World Economic Forum (WEF) มีรายงานผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่างๆทั่วโลก ประจำปี ค.ศ.2017-2018 ออกมาเมื่อเร็วๆ นี้ ปรากฏว่า ประเทศไทยถูกจัดอันดับอยู่ที่ 32 จากทั้งหมด 137 ประเทศ อันดับดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว 2 ที่ จากปีที่แล้วเราถูกจัดเป็นอันดับที่ 34
จึงเป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทย คนไทย โดยเฉพาะ คสช. คณะรัฐบาล ภาครัฐ เอกชนและประชาสังคม จริงๆ แล้วคงต้องแสดงความยินดีต่อทุกหน่วยงาน ทุกองค์กร และทุกๆ คนที่ได้มีส่วนร่วมในการทำให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ดีขึ้น
ประเทศที่มาที่หนึ่ง คือ สวิตเซอร์แลนด์ ตามด้วยอเมริกา สิงคโปร์(3) เนเธอร์แลนด์, เยอรมนี, ฮ่องกง (6) ตามลำดับ ญี่ปุ่นได้ที่ 9, ไต้หวันได้ที่ 15, มาเลเซีย ได้ที่ 23, เกาหลีใต้ 26, จีน 27,
และประเทศไทย 32 ประเทศในเอเชียที่อันดับอยู่ต่ำกว่าเราคือ อินโดนีเซีย 36, อินเดีย 40, บรูไน 46, เวียดนาม 55, ฟิลิปปินส์ 56,
กัมพูชา 94, และลาว 96 จึงเป็นสิ่งที่น่ายินดีพอสมควร
เราต้องไม่เทียบกับประเทศอื่นเท่านั้น ควรเทียบกับตัวเราเองด้วยว่า ปีที่แล้วได้ที่เท่าไหร่ และประเด็นที่สำคัญกว่าคือ เราได้คะแนนเท่าไหร่ ถ้าเราทำคะแนนได้ดีขึ้นทุกปี ถึงแม้ลำดับจะเป็นอันดับเดิม เราก็ควรจะพอใจในระดับหนึ่ง แต่เราต้องพยายามทุกภาคส่วน ที่จะร่วมมือกันทำให้ดีขึ้นทุกๆ ปี ซึ่งไม่ใช่ของง่าย แต่ก็ควรตั้งเป้าและพยายาม อย่าลืมว่าประเทศอื่นๆ ก็มีเป้าหมายเช่นเดียวกัน แต่อย่างน้อยถ้าคะแนนเราดีขึ้นทุกปีก็ยังดี
ถ้าดูผลรายงานในปีที่ 2012-2013, 2013-2014, 2014-2015, 2015-2016, 2016-2017 และ 2017-2018 ปรากฏว่าประเทศไทยได้อันดับและคะแนนตามลำดับดังนี้ 38/144(4.5), 37/148(4.5), 31/144(4.7), 32/140(4.6), 34/138(4.6) และ 32/137 (4.7)
ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าประเทศไทยเราอยู่ในอันดับที่ 31 ในปี 2014-2015 คะแนน 4.7 รวมแล้วในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาคะแนนเราอยู่ระหว่าง 4.5-4.7 และลำดับอยู่ที่ระหว่าง 31-38 คะแนนเราได้เพิ่มขึ้นเพียง 0.2 ใน 6 ปี
WEF จัดลำดับอย่างไร เขาดู 3 หัวข้อและ 12 เสา หัวข้อแรกคือ basic requirements (ประเทศไทยได้อันดับที่ 41 คะแนน 5.1 จาก 7 ในหัวข้อนี้) ที่มี 4 เสา คือ 1) Institutions ที่ 78/3.8 2) Infrastructure ที่ 43/4.7 3) Macroeconomic environment ที่ 9/6.2 4) Health and primary education ที่ 90/5.5 หัวข้อที่สองคือ Efficiency enhancers (อันดับที่ 35 คะแนน 4.6) มี 6 เสาประกอบด้วย 5) Higher education and training ที่ 57/4.5 6) Goods market efficiency ที่ 33/4.7 7) Labor market efficiency ที่ 65/4.3 8) Financial market development ที่ 40/4.4 9) Technological readiness ที่ 61/4.5 10) Market size ที่ 18/5.2 และหัวข้อที่ 3 คือ Innovation and sophistication factors (อันดับที่ 47 คะแนน 3.9) มี 2 เสา คือ 11) Business sophistication ที่ 42/4.4 12) Innovation ที่ 50/3.5
จากการสอบถามพบว่า ปัญหาการทำธุรกิจในประเทศไทยมากที่สุดคือความไม่มั่นคง ไม่มีประสิทธิภาพหรือนโยบายที่ไม่แน่นอน ไม่มีศักยภาพที่จะมีนวัตกรรมใหม่ ปัญหาคอร์รัปชั่น มีกลุ่มทำงานที่มีความรู้ไม่เพียงพอ ปัญหาด้านกฎหมายการเก็บภาษี ระบบ infrastructure ยังไม่ดีพอ ฯลฯ
12 เสายังแบ่งเป็นเสาย่อยต่างๆอีก เช่น (1) institutions แบ่งเป็น 21 เสาย่อย (2) infrastructure แบ่งเป็น 9 เสาย่อย (3) Macroeconomic environment แบ่งเป็น 5 เสาย่อย, (4) Health and primary education 10, (5) Higher education and training 8, (6) Goods market efficiency 16, (7) Labor market efficiency 10, (8) Financial market development 8, (9) Technological readiness 7, (10) Market size 4, (11) Business sophistication 9, (12) Innovation 7 รวมทั้งหมดแล้วมี 3 หัวข้อ 12 เสาและ 114 เสาย่อย
ผมอยากให้ทุกหน่วยงานรับทราบและพยายามพัฒนาสิ่งที่ตนเองทำให้ดียิ่งขึ้น ถ้าทุกๆ คน ทุกๆ องค์การ เป็นบุคคลหรือมีบุคลากรที่ดี ที่เก่ง ที่รอบรู้ และมีสุขภาพดี..ดีคือซื่อสัตย์ สุจริต ไม่โกง เห็นแก่ส่วนรวม ฯลฯ เก่งคือขยัน สรุป จับประเด็นเป็น อยากเรียนรู้ตลอดชีวิตและเก่ง 7 อย่าง คือ เก่งคิด(ริเริ่ม สร้างสรรค์ วางแผน) เก่งคน เก่งงาน เก่งเงิน เก่งเวลา เก่ง“ขาย” และเก่งฟัง ประเทศไทยจะก้าวกระโดดไปไกลแน่ ทั้งลำดับและคะแนน
ความสามารถการแข่งขันระดับโลกไม่ได้อยู่ที่ท่านนายกฯคนเดียว เฉพาะ คสช. ครม. หรือองค์การภาครัฐ เอกชน แต่ทุกๆ คนมีส่วนทำให้ลำดับและคะแนนดียิ่งขึ้นหรือเลวลงได้
จึงขอวิงวอนให้พวกเราทุกๆ คนช่วยกันครับ เพื่อประเทศไทยและพวกเราทุกๆ คน
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี