โรคหลอดเลือดตีบและอุดตันไม่ได้เริ่มเป็นตอนสูงอายุ แต่จะมีพยาธิสภาพของ atherosclerosis (การตีบของหลอดเลือด) ไม่นานหลังเราเกิด และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รู้ได้อย่างไร รู้ได้เพราะเด็กที่เสียชีวิตจากโรคอื่น แพทย์ผ่าดูหลอดเลือดหัวใจ พบว่าเริ่มมีการตีบของหลอดเลือดบ้างแล้ว แต่ยังไม่มาก โดยทั่วไปกว่าจะมีอาการของอวัยวะที่หลอดเลือดตีบ ก็จะตีบแล้วประมาณ 70-80% ของเส้นผ่าศูนย์กลางหลอดเลือด และที่มีอาการขึ้นมากะทันหันเนื่องมาจากไขมันที่มาเกาะ ทำให้ผนังหลอดเลือดหนาและรูหลอดเลือดตีบ มีการแตก(rupture)ของ plague ที่อยู่ที่ผนัง ทำให้เกิดลิ่มเลือดและอุดตันหลอดเลือดขึ้นทันที
อาการโรคหลอดเลือดหัวใจตีบอาจไม่มีอะไร จนอุดตันขึ้นมา ทำให้มีอาการเป็นลม เหงื่อออก แน่นกลางอก คล้ายๆ มีอะไรมาทับ อาการปวดอาจร้าวไปที่กราม ไหล่ซ้ายและขวา โดยเฉพาะข้างซ้าย ลงไปถึงนิ้ว หรือหมดสติเสียชีวิตเลย เพราะมีเลือดไปเลี้ยงสมองและหัวใจไม่พอ คนที่เป็นโรคนี้และหัวใจหยุดเต้นต้องได้รับการช่วยเหลือ ยิ่งเร็วยิ่งดีภายใน 4 นาที ด้วยการปั๊มหัวใจ(CPR –cardio (หัวใจ) pulmonary (ปอด) resuscitation(ช่วยกู้ชีพ)ตรงกลางอก จนกว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะนำเครื่องมือ AED (Automated External Defibrillator เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ)มาช่วย ถ้าอยู่คนเดียวต้องตะโกนให้คนช่วยโทรเรียก 1669 (สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน)และปั๊มหัวใจไปก่อน ถ้าเป็นไปได้ ปั๊มหัวใจด้วยความเร็ว 100 ครั้ง/นาที ปั๊ม 30 ครั้ง เป่าปาก 2 ครั้ง ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าช่วง 4-5 นาทีแรกไม่ต้องเป่าปากก็ได้(โดยเฉพาะถ้าอยู่คนเดียว) เพราะช่วงนี้เลือดยังมีออกซิเจนอยู่ แต่ถ้าหัวใจหยุดเต้นนานเกิน 5-10 นาทีควรเป่าปากด้วย
นี่เป็นเหตุผลที่คณะกรรมการกู้ชีพฉุกเฉินของ สนช. โดยรองประธาน สนช.ท่านที่หนึ่ง-สุรชัย เสียงบุญเลิศชัย เป็นประธาน มีเป้าหมายระยะยาวให้ทุกๆคนในประเทศทำการกู้ชีพเป็น คือ ทำ CPR ใช้เครื่อง AED เป็น โดยให้บรรจุการเรียนการสอนในโรงเรียน จะได้ครอบคลุมคนทั้งประเทศ และเริ่มสอนผู้ที่จะสอบใบขับขี่ใหม่ ซึ่งกรมการขนส่งทางบกรับไปดำเนินการแล้ว โดยเพิ่มความรู้ทางทฤษฎีจาก 4 เป็น 5 ชั่วโมง และจะค่อยเพิ่มความรู้ด้านปฏิบัติต่อไป เพราะผู้ที่ขับรถชนผู้อื่นหรือผู้ถูกชน จะเป็นคนแรกที่อยู่ในที่เกิดเหตุ(ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองเสียก่อน) ฉะนั้นการมีความรู้ด้านนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ขณะนี้หลายหน่วยงานมีการสอน CPR - AED เช่น จากสถาบันแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย สมาคมโรคหัวใจ ศูนย์ฝึกอบรมปฐมพยาบาล สภากาชาดไทย สำนักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย ฯลฯ ใจผมต้องการให้คนไทยทุกๆคนมีความรู้ด้านกู้ชีพฉุกเฉิน เพราะจะเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่กับใครก็ได้ และสังคมไทยก็เป็นสังคมผู้สูงอายุแล้ว คือมีประชากรมากกว่า 10% เป็นผู้สูงอายุ เมื่อปลายปี 2559 มีถึง 16.5% และในปี พ.ศ.2564 จะมีผู้สูงอายุถึง 20% และปี 2574 จะเป็นถึง 28% ความรู้ทางด้านนี้จึงมีความสำคัญมาก
ฉะนั้นจากข้อมูลที่กล่าวมา การป้องกันโรคต่างๆ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ใช้เงินน้อยที่สุด ส่วนใหญ่แล้วโรคหลอดเลือดตีบและอุดตันเกิดจาก 1.gene (กรรมพันธุ์) ที่ขณะนี้แพทย์ยังช่วยอะไรไม่ได้ แต่ผมคาดว่าอีกหน่อยจะป้องกันเรื่องนี้ได้ด้วย 2.จากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ผมคิดว่าความรู้ด้านพฤติกรรมมีความสำคัญมาก ต้องสอนในโรงเรียน สอนให้รู้การสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ตั้งแต่ในโรงเรียน ผมสอนเรื่องนี้มาเกือบ 40 ปี ด้วยความสนใจ ทำเป็นงานอดิเรกเพราะหน้าที่โดยตรงคือการเป็นแพทย์ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับสาขาวิชาระบบทางเดินอาหาร จะป้องกันก็ป้องกันเฉพาะโรคต่างๆ ในระบบนี้ แต่ด้วยเห็นว่า โรคต่างๆนี้ป้องกันได้สำคัญ จึงอ่านมาก คุยกับผู้รู้ เขียน บรรยาย มา 40 ปี ให้ความรู้ประชาชน
แต่ปัญหาคือ ความรู้ให้ได้ แต่การทำให้คนมีวินัย ทำยาก ความจริงการป้องกันโรค สร้างเสริมสุขภาพ ให้ผมบรรยาย 3 ชั่วโมงก็พอ ไม่ต้องถึง 1 หน่วยกิต ซึ่ง (ในอดีต) ต้องสอนบรรยายถึง 15 ชั่วโมง ฯลฯ ถึงจะได้หนึ่งหน่วยกิต สำหรับผมที่สอนแพทย์มาตั้งแต่ 2514 จนบัดนี้ เห็นว่า ทุกคณะ ทุกคน ต้องเรียนเรื่องนี้ การดูแลสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ต้องมีความรู้ด้านกฎหมาย รัฐศาสตร์ เรื่องการเงิน แบบที่ใช้ประจำวัน เช่น ด้านเศรษฐศาสตร์ สอนให้หาเงินเก่ง(ต้องมีความรู้) ใช้เงินเป็น ออม ลงทุนก็อาจพอแล้ว(ในแง่ผู้ที่ไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์อย่างผม) อาจสอนดูงบ
การเงิน ทำบัญชีเป็นด้วยยิ่งดี
เพราะ 4-5 เรื่องที่ผมกล่าวถึง มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของทุกๆ คนมาก
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี