ผมมีโอกาสไปงานปฐมนิทัศน์ยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ พ.ศ.2560-2573 จึงขอนำข้อมูลมาเรียนให้ท่านผู้อ่านทราบด้วยครับ
ประเทศไทยมีผู้ป่วย HIV/AIDS เป็นคนแรกในปี พ.ศ.2527 หรือ 33 ปีมาแล้ว มีการติดเชื้อเป็นแสนคนต่อปีในช่วงปี พ.ศ.2530-2539 และมีการเสียชีวิตถึงปีละ 5 หมื่นคน ในช่วงปี พ.ศ. 2540-2549 ประเทศไทยมีแผนพัฒนาป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ระดับชาติฉบับแรกปี พ.ศ.2535-2539 และทำต่อเนื่องทุก 5 ปี สอดรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมาเป็นลำดับ
สถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ ผู้เสียชีวิตและผู้อยู่กับเชื้อ HIV ดีขึ้นตามลำดับ คาดประมาณว่าในปี พ.ศ.2558 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ประมาณ 6,900 คน (เฉลี่ยวันละประมาณ 19 คน)
แยกเป็นเพศหญิง 2,100 คน เพศชาย 4,800 คน แยกเป็นผู้ใหญ่อายุ 15 ปีขึ้นไป ประมาณ 6,800 คน เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ประมาณ 100 คน จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในปี 2558 ลดลงร้อยละ 77 เมื่อเทียบกับในปี พ.ศ.2543 ที่มีประมาณ 30,000 คน และลดลงมากกว่าร้อยละ 95 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2533 ที่มีประมาณ 150,000 คน
ผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2558 ประมาณว่ามี 16,100 คน เป็นเพศหญิง 4,630 คน เพศชาย 11,470 คน แยกเป็นผู้ใหญ่ 16,040 คน เด็ก 60 คน เป็นผู้ใหญ่เพศหญิง 4,600 คน ผู้ใหญ่เพศชาย 11,440 คน เป็นเด็กหญิงและเด็กชายอย่างละ 30 คน จำนวนผู้เสียชีวิตลดลงเมื่อเทียบจากปี พ.ศ.2543 ร้อยละ 71 ที่เคยเสียชีวิตกว่า 55,500 คน
เมื่อสิ้นปี 2558 ประมาณว่า ประเทศไทยยังมีผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีชีวิตทั้งหมด 437,700 คน แยกเป็นเพศหญิง 181,600 คน เพศชาย 256,100 คน เป็นผู้ใหญ่อายุ 15 ปีขึ้นไป 433,600 คน และเป็นเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี 4,100 คน คิดเป็นความชุกการติดเชื้อ HIV ในผู้ใหญ่ ร้อยละ 1.0 ผู้ใหญ่เพศชายร้อยละ 1.1 ผู้ใหญ่เพศหญิงร้อยละ 0.7
สาเหตุและช่องทางการติดเชื้อ HIV รายใหม่ของผู้ใหญ่ประมาณร้อยละ 10 ติดเชื้อจากการใช้เข็มและกระบอกฉีดไม่สะอาดในผู้ใช้ยาเสพติดด้วยวิธีฉีด และร้อยละ 90 เนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน โดยประมาณร้อยละ 45 จากเพศสัมพันธ์ระหว่างชายกับชาย,ร้อยละ 30 จากเพศสัมพันธ์ในคู่อยู่กินที่ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายติดเชื้อเอชไอวี,ร้อยละ 11 จากเพศสัมพันธ์ในการซื้อขายบริการ และร้อยละ 4 จากการมีเพศสัมพันธ์แบบฉาบฉวย
ยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ พ.ศ.2560-2573 มีเป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ
1.ลดการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ให้เหลือปีละไม่เกิน 1,000 ราย
2.ลดการเสียชีวิตในผู้ติดเชื้อเอชไอวีเหลือปีละไม่เกิน 4,000 ราย
3.ลดการเลือกปฏิบัติอันเกี่ยวเนื่องจากเอชไอวี และเพศภาวะลง ร้อยละ 90
ทั้งนี้ มีหลักการพื้นฐาน ดังนี้
1.การสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ และไม่มีประชากรใดถูกละเลย
2.การเคารพ ปกป้อง คุ้มครอง สิทธิมนุษยธรรม และความเสมอภาคทางเพศ
3.การเป็นเจ้าของ และร่วมรับผิดชอบของภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน
เนื่องจากปัจจุบันนี้มียารักษาเชื้อ HIV ที่เมื่อกินยาแล้วทำให้เหมือนคนปกติ ถึงแม้จะยังมีเชื้ออยู่ในร่างกาย และเมื่อกินยาเกิน 6 เดือน จะไม่แพร่เชื้อออกไปยังผู้อื่นได้ จึงอยากให้ทุกๆ คนที่มีความเสี่ยง(ในอดีตหรือปัจจุบัน)มาตรวจดูว่า มีเชื้อ HIV หรือไม่ ถ้ามี จะมียาให้กินฟรี ซึ่งจะดีต่อการไม่แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น ปัจจุบันยังมีผู้ที่มีความเสี่ยงอีกมากที่ไม่ไปตรวจ เพราะกลัวถูกสังคมรังเกียจ
นอกจากนั้น ควรมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ด้วยการใช้ถุงยางอนามัย สำหรับคู่สมรสที่ข้างหนึ่งข้างใดมีความเสี่ยง ควรไปตรวจหาเชื้อ HIV ไม่ควรใช้ยาเสพติด โดยเฉพาะที่ใช้เข็ม(ที่สกปรก)ร่วมกัน มีหลักฐานเชิงประจักษ์แล้วว่าการเอาเข็มที่ใช้แล้วมาแลกเข็มใหม่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อ HIV, เชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี ช่วยลดอาชญากรรมอีกด้วย และไม่ได้เป็นการเพิ่มการใช้ยาแต่ประการใด ทั้งนี้ควรมีมาตรการอื่นๆ ของ Harm Reduction ร่วมด้วย
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี