ทำไมผู้สูงอายุจึงต้องระมัดระวังการหกล้มอย่างมาก
ผู้สูงอายุยิ่งมีอายุมากย่อมมีโอกาสหกล้มได้มากขึ้น เนื่องจากมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่เสื่อมถอยตามอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้เมื่อเผชิญกับอุบัติเหตุหรือเมื่อเกิดการเจ็บป่วยแม้เพียงเล็กน้อย แม้ว่าส่วนใหญ่จะมีการบาดเจ็บเล็กน้อยหลังหกล้ม แต่มีผลเสียร้ายแรงที่เกี่ยวข้องได้แก่ เป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งถึงสาเหตุการเจ็บป่วยที่ซ่อนเร้นอยู่ และอาจเกิดการบาดเจ็บที่รุนแรงได้ เช่น กระดูกหัก ภาวะเลือดคั่งในสมอง สุดท้ายเป็นภาระต่อญาติผู้ดูแลและสังคม ทำให้สูญเสียทั้งด้านการเงิน สุขภาพ และเวลาทั้งของผู้สูงอายุเองและญาติที่ต้องมาดูแลด้วย
อาการหกล้มเป็นสัญญาณอันตรายของโรคอะไรได้บ้าง
ถ้าไม่นับผู้สูงอายุที่หกล้มเนื่องจากอุบัติเหตุจากสิ่งแวดล้อม เช่นพื้นลื่น หรือเดินสะดุดพื้นที่ไม่เรียบเสมอกันแล้ว ผู้ที่หกล้มเองโดยไม่มีเหตุอันควร เช่น หกล้มขณะเดินปกติภายในบ้าน มักต้องมีโรคร้ายแรงที่อาจซ่อนเร้นอยู่ ได้แก่
1.ภาวะความดันโลหิตต่ำจากการเปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งหรือนอนมาเป็นยืน ทำให้เลือดไม่สามารถถูกสูบฉีดไปเลี้ยงสมองได้ทันเวลาและ
เพียงพอ อาจมีอาการหน้ามืดวิงเวียนศีรษะขณะนั้นร่วมด้วย
2.กลุ่มโรคในระบบไหลเวียนเลือด เช่น อาการหมดสติไปชั่วครู่ขณะกำลังเบ่งอุจจาระหรือปัสสาวะ หรือการไอที่รุนแรง โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายฉับพลัน โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ภาวะหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ เป็นต้น
3.กลุ่มโรคระบบประสาท เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคพาร์กินสันโรคสมองเสื่อม โรคปลายประสาทเสื่อม โรคลมชัก โรคต่างๆ ที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ อวัยวะการทรงตัวที่อยู่ติดกับหูชั้นในทำงานผิดปกติที่บางคนเรียก “น้ำในหูไม่เท่ากัน”
4.สาเหตุอื่นๆ ได้แก่ โรคข้อเสื่อม ภาวะซึมเศร้า สายตาผิดปกติจากโรคทางตาเช่นต้อกระจก ผลข้างเคียงจากยาโดยเฉพาะยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง และความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน เช่น โรคติดเชื้อต่างๆ
ผู้สูงอายุจะป้องกันตนเองอย่างไรไม่ให้หกล้ม
องค์การอนามัยโลกได้แนะนำสามมาตรการหลักในการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ ดังนี้
1.การเพิ่มความตระหนักถึงภยันตรายที่เกิดจากการหกล้มให้กับผู้สูงอายุทุกคน
2.การประเมินสุขภาพผู้สูงอายุเป็นระยะสม่ำเสมอ เช่นการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อคัดกรองสาเหตุต่างๆ ที่อาจนำไปสู่การหกล้ม ดังได้กล่าวแล้วข้างต้น แล้วให้การแก้ไขทันที
3.การมีมาตรการป้องกันการหกล้มที่มีประสิทธิผล ได้แก่การส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ การได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมการทรงตัว เช่น การรำไม้พลอง การรำมวยจีน การรำท่ามโนราห์ การฝึกโยคะ ผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดหกล้ม ต้องพยายามใช้อุปกรณ์ที่ช่วยการเดินเช่น คอกอะลูมิเนียมที่มี 4 ขา ไม้เท้า ตลอดจนการปรับพฤติกรรมส่วนบุคคลเช่น ลุกขึ้นยืนช้าๆ เสมอ มองหาวัตถุรอบตัวที่สามารถจับยึดได้กรณีฉุกเฉิน การไม่เดินเข้าไปบริเวณที่เปียกน้ำ การไม่ใช้รองเท้ายางที่หมดอายุการใช้งาน ทำให้พื้นรองเท้าลื่นไม่เกาะพื้น ส่วนมาตรการการปรับสิ่งแวดล้อมภายในพื้นที่ที่ผู้สูงอายุอาศัยอยู่ประจำเช่น
l ติดตั้งหลอดไฟบริเวณมุมมืดที่เดินผ่านบ่อยๆ โดยปุ่มสวิทช์อยู่ใกล้มือเอื้อม
l มีอุปกรณ์เครื่องเรือนบริเวณที่อยู่เท่าที่จำเป็น และต้องแข็งแรงมั่นคงอยู่สูงจากพื้นมองเห็นได้ง่าย ไม่ย้ายที่บ่อยๆ
l เตียงนอน เก้าอี้ และโถส้วมมีความสูงพอเหมาะ ไม่เตี้ยเกินไป
l ทางเดินและบันได ควรมีราวจับตลอดทางเดิน ขั้นบันไดต้องมีความกว้างยาวพอและสม่ำเสมอไม่สูงชันเกินไป
l พื้นห้องสม่ำเสมอ ใช้วัสดุที่ไม่ลื่น โดยเฉพาะในห้องน้ำห้องครัว บริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างห้องควรอยู่ในระดับเดียวกัน ไม่มีธรณีประตูไม่ควรมีสิ่งของเกะกะเช่นพรมเช็ดเท้า สายไฟฟ้า
l หลีกเลี่ยงการมีสัตว์เลี้ยงเช่นสุนัข แมวในบริเวณที่อยู่อาศัย
ศ.นพ.ประเสริฐ อัสสันตชัย
สมาคมพฤฒาวิทยาและเวชศาสตร์ผู้สูงอายุไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี