(ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว)
๕.ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๙ซึ่งระเบียบฉบับดังกล่าวมีรายละเอียดที่ค่อนข้างกว้าง เช่นการกำหนดนิยามของคำว่าเงินอุดหนุน หน่วยงานที่ขอรับเงินอุดหนุนตลอดจนหลักเกณฑ์ในการตั้งงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการให้เงินอุดหนุนหน่วยงานที่ขอรับเงินอุดหนุน เป็นต้น
“ข้อ ๓ ในระเบียบนี้
“เงินอุดหนุน” หมายความว่า เงินที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งงบประมาณอุดหนุน ให้แก่หน่วยงานที่ขอรับเงินอุดหนุนเพื่อให้ดำเนินการตามภารกิจที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามกฎหมาย
“องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล
“หน่วยงานที่ขอรับเงินอุดหนุน” หมายความว่า
(๑) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง
(๒) ส่วนราชการ ได้แก่ ส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
(๓) รัฐวิสาหกิจ ได้แก่ การไฟฟ้า และการประปา
(๔) องค์กรประชาชน ได้แก่ องค์กรซึ่งเป็นการรวมของประชาชนที่จัดตั้งโดยถูกต้องตามกฎหมายระเบียบหรือข้อบังคับของหน่วยงานของรัฐ หรือหนังสือสั่งการของกระทรวงมหาดไทยและมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
(๕) องค์กรการกุศล ได้แก่ องค์กรทางศาสนา หรือองค์กรซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อดำเนินงานการกุศลหรือบำเพ็ญสาธารณประโยชน์มิใช่การมุ่งแสวงหากำไรที่จัดตั้งโดยถูกต้องตามกฎหมาย หรือระเบียบ หรือข้อบังคับของหน่วยงานของรัฐ
ข้อ ๔ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจตั้งงบประมาณให้เงินอุดหนุนหน่วยงานที่ขอรับเงินอุดหนุนได้ภายใต้หลักเกณฑ์ ดังนี้
(๑) โครงการที่จะให้เงินอุดหนุนต้องเป็นภารกิจที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผู้ให้เงินอุดหนุนตามกฎหมาย และต้องไม่มีลักษณะเป็นเงินทุนหมุนเวียน
(๒) ประชาชนในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผู้ให้เงินอุดหนุนต้องได้รับประโยชน์จากโครงการที่จะให้เงินอุดหนุน
(๓) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องให้ความสำคัญกับโครงการอันเป็นภารกิจหลักตามแผนพัฒนาท้องถิ่นที่จะต้องดำเนินการเอง และสถานะทางการคลังก่อนที่จะพิจารณาให้เงินอุดหนุน
(๔) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดเห็นสมควรให้เงินอุดหนุนแก่หน่วยงานที่ขอรับเงินอุดหนุนให้นำโครงการขอรับเงินอุดหนุนของหน่วยงานดังกล่าวบรรจุไว้ในแผนพัฒนาท้องถิ่น และตั้งงบประมาณไว้ในหมวดเงินอุดหนุนของงบประมาณรายจ่ายประจำปีหรืองบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ห้ามจ่ายจากเงินสะสมทุนสำรองเงินสะสม หรือเงินกู้
ข้อ ๘ หน่วยงานที่ขอรับเงินอุดหนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องดำเนินการภายใต้หลักเกณฑ์ ดังนี้
(๑) เสนอโครงการขอรับเงินอุดหนุนซึ่งต้องเป็นภารกิจที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่ขอรับเงินอุดหนุนตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ หรือข้อบังคับ โดยแสดงเหตุผลความจำเป็นและรายละเอียดของกิจกรรมในโครงการดังกล่าว
(๒) หน่วยงานที่ขอรับเงินอุดหนุนซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและส่วนราชการ ยกเว้นกรณีตามข้อ ๗ ต้องมีงบประมาณในส่วนของตนเองร่วมสมทบเพื่อใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการขอรับเงินอุดหนุน”
ซึ่งจากการกำหนดระเบียบฉบับดังกล่าว ส่งผลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมักจะประสบปัญหาเกี่ยวกับการให้เงินอุดหนุนแก่หน่วยงานที่ขอรับเงินอุดหนุนและมีตรวจสอบการเรียกเงินคืน ซึ่งรวมถึงการให้เงินอุดหนุนเพื่อการดำเนินงานด้านเด็กและเยาวชนในพื้นที่ด้วย
สรุปข้อคิดเห็นของที่ประชุม ดังนี้
เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินงานด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเห็นควรให้กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินการดังนี้
การดำเนินการในระยะสั้น
๑.จัดทำประเด็นสำคัญเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ในช่วงเดือนมกราคม ๒๕๖๑โดยยึดโยงตามมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๖๐ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนทุกกลุ่มในท้องถิ่น ดังนี้
๑.๑ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรต้องมีการจัดทำแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในระดับท้องถิ่นให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ นอกจากนี้ แผนดังกล่าวควรต้องกำหนดแผนการปฏิบัติงานและกระบวนการติดตามประเมินผล รวมทั้งกำหนดตัวชี้วัดให้ชัดเจนเพื่อรายงานต่อ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ(กดยช.) โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชนควรเป็นหน่วยงานหลักในเชิงวิชาการ และรับนโยบายของรัฐบาลมาแปลงสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมและได้เสนอให้มีการดำเนินการนำร่องการขับเคลื่อนการถ่ายโอนภารกิจอำนาจหน้าที่ในบางท้องถิ่นที่มีความพร้อม โดยมีการสนับสนุนบุคลากรและปัจจัยด้านอื่นๆ ทั้งนี้ มีองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่แสดงความประสงค์ที่จะนำร่องในการขับเคลื่อนงานด้านเด็กและเยาวชน ตามมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๖๐ ระดับจังหวัดและระดับอำเภอได้แก่ จังหวัดอ่างทอง, จังหวัดกระบี่, จังหวัดสุรินทร์
๑.๒ เสนอให้คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (กดยช.) พิจารณารับรองว่า “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” ตามที่ปรากฏในมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐หมายรวมถึง องค์การบริหารส่วนจังหวัด เพื่อให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดสามารถดำเนินงานด้านเด็กและเยาวชนในจังหวัดได้ตามข้อสังเกตของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
๑.๓ เห็นควรให้ใช้ “คณะกรรมการประสานแผนท้องถิ่น” ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.๒๕๔๒ เป็นกลไกในการประสานแผนพัฒนาท้องถิ่นในระดับพื้นที่ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการขับเคลื่อนงานให้เกิดประสิทธิภาพ
๒.กรมกิจการเด็กและเยาวชน จะดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินงานด้านเด็กและเยาวชนในท้องถิ่นโดยมีผู้แทนอย่างน้อย ประกอบด้วย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เข้าร่วมในการเสวนาโต๊ะกลมในครั้งนี้โดยมีหน้าที่พิจารณาระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ครอบคลุมทั้งในเชิงประเด็นและการสนับสนุนงบประมาณ และนำข้อเสนอที่ได้เสนอต่อ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (กดยช.) ต่อไป
๓.ขอให้อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน และอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นหารือร่วมกันเพื่อดำเนินการให้มีการออกระเบียบว่าด้วยการใช้จ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการดำเนินงานด้านเด็กและเยาวชน
๓.๑ พิจารณาแนวทางเพื่อกำหนดระเบียบว่าด้วยการใช้จ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการดำเนินงานด้านเด็กและเยาวชน เพื่อให้ครอบคลุมในกิจกรรมที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน ทั้งนี้ เสนอให้จัดทำตัวชี้วัดและมีการประเมินผลแผนอย่างเป็นระบบ
๓.๒ พิจารณาทบทวนกิจกรรมต่างๆ หากเห็นว่าเกินภาระของกรมกิจการเด็กและเยาวชน เห็นควรให้ดำเนินการถ่ายโอนอำนาจในเรื่องนั้นๆให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ชัดเจน (เช่น สภาเด็กและเยาวชน,เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด)
๓.๓ เห็นควรให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นประสานความร่วมมือกับกรมกิจการเด็กและเยาวชนเพื่อจัดทำหนังสือซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางในการปฏิบัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยควรยึดโยงระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อออกเป็นแนวทางในการปฏิบัติและขับเคลื่อนงานด้านเด็กและเยาวชนในพื้นที่ เช่น การตราไว้ในแผนและเทศบัญญัติ และสามารถกำหนดไว้ในระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๙ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณในการดำเนินการได้และเกิดความชัดเจนในการปฏิบัติ
การดำเนิการระยะยาว
๑.เมื่อแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๖๐- ๒๕๖๔ ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแล้ว กรมกิจการเด็กและเยาวชนได้กำหนดจัดประชุมเพื่อทำความเข้าใจกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ทั้ง ๔ ภาค (ขณะนี้มีองค์การบริหารส่วนจังหวัด ที่แสดงความประสงค์ที่จะนำร่องในการขับเคลื่อนงานด้านเด็กและเยาวชน (ถ่ายโอน) ตามมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ ระดับจังหวัดและระดับอำเภอได้แก่ จังหวัดอ่างทอง จังหวัดกระบี่ และจังหวัดสุรินทร์)
๒.อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน และอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นหารือร่วมกันเพื่อพิจารณาปรับปรุงแก้ไขระเบียบ/แนวทางของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพื่อให้สามารถไปอ้างอิงกับระเบียบของหน่วยงานที่มีภารกิจหลักได้ เช่น ในกรณีที่กระทรวงมหาดไทยยังไม่มีการออกระเบียบโดยตรง แต่มีส่วนราชการอื่นที่ออกระเบียบไว้อยู่แล้วเห็นควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถอ้างอิงระเบียบนั้นได้โดยอนุโลม ทั้งนี้ เพื่อให้การขับเคลื่อนงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความคล่องตัวและดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ข้อเสนอของคณะอนุกรรมาธิการกิจการเด็ก และเยาวชน
๑.เสนอให้สภาเด็กและเยาวชนในระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ในการจัดกิจกรรมตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นผู้จัดกิจกรรมภายในท้องถิ่นแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปพลางก่อน เนื่องจากสามารถเบิกจ่ายงบประมาณในการดำเนินงานได้เนื่องจากมีกฎหมายรองรับ เช่น การจัดกิจกรรมการสอนพิเศษ การจัดกิจกรรมวันเด็ก ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหากรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเรียกเงินคืนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
๒.เสนอให้มีผู้แทนจากสภาเด็กและเยาวชน และอนุกรรมาธิการกิจการเด็กและเยาวชนเข้าไปร่วมเป็นคณะทำงานเพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินงานด้านเด็กและเยาวชนในท้องถิ่นด้วย ทั้งนี้ เพื่อร่วมกันพิจารณาระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ครอบคลุมทั้งในเชิงประเด็นและการสนับสนุนงบประมาณ และนำข้อเสนอที่ได้เสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (กดยช.) ต่อไป
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่คณะกรรมาธิการการสังคม เด็กเยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โทร.๐๒ ๘๓๑ ๙๒๒๕-๖ โทรสาร ๐๒ ๘๓๑ ๙๒๒๖
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ถนนอู่ทองใน ดุสิต กทม. 10300 email : dek_senate@hotmail.co.th หรือ Facebook: กมธ.พัฒนาสังคม หรือ กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็กฯ วุฒิสภา โทร.02-831-9225-6 แฟกซ์ 02-831-9226
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี