โรคลมชัก (ลมบ้าหมู หรือ epilepsy) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์สมองที่ปล่อยคลื่นไฟฟ้าออกมามากผิดปกติ
ผู้ที่เป็นโรคลมชักอาจมีอาการเกร็งกระตุกทั้งตัว หมดสติ หรือชักแบบแน่นิ่ง ผู้ป่วยจะไม่รู้ตัวเวลาชัก อีกทั้งยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ อาจมีตาค้าง ตาเหลือก น้ำลายฟูมฟาย ล้มลง ขากรรไกรแข็ง กัดริมฝีปากกัดลิ้นตนเอง มีอาการปัสสาวะหรืออุจจาระราด บางคนเป็น 1-3 นาที มักไม่เกิน 5 นาที แต่บางรายอาจเป็นนานถึง 15 นาที ถ้าชักเกิน 5 นาทีควรรีบพาไปโรงพยาบาล
ถ้าเซลล์สมองเกิดความผิดปกติบริเวณส่วนที่ควบคุมการมองเห็น อาจจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการเห็นแสงจ้าในขณะที่มีอาการชัก
ส่วนใหญ่(70%)ไม่ทราบสาเหตุโรคลมชัก แต่อาจเกิดจากกรรมพันธุ์หรือสมองได้รับอันตรายมาก่อน เช่นเคยมีการติดเชื้อในสมอง ภาวะขาดออกซิเจนขณะคลอด อุบัติเหตุทางสมอง การติดเชื้อของระบบประสาท ความผิดปกติทางสมองตั้งแต่กำเนิด จากก้อนเนื้อในสมอง เช่น เนื้องอก พยาธิในสมอง พยาธิสภาพของหลอดเลือด มีภาวะเกลือโซเดียม น้ำตาล แคลเซียม ในร่างกายสูงหรือต่ำเกินไป รวมทั้งโรคตับ โรคไต ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป เสพยาเสพติดเกินขนาดหรือใช้ยาบางชนิดเกินขนาด
ถ้าพบผู้ป่วยชัก ควรนำไปยังที่ๆ ปลอดภัย ปลดเสื้อผ้าให้หลวม ถ้าใส่แว่น ถอดแว่นตาออก หาอะไรนุ่มๆ มาหนุนศีรษะ จับศีรษะและแขน ขา อย่าให้กระแทกกับพื้นหรือกำแพง ให้ผู้ป่วยนอนตะแคงข้างหนึ่งข้างใด เพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง ไม่ให้เศษอาหาร เสมหะ น้ำลายไหลเข้าปอด ถ้าใส่ฟันปลอม เอาออก ไม่ให้คนมุง ห้ามไม่ให้ใช้มือหรือนิ้วล้วงคอหรือง้างปากคนไข้ ไม่ต้องใช้ช้อน ด้ามไม้ ฯลฯ ใส่เข้าปากคนไข้ เพื่อป้องกันมิให้กัดลิ้น (ตามที่เคยสอน) ไม่ควรผูกมัดผู้ป่วย อย่าทิ้งผู้ป่วยไว้คนเดียว อย่าให้กินอะไรทันทีหลังฟื้น พอฟื้นให้นั่งในท่าที่หายใจสะดวก ถ้าหลับหลังชัก ให้หลับต่อ ถ้าชักนานควรนำตัวส่งโรงพยาบาล
ถ้าสงสัยว่าผู้ป่วยชักหรือไม่ ควรให้ไปพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยรักษาที่ถูกต้อง แพทย์มีวิธีรักษาโรคลมชักด้วยการให้ยา ซึ่งต้องกินติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี ห้ามหยุดยา ยกเว้นแพทย์สั่ง
ควรไปพบแพทย์เป็นระยะๆ ตลอดเวลาที่แพทย์สั่ง อาจต้องใช้เวลากินยา 2-5 ปี จนถึงเวลาที่หยุดยาได้ สามารถรักษาด้วยยาประมาณ 70% ถ้าอาการชักเกิดขึ้นอีกก็ต้องกินยาใหม่ อาจต้องกินยาตลอดชีวิต
การรักษาอื่นๆ ก็คือ การใช้ไฟฟ้ากระตุ้น การควบคุมอาหารโดยเฉพาะในเด็ก (คือ อาหารที่มีไขมันสูง โปรตีนต่ำ) และการผ่าตัดในรายที่มีพยาธิสภาพที่ชัดเจน
ผู้ป่วยต้องพยายามให้ความร่วมมือแพทย์ด้วยการกินยา ปฏิบัติตนตามคำแนะนำแพทย์ ถ้ามีไข้สูงต้องระวัง-กินยาลดไข้ เช็ดตัว หลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจทำให้ชัก เช่น อดนอน ความเครียด ออกกำลังกายมากเกินไป อาการท้องผูก แอลกอฮอล์ ที่ๆมีเสียงดัง แสงจ้า และต้องระวังที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ที่สูง ใกล้น้ำ ของร้อน เตาไฟ ถนน ไม่ควรขับรถ และควรบอกผู้ใกล้ชิดเช่นเพื่อนๆด้วยว่าตัวเองเป็นโรคนี้
น่ายินดีที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยและคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีการตั้ง“ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ โรคลมชักครบวงจร”ในปี พ.ศ.2554 ต่อเนื่องมาจาก“โครงการรักษาผู้ป่วยโรคลมชักครบวงจร”ที่ตั้งขึ้นเมื่อปี 2537 ศูนย์นี้ได้ริเริ่มการรักษาผู้ป่วยโรคลมชักที่ดื้อต่อยาด้วยการผ่าตัดเป็นแห่งแรกของประเทศไทยและของภูมิภาคอาเซียน ปัจจุบันมีผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดไปแล้วกว่า 1,000 ราย ศูนย์มีเครื่องมือที่ทันสมัยคือ เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง ด้วยการจัดวางขั้วไฟฟ้าแบบละเอียด(คือ 256 channel Dense Array Electroencephalography หรือ dEEG) สามารถช่วยให้แพทย์ประเมินหาจุดกำเนิดของการชักสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการชักแบบซ้ำซ้อนที่ดื้อต่อยาเพื่อการผ่าตัดได้แม่นยำยิ่งขึ้น (เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองแบบทั่วๆไปมีขั้วไฟฟ้าเพียง 19-23 ขั้วเท่านั้น) ข้อมูลที่ได้จากการตรวจเครื่องมือนี้ จะถูกนำมาประกอบในการพิจารณารูปแบบและวิธีการผ่าตัด ช่วยทำให้ผู้ป่วยได้รับผลข้างเคียงหรือความเสี่ยงจากการผ่าตัดน้อยลง และยังช่วยลดระยะเวลาที่ผู้ป่วยต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลลงอีกด้วย เครื่องมือนี้ได้มีการติดตั้งมาตั้งแต่ 4/11/2558
ศูนย์นี้ยังได้สร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคลมชักให้ประชาชนอีกด้วย ได้จัดทำวีดีโอแอนิเมชั่น เพื่อเป็นสื่อการสอนให้เด็กๆ และหน่วยงานทั่วไปให้รู้เท่าทันโรคลมชักและสามารถเข้าช่วยเหลือผู้ป่วยได้
ศูนย์นี้เป็นศูนย์โรคลมชักระดับตติยภูมิ จึงมีการส่งผู้ป่วยโรคลมชักที่มีความรุนแรงซับซ้อนมาจากทั่วประเทศ นอกจากการผ่าตัดแล้วยังมีการรักษาเสริมด้วยการใช้เครื่องกระตุ้นเส้นประสาทสมองเวกัส (Vagus nerve stimulation) ในผู้ป่วยที่อาการชักควบคุมได้ยาก
ถ้าใครหรือลูกหลานมีปัญหาเรื่องโรคลมชักโปรดติดต่อที่ศูนย์ฯ ได้ครับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี