คณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการกิจการผู้สูงอายุ ได้พิจารณาติดตามการดำเนินการดูแลผู้สูงอายุ โดยได้หยิบยกเรื่องมาตรฐานสถานรับดูแลผู้สูงอายุขึ้นมาพิจารณา เพื่อมุ่งหวังว่ารายงานเรื่องดังกล่าวจะเป็นการรวบรวมข้อมูลด้านการดูแลผู้สูงอายุที่เป็นปัจจุบันทั้งภาครัฐและเอกชน ที่สำคัญต้องการให้มีการกำหนดนโยบายและมาตรฐานการควบคุมกำกับดูแลมาตรฐานของสถานรับดูแลผู้สูงอายุขึ้น ทั้งนี้มีประเด็นที่คณะได้พิจารณาและมีข้อเสนอแนะผ่านไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รัฐบาล และองค์กรที่เกี่ยวข้อง โดยมีรายละเอียด ดังนี้
จากการประมาณการของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่าประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ หรือสังคมที่มีประชากรอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป ในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ในอัตราเท่ากับหรือมากกว่าร้อยละ ๒๐ ขึ้นไป และจากข้อมูลการสำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ผู้สูงอายุมีจำนวน ๑๑,๓๑๒,๔๔๗ คน มีผู้ที่อาศัยอยู่ตามลำพัง จำนวนร้อยละ ๑๐.๘ และผู้ที่อาศัยอยู่กับคู่สมรส จำนวนร้อยละ ๖๐ ผู้สูงอายุดูแลตัวเองได้ ร้อยละ ๘๗.๔ ผู้ที่ต้องพึ่งพิงผู้อื่นในบางครั้ง ร้อยละ ๑๑.๓และผู้ที่ต้องพึ่งพิงผู้อื่น (ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้) ร้อยละ ๑.๓ ประกอบกับผู้สูงอายุส่วนใหญ่ที่มีภาวะพึ่งพิง มีฐานะทางเศรษฐกิจปานกลางถึงค่อนข้างต่ำ รูปแบบครอบครัวเปลี่ยนเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น มีศักยภาพการดูแลผู้สูงอายุลดลง ผู้สูงอายุไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขและบริการอื่นๆ ของภาครัฐได้อย่างทั่วถึง ส่งผลต่อความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิต แม้ว่าในบางชุมชนมีการบริหารจัดการที่ดี เช่น มีทีมหมอครอบครัว ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในโครงการพัฒนาระบบดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ (Long Term Care) อาสาสมัครครอบครัว อาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน บ้านกลางผู้สูงอายุ สถานรับดูแลผู้สูงอายุ และการจัดกิจกรรมอื่น เช่น โรงเรียนผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้สูงอายุในชุมชนมารวมกลุ่มศึกษาหาความรู้
จากสภาพการณ์ดังกล่าวข้างต้น สถานรับดูแลผู้สูงอายุจึงมีความสำคัญและความจำเป็นมากขึ้น มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย สำรวจพบว่า จำนวนธุรกิจบริการผู้สูงอายุระยะยาวและสถานพยาบาลมีจำนวน ๘๐๐ แห่ง มีเพียงจำนวน ๑๕๘ ราย คิดเป็นร้อยละ ๒๐ ได้จดทะเบียนนิติบุคคลแล้ว ซึ่งสถานรับดูแลมีลักษณะให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตนเองได้และผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง ทั้งในรูปแบบการดูแลแบบไป-กลับ หรือไม่รับค้างคืน (Day Care) และการดูแลแบบรับค้างคืน (Stay Care) หน่วยงานต่างๆ ได้ศึกษาและจัดทำองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดสภาพแวดล้อมที่มีความเหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุและหลักสูตรฝึกอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุ แต่ยังขาดการกำหนดมาตรฐานกลางของสถานรับดูแล กฎหมายควบคุมกำกับดูแลให้มีคุณภาพ และจากการศึกษาพบสภาพปัญหาของสถานรับดูแลผู้สูงอายุทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น การจัดสภาพแวดล้อมของอาคารและสถานที่ไม่มีความเหมาะสม ขาดแคลนงบประมาณด้านต่างๆ เช่นการจ้างบุคลากรประจำสถานรับดูแล การปรับปรุงอาคารสถานที่เพื่อให้เข้าถึงการใช้ประโยชน์ การจัดฝึกอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่องและสภาพปัญหาอื่นๆ เช่น ความไม่ก้าวหน้าในวิชาชีพของบุคลากรประจำสถานรับดูแล ปัญหาการทำหัตถการของฝ่ายการพยาบาล และขาดหน่วยงานรับผิดชอบการขึ้นทะเบียนและกำกับดูแลสถานรับดูแลโดยตรง
จากสภาพการณ์ปัจจุบัน สถานรับดูแลผู้สูงอายุต้องมีคุณภาพและมาตรฐาน การจัดบุคลากร อาคาร สถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนสภาพแวดล้อมที่มีความเหมาะสม เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแล มีความเป็นอยู่ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี สมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์คณะกรรมาธิการจึงมีข้อเสนอแนะ ดังนี้
ข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ
๑.ข้อเสนอแนะด้านนโยบาย
๑.๑ หน่วยงานที่รับผิดชอบและการกำกับดูแล กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ เป็นหน่วยงานหลักมีภารกิจหน้าที่สำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ การจัดสวัสดิการ และการคุ้มครองพิทักษ์สิทธิผู้สูงอายุ ต้องดำเนินการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำมาตรฐานสถานรับดูแลผู้สูงอายุรูปแบบเกณฑ์การประเมินและกลไกการตรวจสอบคุณภาพ สถานรับดูแลผู้สูงอายุ และประสานความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้การบริหารจัดการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน ด้านสาธารณสุข การพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ ชมรมผู้สูงอายุ และโรงเรียนผู้สูงอายุ รวมทั้งการสนับสนุนด้านงบประมาณให้เพียงพอ
๑.๒ บุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด้านอื่นๆ การบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกันของบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด้านอื่นๆ เพื่อการเข้าถึงการบริการการดูแลด้วยการสื่อสาร เทคโนโลยี อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย การส่งเสริมสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการ เพื่อประโยชน์ต่อการดูแลผู้สูงอายุในภาพรวมให้มีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นการแบ่งเบาภาระภาครัฐในอนาคต
๑.๓ การทำหัตถการในสถานรับดูแลผู้สูงอายุ แพทยสภาและสภาการพยาบาล ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรพิจารณาทบทวนการทำหัตถการทางการแพทย์และการพยาบาลต่างๆ ในสถานรับดูแลผู้สูงอายุและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงสภาพความจำเป็น สภาพร่างกาย ความเร่งด่วน และความปลอดภัย ตลอดจนความรู้ความชำนาญของผู้ปฏิบัติงาน
๑.๔ การส่งเสริมการประกอบการดูแลผู้สูงอายุในภาคเอกชนและชุมชน รัฐควรมีนโยบายส่งเสริมให้ภาคเอกชนประกอบธุรกิจสถานรับดูแลผู้สูงอายุที่มีคุณภาพและมาตรฐาน รวมทั้งการส่งเสริมให้ชุมชนและสังคมจัดการดูแลผู้สูงอายุกันเองอย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน เพื่อแบ่งเบาภาระภาครัฐและสร้างความยั่งยืนในอนาคต
๑.๕ การสนับสนุนและส่งเสริมการคิดค้นวิจัยและพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ รัฐควรส่งเสริมสนับสนุนนวัตกรรมที่ทันสมัย อุปกรณ์ช่วยเหลือการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ โดยสนับสนุนงบประมาณ การอำนวยความสะดวก และมาตรการทางภาษี เป็นต้น ให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือผู้สูงอายุให้มีสุขภาพกายและใจที่ดี สามารถดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข
๑.๖ การพัฒนาหลักสูตรต่างๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาทบทวนพัฒนาหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุ เช่น หลักสูตรอายุรศาสตร์ผู้สูงอายุ หลักสูตรพยาบาลเวชปฏิบัติ หลักสูตรการพยาบาลผู้สูงอายุ ตลอดจนหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเชี่ยวชาญการดูแลและการทำหัตถการต่างๆ ให้กับผู้สูงอายุภายใต้การวินิจฉัยและการวางแผนการรักษาพยาบาลของแพทย์ ซึ่งจะทำให้การดำเนินการสถานรับดูแลผู้สูงอายุ มีคุณภาพ มาตรฐาน และปลอดภัยสำหรับผู้รับบริการ เป็นผลดีในการสร้างมาตรฐานการดูแลผู้สูงอายุในชุมชนระดับต่างๆ ด้วย
๑.๗ ด้านมาตรฐานสถานรับดูแลผู้สูงอายุ รัฐต้องกำหนดมาตรฐานสถานรับดูแลผู้สูงอายุที่ชัดเจน ด้านอาคาร สถานที่ บุคลากรที่เกี่ยวข้อง การอำนวยความปลอดภัย อนามัยและสิ่งแวดล้อม รายละเอียดปรากฏตามตารางในบทที่ ๔
๒.ข้อเสนอแนะด้านกฎหมาย
๒.๑ พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นกฎหมายที่มีเจตนารมณ์เพื่อกำกับดูแลการดำเนินกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพให้เป็นไปอย่างมีมาตรฐาน ซึ่งเป็นการส่งเสริมสุขภาพของประชาชนและคุ้มครองผู้บริโภค กระทรวงสาธารณสุขจึงควรพิจารณากำหนดให้สถานรับดูแลผู้สูงอายุเป็นสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ โดยอาศัยอำนาจตามความใน (๓) “กิจการอื่นตามที่กําหนดในกฎกระทรวง” ของบทนิยาม คำว่า “สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ” ในมาตรา ๓และการออกกฎกระทรวงกําหนดมาตรฐานด้านสถานที่ ความปลอดภัย และการให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพประเภทสถานรับดูแลผู้สูงอายุ โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว เพื่อการกำกับดูแลการดำเนินงานสถานรับดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพ มาตรฐาน มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้สูงอายุที่อยู่ในความดูแลของสถานรับดูแล
๒.๒ ข้อเสนอแนะต่อ การจัดทำร่างกฎกระทรวง เพื่อกำกับดูแลการดำเนินงานสถานรับดูแลผู้สูงอายุ ภายใต้พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๕๙ ดังนี้
๒.๒.๑ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ควรเป็นหน่วยงาน กำกับดูแลและออกใบอนุญาต ประกอบกิจการให้แก่สถานรับดูแลผู้สูงอายุที่ได้ปฏิบัติครบตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานของกรมตามที่ได้กำหนดไว้ในร่างกฎกระทรวง เพื่อนำไปจดทะเบียนพาณิชย์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าต่อไป ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินงานมีคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ
๒.๒.๒ สถานรับดูแลผู้สูงอายุควรมีคุณลักษณะและสภาพแวดล้อมที่มีความเหมาะสม เช่น ตั้งอยู่ใกล้โรงพยาบาล เส้นทางคมนาคมที่สะดวก เพื่อการส่งต่อการรักษา มีพาหนะรับ-ส่ง ผู้สูงอายุ ไปโรงพยาบาล การจัดสภาพแวดล้อม อาคาร สถานที่ เพื่อให้ผู้สูงอายุและทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ มีความเหมาะสมต่อการดูแลผู้สูงอายุ และไม่ส่งผลกระทบกับสุขภาวะและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ โดยให้นำคู่มือการจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุของหน่วยงานต่างๆ เป็นแนวทางในการกำหนดรายละเอียดต่อไป
๒.๒.๓ การควบคุมกำกับดูแลสถานรับดูแลผู้สูงอายุให้อยู่ภายใต้บังคับตามร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ควรมีบทเฉพาะกาลกำหนดช่วงระยะเวลาหนึ่งเพื่อให้ผู้ประกอบกิจการที่ได้ดำเนินธุรกิจมาก่อนที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับ ได้มีการปรับปรุงให้ถูกต้องตามกฎกระทรวง
๒.๒.๔ ปัจจุบันการประกอบธุรกิจการดูแลผู้สูงอายุทั้งระยะสั้น ระยะยาว ตลอดจนธุรกิจ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ต่างชาติให้ความสนใจการประกอบธุรกิจดังกล่าวในประเทศไทย ในหลายรูปแบบ ดำเนินการโดยคนต่างชาติและผ่านตัวแทน รวมทั้งการจัดส่งผู้สูงอายุต่างชาติมาใช้บริการธุรกิจดังกล่าวในหลายรูปแบบ ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนองค์กร สมาคมที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ การดูแลผู้สูงอายุ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นต้น ควรกำหนดมาตรการควบคุมกำกับดูแลการประกอบธุรกิจดังกล่าวอย่างรอบคอบ และสนับสนุนธุรกิจที่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการคนไทย เพื่อผลประโยชน์ของชาติในระยะยาว
๒.๒.๕ การจัดอบรมดูแลสุขภาพตามโรงแรมหรือรีสอร์ทต่างๆ ของเอกชน อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ อาจมีลักษณะเป็นการดำเนินกิจการที่ขัดต่อกฎหมาย ซึ่งกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ควรมีวิธีการบริหารจัดการและควบคุมธุรกิจลักษณะดังกล่าว
๓.ข้อเสนอแนะด้านการปฏิบัติการ
๓.๑ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาศึกษาจัดทำร่างกฎกระทรวงเพื่อกำกับดูแลการดำเนินงานสถานรับดูแลผู้สูงอายุ ภายใต้พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๕๙ รัฐควรมีมาตรการควบคุมการดำเนินงานของสถานประกอบการดังกล่าวทั้งที่ได้จดทะเบียนการค้าและไม่ได้จดทะเบียนการค้า อีกทั้งไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมใดสมาคมหนึ่งที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุ
๓.๒ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ควรเป็นหน่วยงานกำกับดูแลสถานรับดูแลผู้สูงอายุที่เป็นภาคธุรกิจ ภาครัฐ องค์กรการกุศล เพื่อให้การดำเนินงานมีคุณภาพมาตรฐาน และความปลอดภัยสำหรับผู้รับบริการ ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงสภาวะเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน และความปลอดภัย
๓.๓ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ควรพิจารณากำหนดมาตรฐานการดำเนินงานโดยเฉพาะสำหรับองค์กรการกุศลที่ให้บริการดูแลผู้สูงอายุด้อยโอกาสโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อให้มีความเหมาะสมและสามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืน
๓.๔ การจัดแบ่งกลุ่มประเภทของสถานรับดูแลผู้สูงอายุควรให้มีความชัดเจนและต้องกำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐานการดำเนินงานที่แตกต่างกัน เช่น
๓.๔.๑ การกำหนดตามลักษณะระยะเวลาที่ผู้สูงอายุเข้ารับบริการ เช่นการบริการแบบไม่รับค้างคืน (Day Care) หรือการบริการแบบรับค้างคืน (Stay Care)
๓.๔.๒ การกำหนดประเภทโดยใช้สภาวะผู้สูงอายุเป็นเกณฑ์ เช่น ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตนเองได้ หรือผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง เป็นต้น
๓.๕ การกำหนดมาตรฐานของสถานรับดูแลผู้สูงอายุกรณีผู้สูงอายุป่วยติดเตียงและผู้ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้แต่ไม่ติดเตียง ควรมีมาตรฐานที่สูงกว่าสถานรับดูแลผู้สูงอายุประเภทอื่น
๓.๖ สถานรับดูแลผู้สูงอายุควรมีการประสานงานกับทีมสหสาขาวิชาชีพเพื่อดูแลสุขภาพจิตและสุขภาพกายของผู้สูงอายุ
๓.๗ การทำหัตถการของฝ่ายการพยาบาลในสถานรับดูแลผู้สูงอายุควรได้รับการกำหนดที่ชัดเจน โดยไม่ขัดต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์สูงสุดในการดูแลผู้สูงอายุ
๓.๘ รัฐควรส่งเสริมให้ภาคเอกชนและภาคประชาสังคมดำเนินการสถานรับดูแลผู้สูงอายุในลักษณะกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) ซึ่งไม่ใช่การดำเนินงานในลักษณะการกุศล โดยกำหนดให้ผู้สูงอายุ ที่เป็นผู้รับบริการมีส่วนร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายตามความเหมาะสม (Co - payment) เพื่อให้การดูแลผู้สูงอายุมีความยั่งยืน และแบ่งเบาภาระภาครัฐ
๓.๙ รัฐควรส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจการดูแลผู้สูงอายุให้มีความเข้มแข็ง เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้สามารถแข่งขันและเจริญก้าวหน้า
๓.๑๐ กรณีชาวต่างชาติมาใช้บริการธุรกิจการดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทย รัฐควรกำหนดมาตรการต่าง ๆ ที่มีความเหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบต่อสิทธิประโยชน์ของคนไทย
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่คณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรีผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โทร ๐ ๒๘๓๑ ๙๒๒๕-๖ โทรสาร ๐ ๒๘๓๑ ๙๒๒๖
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี