Dementia คือสภาวะหรือโรคสมองเสื่อม ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุจากโรค Alzheimer’s ตามด้วย vascular dementia หรือโรคสมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือด ประมาณ 20% ของผู้ที่มีอายุเกิน 65 ปี และ30% ของผู้ที่มีอายุเกิน 85 ปี จะเป็นโรค dementia
ในปี ค.ศ.2015 ประมาณว่ามีประชาชนในโลก 47 ล้านคน เป็นโรค dementia คาดว่าในปี ค.ศ.2030 จะเป็นถึง 75 ล้านคน และ 132 ล้านคน ในปี ค.ศ.2050 โรคสมองเสื่อมทำให้ผู้ที่เป็นโรคนี้มีปัญหาและต้องพึ่งคนอื่น ทั้งยังมีผลไม่ดีต่อครอบครัว รวมทั้ง
ผู้ดูแลจะมีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าและความเครียดกังวล ค่าใช้จ่ายการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมในปี ค.ศ.2015 เป็นยอดเงินถึง 818,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ทั่วโลก และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 2 ล้านล้านเหรียญ ในปี ค.ศ.2030 ในปี ค.ศ.2013 จึงมีการประชุมระดับสุดยอด G8 Dementia Summit ในกรุงลอนดอน และในปี 2015 มีการประชุมขององค์การอนามัยโลก(WHO) เป็นครั้งแรกในระดับรัฐมนตรี on Global Action Against Dementia (การต่อต้านโรคสมองเสื่อมของโลก)
วารสารการแพทย์ชื่อดังของอังกฤษ Lancet จึงได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาหลักฐานเชิงประจักษ์ต่างๆ เกี่ยวกับโรคสมองเสื่อม เพื่อเสนอแนวทางการรักษาหรือป้องกันโรคนี้ เรียกว่า the Lancet Commission on Dementia PreventionIntervention and Care (LCDPIC) คณะกรรมการชุดนี้มี 24 ผู้เชี่ยวชาญนำโดยศาสตราจารย์แพทย์ทางจิตเวช ชื่อ Gill Livingston จากมหาวิทยาลัย University College London (UCL) ร่วมกับ Alzheimer’s Society, the Economic and Social Research Council, Alzheimer’s Research, UK. และได้เสนอผลงานในการประชุม Alzheimer’s Association International Conference 2017 ในกรุงลอนดอนและรายงานในวารสาร Lancet เมื่อวันที่ 20/7/2017
ผมสนใจเรื่องการดูแลสร้างเสริมสุขภาพมาเกือบ 40 ปี หลักการใหญ่ๆ ของการดูแลสุขภาพ คือ การออกกำลังกายและการกินอาหารที่ถูกต้อง เพื่อให้ดัชนีมวลกาย (ดัชนีมวลกายคือ น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมหารด้วยความสูงเป็นเมตรกำลังสอง) ไม่เกิน 23 และขนาดรอบเอว(พุง)อยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ พุงชายหญิงไม่ให้เกิน 90, 80 ซม. ตามลำดับ สรุปคือไม่ให้มีสภาวะอ้วนนั่นเอง แถมด้วยการไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ดื่มเกิน 2 หน่วยต่อวันทั้งชายและหญิง (1 หน่วย คือ 25 ซีซีวิสกี้ หรือ 80 ซีซีไวน์ หรือ 200 ซีซีเบียร์) ดูแลตนเองไม่ให้มีความดันโลหิตสูง ไม่ให้เป็นเบาหวาน การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไม่ใช้สารเสพติด ไม่ให้เครียด สนุกกับทุกอย่างที่ทำ ไม่ว่างาน การไปเที่ยว หรือออกกำลังกาย การมีอารมณ์ดี
การออกกำลังกายจะทำให้หลอดเลือดทั่วร่างกายแข็งแรง และเป็นการป้องกันโรคสมองเสื่อมอีกด้วย เพราะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองจะอยู่ในสภาพที่ดี ผมจึงดีใจและไม่แปลกใจที่คณะกรรมการของวารสาร Lancet รายงานว่า มีปัจจัยเสี่ยง 9 ประเด็นต่อการเป็นโรคสมองเสื่อม คือ 1) หูหนวก 9% ช่วงกลางคน 2) การศึกษาต่ำกว่ามัธยม(ควรมีการศึกษาอย่างน้อย 15 ปี แต่ควรมีตลอดชีวิต) 8% 3) สูบบุหรี่ 5% 4) ซึมเศร้า 4% 5) ไม่ออกกำลังกาย 3% 6) ความดันโลหิตสูง 2% 7) social isolation 2% (การไม่มีกิจกรรมหรือส่วนร่วมในสังคม) 8) อ้วน 1% และ 9) โรคเบาหวาน 1% หรืออีกนัยหนึ่ง 35% ของโรคสมองเสื่อมป้องกันได้
อาการโรคสมองเสื่อมมักปรากฏช่วงสูงอายุหลัง 65 ปี (หรือก่อน) แต่พยาธิสภาพของสมองเริ่มมีมานานแล้วก่อนหน้านั้น
โรคสมองเสื่อมมักเป็นโรคที่ไม่ค่อยมีอาการทางคลินิกในระยะเริ่มแรก ซึ่งบ่งชี้ว่า น่าจะมีช่วงก่อนหน้านี้ที่สามารถเข้าไปช่วยกู้สถานการณ์ได้ด้วยการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
ที่ผมไม่ทราบคือ การที่มีสภาวะหูหนวกทำให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคสมองเสื่อมได้ถึง 9% แต่เมื่อทราบก็เข้าใจในเหตุผล กลไก ทันทีว่าทำไม เพราะเมื่อเราไม่ได้ยิน เราจะไม่ได้รับข้อมูลทางหู ที่จะเพิ่มความรู้ ประสบการณ์ที่ได้จากการได้ยินมาช่วยสร้างสรรค์สมองของเรา
ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่กรรมการพบ คืออาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ การดื่มแอลกอฮอล์ การนอนหลับที่ไม่ดี หรือการมีอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ และการเสียสายตา
ถ้าทำให้มี dementia เกิดช้าลงไป 1 ปี จะป้องกันโรคนี้ในคนได้ถึง 9 ล้านคน ใน 2050 และถ้าทำให้เกิด dementia ช้าลง
5 ปี จะลดผู้ที่เป็นโรค dementia ได้ลงถึง 50%
ฉะนั้นทุกๆ คน โดยเฉพาะบิดา มารดา และแพทย์จะต้องดูแลรักษาปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เหล่านี้อย่างเต็มที่ เพราะอย่างน้อยในปัจจุบันนี้ 35% ของภาวะสมองเสื่อมสามารถป้องกันได้ ในปัจจุบันนี้ยังไม่มียารักษาโรคนี้เมื่อเป็นโรคแล้ว แต่สามารถบรรเทาอาการได้บ้าง
ฉะนั้น นี่เป็นข่าวดี และผมดีใจมากที่ได้สอนเรื่องการป้องกันโรคสมองเสื่อมในหลายๆ ประเด็นที่มีการรายงานมานานแล้ว
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี