นม เป็นสารอาหารที่ผลิตโดยสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม รวมทั้งมนุษย์ด้วย เป็นสารอาหารหลักสำหรับลูกของสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมโดยเฉพาะในช่วงแรกๆ หลังเกิด นมมีสารอาหารครบทุกหมวดหมู่ ตั้งแต่น้ำตาล โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ และวิตามิน องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า ใน 6 เดือนแรกทารกต้องกินนมมารดาอย่างเดียวและกินต่อไปจนถึง 2 ปี โดยเสริมอาหารอื่นด้วยหลัง 6 เดือนแรกนมมี antibodies หรือสารที่เป็นภูมิป้องกันโรคต่างๆ อีกด้วย
ในปี ค.ศ.2011 มีวัว 260 ล้านตัว ที่ผลิตนมได้ถึง 730 ล้านตัน ขณะนี้ประเทศที่มีการผลิตนมได้มากที่สุดในโลก คือ สหรัฐอเมริกา อินเดีย จีน บราซิล เยอรมนี รัสเซีย มีประมาณ 6 พันกว่าล้านคนในโลกที่ดื่มนม
นมส่วนใหญ่ (85%) ผลิตมาจากวัว แต่ยังสามารถผลิตได้จากแพะ 2% แกะ 1.4% ควาย 11% กวาง จามรี ม้า อูฐ ฯลฯ มนุษย์สามารถเอานมไปผลิตเป็นครีม เนย โยเกิร์ต kefir ไอศกรีม เนยแข็ง ได้หรือเอาไปผลิต casein, whey protein, lactose, condensed milk, powdered milk
ประเทศอิสราเอลสามารถผลิตนมได้มากที่สุดต่อวัว 1 ตัว/ปี คือ 12,546 กก.!! ในสหรัฐอเมริกา วัว 1 ตัวผลิต 9,954 กก., นิวซีแลนด์ผลิตได้ 3,974 กก./ตัว/ปี, จีน 2,282 กก./วัว 1 ตัว,อินเดีย 1,154 กก. ทั้งนี้แล้วแต่การเลี้ยงวัว
นมวัว มี pH 6.4-6.8 ประมาณ 97-98% ของไขมันเป็น triacylglycerol ทั้งนี้ยังมี di- monoacylglycerole, free cholesterol and cholesterol esters, free fatty acids and phospholipids ในไขมันจะมีวิตามิน A, D, E, K, linoleic และ linolenic acid อีกด้วย
นมวัวมีโปรตีน ประมาณ 30-35 กรัม/ลิตร ซึ่งประมาณ 80% เป็น casein 20% เป็น whey protein นอกจากนั้นนมยังมีเกลือแร่ และวิตามิน แคลเซียม, ฟอสเฟต, แมกนีเซียม, โซเดียม, โพแทสเซียม, ไซเตรท, คอลีน วิตามิน B6, B12, C, thamine, niacin, biotin, riboflavin, folates, pantothenic acid
นมมีน้ำตาล lactose, glucose, galactose และ oligosaccharides อื่นๆ lactose ให้พลังงานประมาณ 40% ของนม lactose เป็น disaccharide ประกอบด้วย glucose and galactose นมมนุษย์มี 1.1% โปรตีน 4.2% ไขมัน 7% lactose และให้พลังงาน 72 กิโลแคลอรี/100 กรัม
ส่วนนมวัว 100 กรัม จะมีน้ำ 87.8 กรัม,โปรตีน 3.2 กรัม,ไขมัน 3.9 กรัม,ไขมันอิ่มตัว 2.4 กรัม, ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 1.1 กรัม,ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 0.1 กรัม, แป้ง 4.8, คอเลสเตอรอล 14 มก., แคลเซียม 120 มก., พลังงาน 66
แนวทางการกินอาหารของชาวอเมริกัน (Dietary Guidelines) ปี 2515 แนะว่าเด็กอายุ 2-3 ปี ควรดื่มนมวันละ 2 แก้ว, อายุ 4-8 ปี ดื่มวันละ 2 แก้ว และเด็กอายุ 9 ปีขึ้นไป ดื่มวันละ 3 แก้ว
เด็กๆ และผู้ใหญ่ควรดื่มนมทุกวัน เนื่องจากมีสารอาหารทุกอย่าง รวมทั้งวิตามิน และเกลือแร่ ที่สำคัญคือ เป็นแหล่งแคลเซียมที่ดี แคลเซียมมีความสำคัญต่อการสร้างกระดูก จะช่วยทำให้เด็กสูงขึ้น ถ้าดื่มนมมากพอ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เด็กกำลังโต 10-14 ปี และควรดื่มตลอดไป นม 1 แก้ว มีแคลเซียมประมาณ 300 มก.ซึ่งแต่ละวันเราควรจะกินแคลเซียม 1,000 มก. แต่โดยทั่วๆ ไปคนเอเชียกินแคลเซียมเพียง 500 มก. ถึงแม้แคลเซียมจะมีอยู่ในสารอาหารอื่นๆ เช่น เต้าหู้ ปลาเล็กปลาน้อย บร็อกโคลี่ คะน้า กุ้งแห้ง ฯลฯ แต่เราไม่แน่ใจว่าต้องกินเท่าไหร่จึงจะพอ แต่การดื่มนมสามารถทำให้เราคำนวณคร่าวๆ ได้ว่าเราดื่มพอแล้ว คือ 3-4 แก้ว ถ้าเราไม่แพ้นม(แพ้ในที่นี้คือ ไม่มีน้ำย่อย lactase ที่จะย่อยน้ำตาล lactose เวลาเราดื่ม เราอาจมีอาการท้องอืด ปวดท้อง ท้องเสีย แต่ถ้าค่อยๆ ดื่มไปเรื่อยๆ ร่างกายอาจจะสร้างน้ำย่อย lactase ขึ้นมาได้) ถ้าใครกลัวไขมันในเลือดของตนเองจะสูงควรดื่มนมที่ไม่มีไขมันเนยได้
คนไทยยังดื่มนมน้อยมาก ประมาณ 14 ลิตร/คน/ปี (กรมอนามัยอ้างผลการสำรวจการบริโภคนมของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ปี 2558) ค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดื่มนมคนละ 60 ลิตร/ปี ทั่วโลกเฉลี่ยดื่มนมคนละ 103.9 ลิตร ประเทศที่ดื่มนมมากอาจจะถึง 200 ลิตร/คน/ปี ฉะนั้นเราจงมาดื่มนมรสจืดแทนน้ำหวานกันดีกว่าครับ ผมเองก็ยังดื่มวันละแก้วเป็นอย่างน้อย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี