตภัย จำนวน ๑,๐๐๐ บาท/ครัวเรือน เงินช่วยเหลือครอบครัวที่ประสบอัคคีภัย จำนวน ๓,๐๐๐ บาท/ ครัวเรือน และประชาชนที่ประสบอุทกภัยได้ให้ถุงยังชีพ
เหตุผลที่กองทุนได้รับรางวัลผู้สรรค์สร้างความมั่นคงของมนุษย์ระดับชาติตามแนวคิดของอาจารย์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนและการศึกษา เพื่อการเติบโตเป็นคนดีและมีคุณภาพ โดยโครงการต่างๆ ที่จัดทำขึ้นมีแนวคิดว่า ครอบครัวเป็นพื้นฐานของสังคมและเด็กเป็นรากฐานของชาติ การจัดสวัสดิการและกิจกรรมจะเน้นด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชน ได้แก่ ค่ายเยาวชนคนอาสา พัฒนาห้องสมุด ค่ายเยาวชนไทยก้าวไกลสู่ ASEAN ๒๐๑๕ เพื่ออบรมการใช้ภาษาอังกฤษให้แก่เด็กนักเรียน
นอกจากนี้ กองทุนได้จัดทำโครงการอบรมและจัดสวัสดิการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ให้แก่สมาชิกและประชาชนที่สนใจ ดังนี้
๑.โครงการจัดอบรมภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๒-มัธยมศึกษาปีที่ ๕ โดยดำเนินการร่วมกับโรงเรียนประจำอำเภอ ซึ่งได้คัดเลือกนักเรียนที่มีความสนใจเข้ารับการอบรม โดยรุ่นแรกอบรมได้จำนวน ๘๐ คน ภายหลังการอบรมนักเรียนได้ทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์น้อยและได้จัดตั้งกลุ่มพี่สอนน้อง โดยมีกิจกรรมสอนภาษาอังกฤษหน้าเสาธง ซึ่งนักเรียนดังกล่าวเป็นสมาชิกของสภาเด็กและเยาวชน และในปีนี้ยังมีแผนจัดโครงการค่ายนักเรียนแลกเปลี่ยน และโครงการแข่งขันเยาวชนอาเซียนภาษาอังกฤษ
๒.โครงการครอบครัวสดใสห่างไกลยาเสพติด เนื่องจากเด็กและเยาวชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ผู้ปกครองทำงานในกรุงเทพมหานคร และให้เด็กอยู่ในความดูแลของปู่ย่าตายาย หรือครอบครัวแตกแยก ดังนั้น เด็กจึงรวมกลุ่มมั่วสุมในร้านเกมและสถานที่ต่างๆ กองทุนจึงได้จัดทำโครงการดังกล่าวโดยให้เด็กกลุ่มเสี่ยงและประชาชนที่สนใจเข้ารับการอบรม โดยมีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ศูนย์พัฒนาครอบครัว โรงพยาบาลสรรพยา และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการอบรม ภายหลังการอบรมได้จัดตั้งเครือข่ายผู้ปกครองเพื่อดูแลเด็กในพื้นที่
๓.โครงการวัยรุ่นสดใสห่วงใยสุขภาพ เนื่องจากจังหวัดชัยนาทเป็นจังหวัดที่มีแม่วัยใส หรือท้องก่อนวัยมากเป็นอันดับ ๑ ของประเทศ (ข้อมูลสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชัยนาท) เฉพาะในตำบลสรรพยาเองมีเยาวชนอายุ ๑๒-๑๗ ปี ท้องก่อนวัยถึง ๕ คน กองทุนฯจึงตระหนักและต้องการแก้ไขปัญหาแม่วัยใส จึงจัดทำโครงการ “วัยรุ่นสดใสห่วงใยสุขภาพ” โดยให้ครอบครัวและเด็ก ที่มีความเสี่ยงตั้งครรภ์ก่อนวัยและประชาชนที่สนใจเข้ารับการอบรมซึ่งในกรณีที่มีเด็กตั้งครรภ์ก่อนวัย อันควรในพื้นที่กองทุนได้ไปพูดคุยกับผู้ปกครองและเด็กเพื่อเยียวยาแก้ไขปัญหาให้แก่เด็กและครอบครัว โดยดำเนินงานร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ภายหลังการอบรมได้มีการจัดตั้งเครือข่ายเด็กและผู้ปกครองให้ความรู้ เฝ้าระวังตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำถามไถ่ให้กำลังใจแก่เด็กและผู้ปกครองที่ประสบปัญหาคุณแม่วัยใส และขยายผลสร้างเครือข่ายในพื้นที่เพื่อป้องกันไม่ให้เพิ่มจำนวนคุณแม่วัยใสทำให้ปัจจุบันปัญหาแม่วัยใสลดลง และจำนวนเด็กตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรไม่มีเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการได้ให้ข้อคิดเห็นว่าการที่คนพิการไม่ต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน แต่จะได้รับเงินฌาปนกิจศพนั้น กองทุนควรให้คนพิการมีส่วนร่วมในการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนด้วย เนื่องจากในอนาคตผู้สูงอายุจะกลายเป็นคนพิการและทำให้มีคนพิการจำนวนมากขึ้น ซึ่งกองทุนจะทำให้กองทุนไม่มีเงินจ่ายสวัสดิการให้แก่สมาชิกได้อย่างเพียงพอ
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่คณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาสสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โทร.๐๒-๘๓๑๙๒๒๕-๖ โทรสาร ๐๒-๘๓๑ ๙๒๒๖
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ถนนอู่ทองใน ดุสิต กทม. 10300 email : dek_senate@hotmail.co.th
หรือ Facebook: กมธ.พัฒนาสังคม หรือ กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็กฯ วุฒิสภา
โทร.02-8319225-6 แฟกซ์ 02-8319226
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี