ผมทำทางด้านเวชศาสตร์การกีฬามานาน จนเห็นว่าเวชศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ การกีฬาเป็นส่วนใหญ่ของสาขาเวชศาสตร์ป้องกันนั่นเอง เพราะการดูแล สร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค ส่วนใหญ่อยู่ที่การออกกำลังกาย การมีโภชนาการที่เหมาะสม รวมทั้งนักกีฬาไม่ควรสูบบุหรี่ ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ใช้ยาเสพติด (doping) ฯลฯ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญทั้งหมดของการดูแลสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค
ในปี ค.ศ.2014 องค์การอนามัย (WHO) ได้มีรายงาน“Global Status Report on Noncommunicable diseases”(สถานการณ์ของโลกเกี่ยวกับโรคที่ไม่ติดต่อ)ออกมา ซึ่งเป็นที่น่าสนใจมาก เพราะโรค NCDs เป็นโรคที่ผมพูดเสมอว่า-หาเรื่องมาใส่ตัวเอง
1) ข้อมูลจาก WHO ค.ศ.2012 พบว่า 5.9% (3.3 ล้านคน) ของสาเหตุการเสียชีวิตทั้งโลกมาจากแอลกอฮอล์ ในปี ค.ศ.2010 มีรายงานว่า แต่ละคนที่อายุเกิน 15 ปี ดื่มแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 6.2 ลิตรต่อปี หรือ 13.5 กรัม ของ pure alcohol ต่อวัน(ในประเทศไทย 10 กรัมเทียบเท่า 1 หน่วย ในอังกฤษ 1 หน่วยคือ 8 กรัมแอลกอฮอล์ วันหนึ่งไม่ควรดื่มเกิน 16 กรัม ไม่ว่าชายหรือหญิง) 1 หน่วยแอลกอฮอล์ของอังกฤษ คือ ประมาณ 25 ซีซี ของวิสกี้ หรือเบียร์ประมาณ 200 ซีซี หรือไวน์ประมาณ 80 ซีซี)
2) WHO รายงานว่าการออกกำลังกายไม่เพียงพอ(น้อยกว่า 150 นาทีต่อสัปดาห์) เป็นสาเหตุการเสียชีวิตถึง 3.2 ล้านคน พบว่าใน ค.ศ.2010 ผู้ที่มีอายุเกิน 18 ปี 23% ออกกำลังกายไม่พอ และ 81% ของเด็กที่มีอายุ 11-17 ปี ออกกำลังกายไม่พอ(ในวัยนี้ WHO แนะนำให้ออกกำลังกาย 60 นาทีต่อวัน)
3) WHO รายงานว่า 1.7 ล้านคนที่เสียชีวิตจาก cardiovascular disease (โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง- stroke) มาจากการกินเกลือหรือ sodium(Na)มากเกินไป ค่าเฉลี่ยเกลือที่กินต่อวันคือ 10 กรัม (หรือเทียบเท่า 4 กรัม sodium, Na) WHO แนะนำให้กินเกลือน้อยกว่า 5 กรัมต่อวัน (หรือ 2 กรัม Na) เกลือหรือ Na มาจากอาหารสำเร็จรูปและอาหารจานด่วนมากที่สุด รวมทั้งการใส่ “เกลือ” เพิ่มในการปรุงอาหารและบนโต๊ะอาหารอีกด้วย
4) 6 ล้านคนของชาวโลกตายจากการสูบบุหรี่ รวมทั้ง 6 แสนคน ที่ไม่ได้สูบแต่อยู่ใกล้ผู้ที่สูบ (second hand smoker)
5) 9.4 ล้านคนตายจากความดันโลหิตสูง ซึ่งทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคหลอดเลือดหัวใจตีบและอุดตัน หัวใจวาย สมองเสื่อม ไตวาย และตาบอดได้ พบว่าในผู้ที่อายุเกิน 18 ปีจะมีความดันโลหิตสูงถึง 22% ในปี ค.ศ.2014
6) ในปี ค.ศ.2014 พบว่า 11% ของชายและ 15% ของหญิงที่มีอายุเกิน 18 ปีเป็นโรคอ้วน และในปี ค.ศ.2013 พบว่าเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี มีน้ำหนักเกินมากกว่า 42 ล้านคน และความชุกของโรคเบาหวานในปี 2014 อยู่ที่ 9%
7) ในปี ค.ศ.2012 cardiovascular disease เป็นสาเหตุการเสียชีวิตถึง 17.5 ล้านคน (46% ของโรคไม่ติดต่อทั้งหมด) 7.4 ล้านคน มาจากโรคหลอดเลือดหัวใจ และ 6.7 ล้านคนมาจากอัมพฤกษ์ อัมพาต (stroke)
8) ในปี ค.ศ.2012 NCDs ทำให้เกิดการเสียชีวิตถึง 38 ล้านคน (68% ของการเสียชีวิตทั้งหมดซึ่งก็คือ 56 ล้านคน) และมากกว่า 40% (16 ล้านคน) เสียชีวิตก่อนวัยอันควร คือ น้อยกว่า 70 ปี รวมทั้งสามในสี่ (28 ล้านคน) ของการเสียชีวิตจาก NCDs และส่วนใหญ่เสียชีวิตก่อนวัยอันควร (82%) เกิดในประเทศที่มีรายได้ต่ำ – ปานกลาง
ทำให้ WHO จัดทำ Global Action Plan (แผนปฏิบัติการของโลก) สำหรับโรคที่ไม่ติดต่อ ขึ้นในปี 2013 เพื่อครอบคลุมการทำงานช่วงปี 2013 – 2020 ซึ่งมี 9 เป้าหมาย
ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ สมอง มะเร็ง เบาหวาน หรือโรคระบบหายใจเรื้อรังลง 25% ภายใน ค.ศ.2025
ลดอย่างน้อย 10% ของการใช้แอลกอฮอล์
ลด 10% ของความชุกของการออกกำลังกายไม่เพียงพอ
ลดการกินเกลือลง 30%
ลดความชุกของการสูบบุหรี่ 30%
ลดความชุกของโรคความดันโลหิตสูงลง 25%
หยุดยั้งการเพิ่มของโรคเบาหวานและโรคอ้วน
ทำให้อย่างน้อย 50% ของผู้ที่ควรได้รับยาและปรึกษา ได้รับสิ่งต่างๆ สำหรับการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ และอัมพฤกษ์ อัมพาต
ทำให้ 80% ของผู้ที่จำเป็นมีการเข้าถึงยา และเทคโนโลยีเพื่อรักษาโรค NCDs ต่างๆ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี