ข่าวคุณสุรินทร์ พิศสุวรรณ เสียชีวิต เป็นข่าวที่น่าตกใจ เป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทยและอาเซียน คาดว่าท่านคงเสียชีวิตจากการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใ
จตีบและอุดตัน จริงๆ แล้วผมไม่ทราบแน่ชัดว่า ท่านเสียชีวิตจากอะไร แต่จากการคาดคะเนด้วยความรู้ที่มีอยู่ น่าจะเกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและอุดตันหรือ coronary(ชื่อหลอดเลือดหัวใจ) artery(หลอดเลือดแดง) disease (โรค) หรือ myocardial (กล้ามเนื้อหัวใจ) infarction (ตาย)
ผู้ที่เสียชีวิตขึ้นมาทันที หรือภายในไม่ช้าหลังเกิดอาการ มักจะเป็นโรคของหลอดเลือดที่เกิดการอุดตันขึ้นมาทันที (หรือหลอดเลือดแตก เช่น ในสมอง หรือทรวงอก ช่องท้อง) โรคหลอดเลือดตีบเป็นโรคของหลอดเลือดทั่วร่างกาย แต่มักเกิดการตีบจนถึงขั้นอุดตัน มากที่สุดในหลอดเลือดหัวใจ สมอง ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ในช่องท้องและแขน ขา อย่างเช่น ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน และมีแขน ขา เน่าเป็น gangrene ฯลฯ แต่โรคของหลอดเลือดตีบและอุดตันที่พบบ่อยที่สุดคือ ที่หัวใจและสมอง
โรคหลอดเลือดตีบและอุดตันเป็นหนึ่งในกลุ่มโรคที่ไม่ติดต่อ หรือ Non Communicable Diseases, NCDs ก็คือโรคที่เรื้อรังนั่นเอง โรคอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่ม NCDs คือ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคปอดถุงลมโป่งพอง โรคมะเร็ง ฯลฯ ซึ่ง WHO รายงานในปี ค.ศ.2012 ว่า 68% ของผู้ที่เสียชีวิตในโลกเกิดจากโรค NCDs พูดง่ายๆ คือ จากโรคที่น่าจะป้องกันได้ ปรัชญาของผมซึ่งมีมานานแล้วคือ ไม่ป่วย เสียชีวิตจากโรคที่ป้องกันได้ หรือทำให้ป่วย หรือเสียชีวิตจากโรค NCDs ให้น้อยที่สุด
แล้วโรคหลอดเลือด(หัวใจ สมอง อื่นๆ) ตีบและอุดตัน มีสาเหตุอะไรบ้าง เป็นที่ทราบกันดีว่า โรคหลอดเลือดมีปัจจัยเสี่ยงอยู่ 10 อย่าง คือ 1.กรรมพันธุ์หรือยีนนั่นเอง กล่าวคือถ้าคุณพ่อคุณแม่เราเป็นโรคนี้ เรามักมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ที่บิดามารดาไม่เป็นโรคนี้ สมัยนี้เรามีความรู้มากขึ้น รู้ว่ายีนนั้นเป็นปัญหาหรือเป็นสิ่งที่ดี ที่จะช่วยให้เรามีโอกาสเป็นโรคต่างๆ หรือไม่ เช่น มีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและอุดตันหรือโรคมะเร็งต่างๆ นี่เป็นเหตุผลที่ในต่างประเทศหลายๆ คน จึงไปตรวจยีนเช่น ดาราหญิงคนหนึ่ง มารดาเป็นมะเร็งเต้านม ตัวเองจึงไปตรวจยีนทางด้านนี้ พบว่ามีความเสี่ยงสูง จึงให้แพทย์ตัดเต้านมตนเองออก อีกหน่อยเมื่อความรู้ด้านยีนมีมากขึ้น ตรวจได้ง่ายขึ้น ราคาถูกลง องค์กรที่ดูแลสุขภาพอาจให้ประชาชนทุกๆ คนตรวจก็ได้ จะได้ป้องกันโรคต่างๆ ให้ตรงเป้ายิ่งขึ้น
นอกจากยีน หรือกรรมพันธุ์แล้ว ปัจจัยเสี่ยงอันที่ 2 คือ เพศ เพศชายมีความเสี่ยงมากกว่าเพศหญิง อย่างน้อยในช่วงที่ผู้หญิงมีประจำเดือน เพราะช่วงนี้ผู้หญิงจะมีฮอร์โมนที่ช่วยป้องกันโรคนี้ 3.ยิ่งสูงอายุก็ยิ่งมีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดตีบและอุดตัน ปัจจัยต่อไปเป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับเราทั้งนั้นว่าเรามีพฤติกรรมที่เหมาะสม ดีหรือไม่ เช่น 4.การสูบบุหรี่ 5.การไม่ออกกำลังกาย 6.การเป็นโรคความดันโลหิตสูง 7.การที่เราเป็นโรคเบาหวาน (ทั้งโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน ฯลฯ เราก็สามารถป้องกันได้ในระดับหนึ่ง คือ การออกกำลังกายที่เหมาะสม ต่อเนื่อง และการคุมอาหาร ฯลฯ) 8.การที่เราเป็นคนอ้วน 9.จิตใจเราเป็นอย่างไร สบายๆ เครียดหรือไม่ คนที่มีภาวะเครียดมากๆ ก็มีความเสี่ยง 10.การที่เราดื่มแอลกอฮอล์มากไป (มากไปตามเกณฑ์ของอังกฤษหรือสหราชอาณาจักร คือ เกิน 2 หน่วย/วัน ทั้งหญิงและชาย 1 หน่วย ของแอลกอฮอล์ คือ ประมาณ 25 ซีซีของวิสกี้ หรือแบรนดี หรือเบียร์ 200 ซีซี หรือไวน์ 80 ซีซี)
นอกจากนั้นยังควรพักผ่อนให้เพียงพอ ผู้ใหญ่ควรนอนวันละ 7 ชั่วโมง ผมเคยฟังคุณหมอที่เคยอยู่ Mayo Clinic ต่อมาย้ายไปเป็นหัวหน้าที่ Stanford บรรยายว่านอน 7 ชั่วโมงดีกว่า 6 ชั่วโมง หรือ 8 ชั่วโมง จากข้อมูลที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ฯลฯ
สำหรับโรคหลอดเลือดสมองอุดตันกะทันหัน นอกจากปัจจัยเสี่ยง 10 ประการ ที่กล่าวข้างต้นแล้วยังมีโอกาสที่จะมีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในหัวใจและหลุดไปอุดตันหลอดเลือดสมอง (embolus) ที่เกิดจากสภาวะที่หัวใจเต้นไม่เป็นปกติชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่า atrial fibrillation AF, AF นี้พบได้บ่อยขึ้นในผู้สูงอายุ อาจรู้ตัวว่ามีการเต้นของหัวใจผิดปกติหรือไม่ทราบ ถ้าไม่ทราบก็อาจเกิดอันตรายดังกล่าวได้ ถ้าทราบว่ามี AF ไปพบแพทย์ๆก็จะจัดการป้องกันได้
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี