ปณิธานของเด็กและเยาวชนที่เกิดจากความมุ่งมั่นจะสร้างสรรค์สิ่งดีงามเพื่อประเทศชาติ คือเครื่องบ่งบอกประการหนึ่งว่า ประเทศชาติและสังคมจะก้าวเดินอย่างไรต่อไปในอนาคต เพราะปณิธานถือเป็นความตั้งใจจะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อความเจริญงอกงามของสังคม
คณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยคณะอนุกรรมาธิการกิจการเด็ก และเยาวชน ตระหนักถึงปัญหาและพิษภัยต่างๆ ที่มีมูลเหตุมาจากการบริบทต่างๆ ของสังคม โดยเฉพาะปัจจัยที่ก่อให้เกิดผลกระทบด้านลบต่อผู้คนในสังคม และด้วยความตระหนักว่าเด็กและเยาวชนที่รู้ไม่เท่าทันความเลวร้ายจะต้องเผชิญอันตรายต่างๆ ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงและซับซ้อนยิ่งขึ้น ถ้าหากเด็กและเยาวชนขาดภูมิคุ้มกันทางสังคมที่ดี แล้วถูกครอบงำด้วยแนวคิดค่านิยมที่ผิดๆ ก็จะทำให้เกิดผลกระทบด้านลบต่อพวกเขาได้ เพราะเด็กและเยาวชนคือพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งให้กับเขา ขณะเดียวกัน สถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษาก็ต้องเร่งปรับตัวเพื่อรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้สมาชิกสังคมโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนสามารถดำรงชีวิตได้เหมาะสม สอดคล้องกับแนวทางคุณลักษณะเด็กและเยาวชนที่พึงประสงค์ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. 2550
คณะอนุกรรมาธิการกิจการเด็ก และเยาวชน จึงจัดรับฟังความคิดเห็นของเด็กและเยาวชนเพื่อใช้เป็นแนวทางสำหรับการกำหนด “ปณิธานเด็กและเยาวชนคนรักษ์ชาติ” โดยเปิดเวทีรับฟัง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาของชาติ และการแก้ไขปัญหาของชาติ จากมุมมองและความต้องการของเด็กและเยาวชน
ทั้งนี้ ได้กำหนดประเด็นเพื่อให้เด็กและเยาวชนได้ตอบคำถาม ดังนี้
1.ท่านคิดว่าปัญหาของประเทศชาติในปัจจุบันมีอะไรบ้าง
2.ท่านสามารถทำอะไรให้กับประเทศชาติได้บ้าง (ท่านจะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาได้อย่างไร)
การอภิปรายในเวทีนี้ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1.ท่านคิดว่าปัญหาของประเทศชาติในปัจจุบันมีอะไรบ้าง
1.1 ปัญหาด้านจิตสำนึก/จิตสาธารณะ/ระเบียบวินัย/ความรับผิดชอบ
- ขาดความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง เช่น การไม่อยู่เวรทำความสะอาดประจำวันของโรงเรียน
- ขาดจิตสำนึก และความรับผิดชอบต่อส่วนรวม โดยการอ้างว่า “ธุระไม่ใช่”เช่น การทิ้งขยะไม่ลงถัง หรือการใช้รถ ใช้ถนนที่ไม่ถูกต้องตามกฎจราจร
- ขาดระเบียบวินัยในโรงเรียน
1.2 ปัญหาด้านชุมชน/สิ่งแวดล้อม
-การทิ้งขยะไม่ถูกที่ เช่น ทิ้งขยะไม่ลงถัง ทิ้งขยะลงแม่น้ำ การตัดไม้ทำลายป่า การทำลายสิ่งแวดล้อม
- มลพิษในชุมชน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนในชุมชน
1.3 ปัญหาด้านการศึกษา
- สถานศึกษายังไม่เอื้ออำนวยสำหรับคนพิการ รวมทั้งการเรียนร่วมกับเด็กปกติ
- การออกข้อสอบนอกเหนือหลักสูตรการเรียนการสอน
- คุณภาพของสถานศึกษา และครูอาจารย์
- ความไม่เพียงพอของครูผู้สอน รวมทั้งครูมีภาระงานมาก ส่งผลต่อคุณภาพการสอน
- พ่อแม่บังคับให้ลูกเรียนในสิ่งที่ไม่ตรงกับความชอบและความถนัดของลูก ส่งผลต่อคุณภาพการศึกษาและความสำเร็จ
1.4 ปัญหาด้านการใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media)
- การใช้เวลาอยู่กับสื่อสังคมออนไลน์มากเกินไป โดยไม่แบ่งเวลาให้ถูกต้อง ส่งผลกระทบต่อการเรียน รวมทั้งความสัมพันธ์ในครอบครัว และปัญหาอื่นๆ ตามมา
1.5 ปัญหาด้านอื่นๆ
- การทะเลาะวิวาทและขาดความสามัคคีในทุกระดับของสังคม เช่น การทะเลาะวิวาทในห้องเรียน หรือระหว่างการทำกิจกรรมกลุ่ม การทะเลาะวิวาทระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องในสถาบันการศึกษา ระหว่างสถาบันการศึกษา ในครอบครัว ชุมชน และสังคม
- ความไม่สะดวกในการเดินทางและการใช้ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะของผู้พิการ
- การไม่รับผู้พิการเข้าทำงานในบางหน่วยงาน
- ยาเสพติดในโรงเรียน และชุมชน
- อาชญากรรมที่เกิดขึ้นในสังคม เช่น การปล้นชิงทรัพย์ การทารุณกรรม และความรุนแรง
- ถูกวัฒนธรรมและค่านิยมทางตะวันตกครอบงำ และละเลยวัฒนธรรม/ค่านิยมที่ดีงามของไทยในอดีต เช่น วัฒนธรรมการแต่งตัว ค่านิยมการรักนวลสงวนตัว
- การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ
- แนวทางการปลูกฝังอุดมการณ์เรื่องความรักชาติและประชาธิปไตย ที่ปัจจุบันเด็กและเยาวชนไทยได้รับการปลูกฝังเรื่องดังกล่าวผ่านการสอนโดยการท่องจำในห้องเรียน แต่ไม่เข้าใจอย่างแท้จริงทำให้ไม่สามารถนำไปสู่การประพฤติปฏิบัติได้จริง
- ความไม่เสมอภาคและเท่าเทียมกันของคนในสังคม
- การจราจรติดขัด
- การทุจริตคอร์รัปชั่น
- การไม่เคารพสิทธิและเสรีภาพ รวมทั้งความคิดเห็นของผู้อื่น
2.ท่านสามารถทำอะไรให้กับประเทศชาติได้บ้าง (มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาอย่างไร)
2.1 ปัญหาด้านจิตสำนึก/จิตสาธารณะ/ระเบียบวินัย/ความรับผิดชอบ
-การปรับเปลี่ยนค่านิยม แนวความคิด และทัศนคติให้เป็นไปในแนวทางที่ถูกต้องเหมาะสม โดยเริ่มจากการมีความรับผิดชอบต่อตนเองให้ได้ก่อน โดยมิทำให้คนอื่นเดือดร้อน
-well done is “better” than well said , Responsibility is not what you say to another, but what you doing. หรือ “ทำดีกว่าพูด”
-การใช้มาตรการทางสังคมเป็นเครื่องมือในการสร้างและปลูกฝังจิตสำนึก/จิตสาธารณะ/ระเบียบวินัย/ความรับผิดชอบ โดยควรเริ่มจากจุดเล็กๆ ของสังคม และพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสามารถทำให้ประชาชนมีจิตสำนึกอย่างแท้จริง
-การปลูกฝังอุดมการณ์ในระดับวัฒนธรรม ด้วยการสอดแทรกแนวคิดไปในกิจกรรมต่างๆ แทนการท่องจำว่าชาติคืออะไร ความรักชาติต้องทำอะไร แต่ควรต้องสร้างเข้าใจอย่างถูกต้อง เพื่อให้เกิดจิตสำนึกที่ดี ในการมีจิตสาธารณะ การมีจิตอาสา เพื่อสังคมและประเทศชาติ
-โรงเรียนควรส่งเสริมให้นักเรียนทุกคนรู้จักมีความรับผิดชอบต่อตนเอง และปฏิบัติตามภาระหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย เช่น การทำตามเวรทำความสะอาดเป็นต้น
2.2 ปัญหาด้านชุมชน/สิ่งแวดล้อม
- การรณรงค์และปลูกฝังความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การทิ้งขยะให้ถูกที่ถูกทาง ไม่ตัดไม้ทำลายป่า ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและสัตว์ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น
- การติดกล้องไว้ในห้องน้ำ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการตรวจตราความเรียบร้อย
2.3 ปัญหาด้านการศึกษา
- เพิ่มกิจกรรมการเรียนรู้ขึ้นในห้องเรียนโดยสอดแทรกสาระต่างๆ ควบคู่ไปกับการเรียนที่มีเนื้อหาวิชาการ
- พิจารณารับผู้พิการเข้ารับการศึกษา โดยจัดให้เรียนร่วมกับนักเรียนปกติตามความเหมาะสมและตามศักยภาพ
- เพิ่มจำนวนครูให้เพียงพอต่อความต้องการให้เหมาะสมตามหลักสูตรและชั้นเรียน
- วางแผนการสอนให้เป็นระบบมากขึ้น และออกข้อสอบให้สอดคล้องกับหลักสูตร
- นักเรียนควรตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและพัฒนาฝีมือตามความสามารถเพื่อนำความรู้และประสบการณ์ไปใช้ในการทำงาน เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ
-โรงเรียนควรให้ความสำคัญกับเด็กนักเรียนมากกว่าการรักษาแต่เพียงชื่อเสียงของโรงเรียน
-ปรับปรุงและพัฒนาวิธีการวัดประเมินคุณภาพจากการวัดผลการเรียนเพียงอย่างเดียว แต่ควรประเมินคุณภาพที่ตัวผู้เรียนโดยตรง
-สร้างระบบการคัดเลือกครูที่มีคุณภาพและมีมาตรฐาน
-จัดกิจกรรมเพื่อสานสัมพันธ์ให้กับรุ่นพี่รุ่นน้องภายในวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันปัญหาการทะเลาะวิวาท
2.4 ปัญหาด้านสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media)
-จัดโครงการอบรมเพื่อเสริมสร้างวินัยในการใช้โทรศัพท์มือถือ และการใช้สื่อสังคมออนไลน์
2.5 ปัญหาด้านอื่นๆ
- นำหลักการยอมรับเสียงของคนส่วนใหญ่ และแก้ไขปัญหาโดยการพูดคุยกัน
- จัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางสำหรับผู้พิการ เช่น จัดให้มีรถโดยสารที่เอื้อต่อผู้พิการ การจัดลิฟต์รับรองสำหรับผู้พิการ
- สนับสนุนให้หน่วยงานพิจารณารับผู้พิการเข้าทำงานตามความสามารถและความเหมาะสม
- ปลูกฝังอุดมการณ์ความรักชาติและประชาธิปไตยให้แก่เด็กและเยาวชน ผ่านกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง
- รู้จักนำประสบการณ์และความรู้ต่างๆ มาปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาตนเอง โดยเริ่มจากสังคมขนาดเล็กคือครอบครัวแล้วขยายไปยังชุมชน สังคม เพื่อให้เกิดการพัฒนาไปอย่างเข้มแข็ง
- กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชนไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน ชุมชน หรือระดับประเทศอย่างจริงจัง ควบคู่ไปกับการปลูกฝังเด็กและเยาวชนให้ทราบถึงโทษของยาเสพติด และจัดค่ายอบรม/กิจกรรมยามว่าง เช่น การเย็บผ้า การปลูกเห็ด การทำรองเท้า เพื่อบำบัดผู้ติดยาเสพติด และควรมีส่วนช่วยสอดส่องดูแลและแจ้งเบาะแสกรณีพบเห็นบุคคลที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
- สร้างความสามัคคี โดยเริ่มจากครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติและหากเกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทภายในโรงเรียนกัน ควรต้องแจ้งครูก่อน เพื่อแก้ปัญหาเบื้องต้น และเมื่อเกิดปัญหาควรพูดคุยด้วยเหตุผลกันและไม่ใช้อารมณ์ และจัดกิจกรรมเพื่อเชื่อมสัมพันธ์และเกิดความสามัคคีในโรงเรียน
- เคารพและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
- รู้จักรักและเห็นคุณค่าในตนเอง เพื่อมิให้ผู้อื่นดูถูก
- ปลูกฝังแนวคิด/ค่านิยม/จิตสำนึก/พฤติกรรมที่ดีให้แก่คนในสังคม โดยเริ่มปลูกฝังตั้งแต่ในระดับครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และสังคม เนื่องจากแต่ละคนเปรียบเหมือนฟันเฟืองเล็กหนึ่งชิ้น ถ้าเฟืองนั้นทำงานได้ดี ย่อมส่งผลให้เฟืองชิ้นต่อๆ ไปทำงานได้ดี เช่นเดียวกัน หากทุกคนในสังคมต่างมีแนวคิด/ค่านิยม/จิตสำนึก/พฤติกรรมที่ดีย่อมส่งผลดีต่อสังคมโดยรวม
- แต่งตัวให้มิดชิด และเหมาะสมตามกาลเทศะ
3.ข้อเสนอแนะอื่นๆ
3.1 ปัญหาด้านจิตสำนึก/จิตสาธารณะ/ระเบียบวินัย/ความรับผิดชอบ
- โรงเรียนควรสร้างจิตสำนึกในการมีระเบียบวินัย และความรับผิดชอบให้แก่นักเรียนตั้งแต่ในวัยเด็ก เนื่องจากการมีวินัยถือเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาและสร้างชาติ
- การมีจิตสำนึกที่ดี คือพื้นฐานของความสำเร็จ
3.2 ปัญหาด้านชุมชน/สิ่งแวดล้อม
-รณรงค์ให้ทุกคนในสังคมทิ้งขยะให้ถูกที่ถูกทาง รวมทั้งรณรงค์เพื่อต่อต้านยาเสพติดและบุหรี่ และรณรงค์เรื่องความปลอดภัย เช่น การสวมหมวกกันน็อกทุกครั้งที่ขับขี่รถจักรยานยนต์
3.3 ปัญหาด้านการศึกษา
-ควรจัดให้มีสถานศึกษาที่เอื้ออำนวยต่อผู้พิการอย่างเพียงพอ
-ควรเห็นความสำคัญในเรื่องของคุณภาพของนักเรียนมากกว่าชื่อเสียงของสถาบัน
3.4 ปัญหาด้านอื่นๆ
-นำแนวคิดและวิถีทางทหารมาปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม
-ทุกคนควรตระหนักถึงทุกภาคส่วนของสังคม ตั้งแต่ในระดับครอบครัว ชุมชน โรงเรียน สังคม และประเทศชาติ แต่ควรเริ่มจากการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาตัวเองก่อน เป็นอันดับแรก
-ส่งเสริมให้เกิดการจัดกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ เพื่อปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนได้มีจิตสำนึกและประพฤติปฏิบัติตนที่เหมาะสมตามวัย
- สร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชน
- ควรพิจารณาแนวทางในการจัดการปัญหาให้ตรงจุดและเป็นระบบ
- การแก้ไขปัญหาด้วยเหตุผล ภายใต้หลักการเคารพเสียงส่วนใหญ่ และไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน
- ความสามัคคี ถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการสร้างชาติ
- อยากให้ผู้ใหญ่เข้าใจและรับฟังความคิดเห็นของเด็กให้มากขึ้น
-อยากให้พ่อแม่เคารพสิทธิในการเลือกเรียนตามความชอบและถนัด
- ควรปลูกฝังอุดมการณ์ความรักชาติ และประชาธิปไตยในระดับวัฒนธรรม
-รัฐบาลควรส่งเสริมให้เกิดการกระจายรายได้ไปยังพื้นที่ชนบท ไม่ใช่กระจุกแต่ในจังหวัดใหญ่
สรุปปัญหาและแนวทางการแก้ไขของเด็กและเยาวชน สามารถแบ่งเป็น 5 ประเด็น
ผลการอภิปราย ทำให้สามารถจัดลำดับเรื่องที่สมควรนำไปตั้งเป็นปณิธานฯ ได้ดังนี้
เด็กและเยาวชนไทย ต้องมีความรักชาติ ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ทำตามความเห็นของคนส่วนใหญ่ แต่ไม่ละเลยกับความเห็นของคนส่วนน้อย
เด็กและเยาวชนไทย ต้องมีระเบียบวินัย ให้ความเคารพ และปฏิบัติตามกฎหมาย อย่างเคร่งครัด
เด็กและเยาวชนไทย จะต้องมีจิตสำนึกสาธารณะ มีจิตอาสา ดำรงตนให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และประเทศชาติ
เด็กและเยาวชนไทย ต้องเคารพในหลักของความเท่าเทียม ยอมรับศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ของคนพิการ คนด้อยโอกาส คนต่างเชื้อชาติ ต่างภาษาต่างศาสนา และต่างวัฒนาธรรม
เด็กและเยาวชนไทย ต้องตั้งใจศึกษาและพัฒนาความสามารถของตนเองตามความถนัด นำความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ไปใช้ในการทำงาน เพื่อเป็นพลเมืองคุณภาพ
เด็กและเยาวชนไทย ต้องรู้จักรัก ให้เกียรติ และให้คุณค่าต่อตนเอง มีความรับผิดชอบต่อตนเอง รักษาสัญญา รู้หน้าที่ มิทำให้ผู้อื่นผู้ใดเดือดร้อน
เด็กและเยาวชนไทย จะต้องมีความสามัคคีกัน ให้เกียรติกัน เป็นพี่น้องร่วมชาติเดียวกัน ร่วมกันเป็นสถาบันเดียว
ยอมรับความผิดอันเกิดจากการกระทำของตนเอง แล้วปรับปรุงแก้ไข เพื่อพัฒนาตนเอง และสังคมส่วนรวม
ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข ยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย และจะไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นทางการกระทำ และการสื่อสาร ต่อผู้อื่น
ทั้งนี้ พบว่ามี “คำซ้ำ” ที่ผู้เข้าร่วมประชุมพูดซ้ำกันหลายครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นประเด็นที่ผู้เข้าร่วมประชุมให้ความสำคัญในการนำเสนอ ต่อหัวข้อการประชุม “ปณิธานเด็กและเยาวชนคนรักษ์ชาติ” ดังนี้
อันดับ 1 ความรับผิดชอบต่อตนเอง
อันดับ 2 จิตสำนึกสาธารณะ จิตอาสา
อันดับ 3 ความสามัคคีกัน
อันดับ 4 ความรักชาติ
อันดับ 5 ระเบียบวินัย
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการจะผลักดันปณิธานเด็กและเยาวชนคนรักษ์ชาติ ให้เป็นรูปธรรมต่อไป
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่คณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ
และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โทร 0 2831 9225-6 โทรสาร 0 2831 9226
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี