NCDs หรือ noncommunicable diseases คือ โรคที่ไม่ติดต่อ ซึ่งเป็นโรคที่เรื้อรังนั่นเอง non คือ ไม่ communicate คือ ติดต่อ, disease คือ โรค
สมัยก่อนสาเหตุการเสียชีวิตมาจากโรคติดต่อเป็นส่วนใหญ่ เช่น กาฬโรค วัณโรค ฝีดาษ การติดเชื้อทั้งหลาย แต่เมื่อการแพทย์มีความก้าวหน้ามากขึ้น รวมทั้งมีการผลิตวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ การเสียชีวิตจากโรคติดต่อทั้งหลายก็ลดลงตามลำดับ จนกระทั่งในปี ค.ศ.2012 องค์การอนามัยโลก รายงานว่า 68% ของการเสียชีวิตของชาวโลกมาจากโรคที่ไม่ติดต่อ ประเด็นนี้มีความสำคัญมากเพราะ NCDs เป็นโรคเรื้อรังที่ส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมที่ไม่ดี สรุปก็คือส่วนใหญ่ป้องกันได้ ถ้ามีความรู้และมีวินัย
ความสนใจส่วนตัวของผมด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค เกิดจากการที่ผมต้องการทำหน้าที่ทุกอย่างที่ทำให้ดีที่สุด ผมสนใจเรื่องการดูแลสุขภาพมา 40 ปีแล้ว ได้บรรยาย เขียนบทความด้านนี้(และด้านอื่นๆ)บ่อยมาก ทั้งๆที่อาชีพผมถึงแม้เป็นแพทย์ ก็ไม่ได้เป็นแพทย์ทางเวชศาสตร์ป้องกัน หรือทางด้านสาธารณสุข แต่เป็นแพทย์อนุสาขาวิชาระบบทางเดินอาหาร เรื่องก็คือว่า ในปี พ.ศ.2520 ผมได้รับความกรุณาจากพี่หมอปรีดา ทัศนประดิษฐ์ ซึ่งเป็นรองคณบดีฝ่ายกิจการนิสิตในสมัยนั้น ได้แต่งตั้งผมเป็นกรรมการฝ่ายกิจการนิสิต มีหน้าที่ดูแลนิสิตแพทย์ทางด้านกีฬา และต่อมาในปี พ.ศ.2524 ผมได้รับความกรุณาจากท่านอาจารย์ยาใจ ณ สงขลา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ในขณะนั้น ให้เป็นรองฝ่ายกิจการนิสิต ฉะนั้นช่วง 2520-2528 ไม่ว่านิสิตจะไปไหน ทำอะไร ผมมักจะไปด้วย ออกค่าย เล่นกีฬา ฯลฯ ณ สนามกีฬา
ผมพบว่าตัวเอง ทั้งๆ ที่เป็นแพทย์ เป็นนักกีฬา เล่นกีฬาทุกชนิด - รักบี้ ฟุตบอล เทนนิส แบดมินตัน ปิงปอง ฮอกกี้ คริกเก็ท(cricket) กรีฑา ฯลฯ แต่ปรากฏว่าเวลานิสิตของผมบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ผมไม่มีความรู้ด้านเวชศาสตร์การกีฬา หรือวิทยาศาสตร์การกีฬาเลย ไม่รู้แม้แต่ว่า เวลาเขาบาดเจ็บ จะประคบน้ำเย็นหรือน้ำแข็ง ควรหรือไม่ควรนวด ผมรู้สึกตัวเองมีความรู้ไม่ดีพอสำหรับตำแหน่งหน้าที่ จึงไปเรียนต่อ ส่วนใหญ่ด้วยตัวเอง ซื้อหนังสือ วารสาร ปีละหลายหมื่นบาท จำได้ว่า ช่วงหนึ่งผมรับเฉพาะวารสารด้านเวชศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์การกีฬาปีละ 6 เล่ม (ไม่นับหนังสือ) แต่ขณะนั้นการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.)รับเพียง 2 เล่ม ที่ทราบเพราะลูกศิษย์ซึ่งเป็นแพทย์ที่ กกท.มายืมผม เป็นสมัยนี้คงไม่ต้องซื้อแล้ว หาได้จากการค้นคว้าใน internet
ผมทราบว่าสมัยนั้นมีสมาคมกีฬาเวชศาสตร์ (แพทย์เท่านั้น) และสมาคมวิทยาศาสตร์การกีฬา (ทั้งแพทย์และไม่ใช่แพทย์) ที่มีการอบรมขั้นพื้นฐาน ก็ไปเข้ารับการอบรม จึงได้พบ - ต่อมาเป็นเพื่อนรัก - คุณหมอเจริญทัศน์ จินตนเสรี ซึ่งตอนนั้นทำงานที่ กกท. และต่อมาได้เป็นถึงผู้ว่าการ กกท. และวิทยากรรับเชิญ คือ Dr. Sperryn จากอังกฤษ ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นเพื่อนสนิทด้วย
ผมอ่านและเข้าอบรมบ่อย ทั้งในไทยและต่างประเทศ จนค่อนข้างชำนาญ จนคุณหมอเจริญทัศน์กรุณาแต่งตั้งให้เป็นกรรมการสมาคมกีฬาเวชศาสตร์แห่งประเทศไทย จนกลายเป็นผู้บรรยาย ณ ที่นั่น จึงได้รู้จักคุณหมอวารินทร์ ตัณฑ์ศุภศิริ,คุณหมอวิชัย วนดุรงค์วรรณ,ดร.ณัฐ อินทรปาณ,พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์,คุณสมชาย,คุณสันติภาพ(ต่อมาเป็นผู้ว่า กกท. ทั้ง 2 ท่าน)และท่านอื่นๆ ด้านกีฬา
ผมสนใจวิชาวิทยาศาสตร์และเวชศาสตร์การกีฬามาก มีโอกาสไปเป็นแพทย์ประจำทีมนักกีฬาไทย SEA, ASIAN Games แต่ไม่เคยได้ไปในฐานะแพทย์-Olympics Games เลย ต่อมาได้ไป Olympic ที่จีน ฟุตบอลโลกที่ South Africa ตอนเป็นกรรมาธิการการกีฬาของวุฒิสภา ภายใต้การนำของท่านประธาน วรวุฒิ โรจนพาณิชย์ ผมพยายามผลักดันให้ทุกสมาคมกีฬามีฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬาและเป็นประธานฝ่ายนี้คนแรกของสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ซึ่งขณะนั้นมีท่านพล.อ.ชัยณรงค์ หนุนภักดี เป็นประธาน ผมเห็นว่า ถ้าทุกสมาคมกีฬามีฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬาควรประกอบด้วยบุคลากรที่เป็นและไม่เป็นแพทย์ การกีฬาของเราจะก้าวหน้าไปมากกว่านี้
เห็นได้ชัดเลยว่า นักกีฬาในวันแข่ง ที่สำคัญที่สุดคือ ใจและพละกำลัง ฉะนั้นอย่างน้อยทุกสมาคมฯควรมีนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์และนักโภชนาการ แต่ก็ควรมีบุคลากรด้านอื่นๆ ด้วย เช่น กายภาพบำบัด นักวิทยาศาสตร์การกีฬา ฯลฯ ผมช่วยสมาคมยกน้ำหนักฯจนได้รับเลือกเป็นกรรมการแพทย์ของสหพันธ์ยกน้ำหนักโลก ด้วยความสนับสนุนของท่านชัยณรงค์ และเสธยอด–พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ผู้ที่โด่งดังด้านยกน้ำหนักมานานจนถึงสมัยนี้
อยากคิดว่าผมมีส่วนน้อยนิดในการทำให้สมาคมยกน้ำหนักฯได้เหรียญทองมาตลอดเวลาในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งเครดิตส่วนใหญ่ต้องยกให้ท่าน พล.อ.ชัยณรงค์ หนุนภักดี ที่มองเห็นความสำคัญทางวิทยาศาสตร์การกีฬา และดึงผมไปร่วมงานทางด้านนี้และเสธ.ยอด สุดยอดเลย!
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี