(ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว)
๒.สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์
๑) สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ ไม่มีนโยบายปฏิเสธผู้โดยสารซึ่งเป็นพิการ ยกเว้นข้อจำกัดด้านความปลอดภัย ทั้งนี้ สายการบินได้เปลี่ยนแปลงนโยบายการรับผู้โดยสาร คนพิการ โดยไม่จำกัดจำนวนคนตาบอดและคนหูหนวก เนื่องจากคนกลุ่มนี้สามารถเคลื่อนตัวได้ในกรณีที่ต้องการอพยพเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินได้
๒) สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ จัดอบรมเจ้าหน้าที่ในการให้บริการคนพิการ เช่น เจ้าหน้าที่เข็นวีลแชร์ได้ผ่านการอบรมแล้วทุกคน เป็นต้น
๓) สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ ยังไม่มีรถไฮส์ลิฟท์ให้บริการ ผู้โดยสาร ที่ต้องการความช่วยเหลือในการอุ้มขึ้น-ลงเครื่องบินสายการบินจะแจ้งให้ผู้โดยสารทราบล่วงหน้าทุกครั้งว่าจะต้องอุ้มผู้โดยสารขึ้น-ลงทางบันไดเครื่องบิน
๓.สายการบินไทยสมาย
๑) สายการบินไทยสมาย ไม่มีนโยบายปฏิเสธผู้โดยสารที่เป็นคนพิการ แต่จำกัดจำนวนผู้โดยสารที่เป็นคนพิการและไม่มีผู้ติดตาม จำนวน ๔ คนต่อเที่ยวบิน เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย และผู้โดยสารที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษได้จะกำหนดที่นั่งในแถวลำดับที่ ๓๔ และ ๓๕ เพื่อให้ลูกเรือที่อยู่บนเครื่องสามารถดูแลผู้โดยสารได้เป็นพิเศษ
๒) สายการบินไทยสมาย มีบริการวีลแชร์สำหรับคนพิการแต่ในส่วนของรถไฮส์ลิฟท์ยังไม่มีเช่นเดียวกับสายการบินอื่น ซึ่งในส่วนของท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ สามารถใช้อุปกรณ์ร่วมกับสายการบินไทยได้ แต่ในสนามบินอื่นๆ ที่ไม่มีไฮส์ลิฟท์ก็จะแจ้งผู้โดยสารล่วงหน้าว่าจะอนุญาตให้อุ้มขึ้นเครื่องบินหรือไม่
๔. สายการบินนกแอร์
๑) นโยบายของสายการบินนกแอร์ไม่มีการปฏิเสธผู้โดยสารที่เป็นคนพิการ โดยสายการบินนกแอร์จะมีการจำกัดจำนวนคนพิการต่อเที่ยวเนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย ตามรุ่นของเครื่องบิน ๒ แบบ คือ เครื่องบินแบบที่ต้องมีลูกเรือ ๒ คน ก็จะจำกัดจำนวนผู้โดยสารคนพิการ จำนวน ๒ คน และเครื่องบินแบบที่ต้องมีลูกเรือ ๔ คน ก็จะจำกัดจำนวนผู้โดยสารคนพิการ จำนวน ๔ คน เพื่อให้มีลูกเรือเพียงพอที่จะดูแลช่วยเหลือคนพิการ ทั้งนี้ ต้องการให้เข้าใจตรงกันว่าในการให้บริการของสายการบินจะเน้นที่หลักความปลอดภัย เช่น การจำกัดที่นั่งบนเครื่องบินในตำแหน่งที่ติดกับประตูทางออก ซึ่งจะถูกจำกัดไว้สำหรับผู้โดยสารที่ไม่เป็นอุปสรรค ไม่ขัดขวางการเปิดประตูและสามารถช่วยเหลือลูกเรือในการเปิดประตูได้หากมีเหตุฉุกเฉิน ทั้งนี้ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินสายการบินจะต้องช่วยเหลือผู้โดยสารทุกคนให้ปลอดภัย
๒) สายการบินนกแอร์และเจ้าหน้าที่ทุกคนมีความตั้งใจดูแลผู้โดยสาร ด้วยการฝึกอบรมการดูแลคนพิการ การเข็นวีลแชร์ให้ปลอดภัย การนำพาหรือการอุ้มผู้โดยสาร ขึ้น-ลงเครื่องบิน
๓) สายการบินนกแอร์ ยังไม่มีบริการรถไฮส์ลิฟท์ ทั้งนี้ ท่าอากาศยานนานาชาติที่อยู่ในความรับผิดชอบของ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT แม้ส่วนใหญ่มีสะพานเทียบเครื่องบิน หรือ งวงช้าง แต่ยังมีลาดจอดที่ไม่ได้ใช้งวงช้างอีกจำนวนมาก รวมถึงในกรณีเครื่องบินลำเล็กที่ต้องใช้บริเวณจอดที่ไม่มีงวงช้าง เช่น ท่าอากาศยานดอนเมืองเกินกว่าครึ่งหนึ่งที่ยังต้องใช้บันไดเตี้ยในการขึ้น-ลงเครื่องบิน
๔) เห็นด้วยต่อข้อเสนอให้หน่วยงานภาครัฐในฐานะเจ้าของสถานที่จัดหาอุปกรณ์ขึ้น-ลงท่าอากาศยาน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยให้สายการบินได้บริการผู้โดยสารให้ได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น เนื่องจากการให้สายการบินไปดำเนินการเองยังมีข้อจำกัดทั้งงบประมาณ ปัญหาการซ่อมบำรุง และการจัดเก็บ แม้ในปัจจุบันสนามบินบางแห่งจะมีไฮส์ลิฟท์ให้สายการบินเช่า แต่ค่าบริการมีราคาสูงมาก ดังนั้น หากภาครัฐจัดหาอุปกรณ์ดังกล่าวมาให้บริการกับสายการบินก็ควรหารือค่าบริการให้เหมาะสมอีกครั้ง อาจเรียกเก็บรวมไปกับค่าธรรมเนียมจากสายการบินน่าจะเหมาะสมกว่า
การเรียกค่าบริการต่อครั้ง
๕) ท่าอากาศยานควรปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกในท่าอากาศยาน ซึ่งมีผลอย่างยิ่งในการนำพาผู้โดยสารขึ้น-ลงอากาศยาน เช่น ปัญหาเรื่องลิฟต์ไม่เพียงพอ เป็นต้น
ข้อเสนอแนะ
คณะอนุกรรมาธิการกิจการคนพิการได้พิจารณาจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาและอุปสรรคของคนพิการในการใช้บริการจากสายการบินต้นทุนต่ำอย่างเป็นระบบและยั่งยืน จำนวน ๔ ข้อ ดังนี้
๑.สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ควรร่วมมือกับสายการบินและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง จัดทำมาตรฐาน คู่มือ และแนวปฏิบัติในการให้บริการคนพิการให้มีมาตรฐานเดียวกัน อาทิ การจำกัดจำนวนคนพิการจำนวน ๔ คนต่อเที่ยวบิน การไม่จำกัดจำนวนคนตาบอดและคนหูหนวก ต่อเที่ยวบิน และแนวทางการนำผู้โดยสารวีลแชร์ขึ้น-ลงเครื่องบิน เป็นต้น โดยนำคู่มือการเข้าถึงการเดินทางโดยเครื่องบินสำหรับคนพิการ (Manual on Access to Air Transport by Persons with Disabilities : Doc 9984) ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) นำมาใช้เป็นเอกสารหลักในปรับปรุง กฎ ระเบียบ มาตรฐาน คู่มือ และแนวปฏิบัติ การให้บริการของสายการบินให้ทันสมัยและเป็นปัจจุบันมากขึ้น และต้องจัดให้มีการฝึกอบรมผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีความรู้ ความเข้าใจ ต่อมาตรฐานที่ได้จัดทำขึ้น เพื่อให้ทุกสายการบินมีมาตรฐานการให้บริการ คนพิการเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
ทั้งนี้ แม้ปัจจุบัน ICAO จะยังไม่ได้หยิบหยกประเด็นด้านการเข้าถึงของคนพิการ (Accessibility) ขึ้นมาในการประเมินสายการบินของประเทศไทยก็ตาม แต่หากยังไม่มี การพัฒนาและแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในอนาคตอาจจะกลายเป็นประเด็นที่ถูกร้องเรียนต่อICAO ได้เช่นกัน รวมทั้งประเด็นดังกล่าว ถือเป็นประเด็นความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่ได้นำประเด็นการเข้าถึงไปใช้เป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจ
๒.กรมท่าอากาศยาน และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะเจ้าของสถานที่และผู้ดูแลรับผิดชอบท่าอากาศยาน
ควรเป็นผู้จัดซื้อจัดหาอุปกรณ์มาให้บริการสายการบิน ด้วยวิธีการให้เช่าหรืออาจจะถือเป็นส่วนหนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกซึ่งเจ้าของสถานที่จัดไว้ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการขึ้น-ลงท่าอากาศยาน ซึ่งจะเกิดประโยชน์อย่างมากต่อประชาชนในฐานะผู้รับบริการ ไม่ให้ภาระของข้อจำกัดด้านอุปกรณ์ต้องตกไปอยู่กับผู้โดยสารที่มีข้อจำกัดไม่สามารถเดินทางได้ และหากรอให้สายการบินลงทุนเองก็น่าจะเป็นเรื่องยาก เนื่องจากด้านความคุ้มค่าในการลงทุนของสายการบิน รวมถึงปัญหาด้านสถานที่จัดเก็บและการดูแลรักษาอุปกรณ์ ทั้งนี้ ควรทำความร่วมมือกับสถานศึกษาในสังกัดอาชีวศึกษาและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาต้นแบบแลมป์หรือทางลาดชนิดพับในประเทศไทย เพื่อจัดหาอุปกรณ์ในราคาที่สมเหตุสมผลและแจกจ่ายไปในทุกสนามบินเพื่อใช้สำหรับเครื่องบินขนาดเล็กที่ใช้ไฮส์ลิฟท์ไม่ได้ ซึ่งนอกจากจะใช้อำนวยความสะดวกในการขึ้น-ลงวีลแชร์ของคนพิการแล้ว ยังใช้อำนวยความสะดวกสำหรับคนทั่วไปในการเข็นกระเป๋าสัมภาระได้ด้วย
๓.สายการบินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการ ดังนี้
๑.) ควรประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารได้รับทราบอย่างชัดเจนว่าสายการบินให้บริการ เรื่องใดสำหรับคนพิการบ้าง เช่น การให้ข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ของสายการบิน เป็นต้น
๒.) ควรเพิ่มช่องทางให้คนพิการสามารถแจ้งความต้องการบริการพิเศษตั้งแต่ขั้นตอนการจองบัตรโดยสารเครื่องบิน เช่นเดียวกับรูปแบบของการสอบถามผู้โดยสารว่าต้องการอาหารพิเศษเพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อเป็นข้อมูลให้สายการบินได้เตรียมบริการให้ตรงกับความต้องการจำเป็นของคนพิการ
๓.) ควรนำเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกมาใช้แก้ไขปัญหาการให้บริการของสายการบินสำหรับคนพิการ เพื่อเป็นการรองรับสังคมผู้สูงอายุและจำนวนคนพิการที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบในการแข่งขันทั้งธุรกิจการบินและการท่องเที่ยวอย่างมาก
๔.ข้อเสนอแนะ ตามข้อ ๑-๓ ในการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรให้คนพิการ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่และมีประสิทธิผล (full and effective participation) เพื่อให้การกำหนดแนวทางการให้บริการหรือให้ความช่วยเหลือคนพิการได้ตรงตามความต้องการจำเป็นของคนพิการแต่ละบุคคล หรือคนพิการแต่ละประเภท เนื่องจากที่ผ่านมายังมีความเข้าใจผิดว่าคนพิการ มีลักษณะและข้อจำกัดที่เหมือนกัน จึงทำให้ออกข้อกำหนดและแนวทางปฏิบัติการให้บริการและความช่วยเหลือคนพิการทุกประเภทเป็นรูปแบบเช่นเดียวกันทั้งหมด อาทิ การให้บริการผู้โดยสารตาบอด สายการบินก็มักจะนำรถเข็นหรือวีลแชร์มารับ ซึ่งแท้จริงแล้วคนตาบอดสามารถเดินทางได้เอง แต่ความช่วยเหลือที่คนตาบอดต้องการ คือ บริการผู้นำทาง (Sighted Guide) เพื่อช่วยให้เดินทางได้รวดเร็วขึ้น เป็นต้น
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการได้เสนอรายงานข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะดังกล่าวต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และจะติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มีเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคมที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งสอดคล้องกับการที่คณะกรรมาธิการได้พิจารณาศึกษา เรื่อง Accessibility และพบว่า Accessibility มีแนวโน้มที่จะได้รับความสนใจสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า Accessibility ไม่ได้เป็นประเด็นเฉพาะกลุ่มคน กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เกี่ยวข้องกับทุกคนในสังคม โดยเฉพาะ เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่คณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาสสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โทร.๐๒-๘๓๑-๙๒๒๕-๖ โทรสาร๐๒-๘๓๑-๙๒๒๖
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ถนนอู่ทองใน ดุสิต กทม. 10300 email : dek_senate@hotmail.co.th หรือ Facebook: กมธ.พัฒนาสังคม
หรือ กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็กฯ วุฒิสภา โทร.02-831-9225-6 แฟกซ์ 02-831-9226
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี