คณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการกิจการผู้สูงอายุ พิจารณาศึกษาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ และได้จัดทำรายงานผลการพิจารณาศึกษาเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ให้ความเห็นชอบและเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีผลการพิจารณาศึกษา ดังนี้
ความสำคัญของการจัดทำระเบียบวาระแห่งชาติ
องค์การสหประชาชาติได้ประเมินสถานการณ์ว่าปี พ.ศ. ๒๕๔๔-๒๖๔๓ (ค.ศ. ๒๐๐๑-๒๑๐๐) จะเป็น “ศตวรรษแห่งผู้สูงอายุ” หมายถึง การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรโลกโดยมีประชากร อายุ ๖๐ ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ ๑๐ ของประชากรโลก จึงเป็นประเด็นที่แต่ละประเทศจำเป็นต้องมี การเตรียมความพร้อมและจัดทำแผนรองรับสถานการณ์ดังกล่าว
ในช่วง ๓๐ ปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเกิดจากพัฒนาการทางสาธารณสุขและเทคโนโลยีต่างๆ ส่งผลให้ค่าเฉลี่ยอายุของคนไทยยืนยาวขึ้น จึงทำให้จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ตรงกันข้ามกับอัตราการเกิดที่ลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้ประชากร วัยทำงานเริ่มมีจำนวนลดน้อยลง จากข้อมูลการสำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ผู้สูงอายุมีจำนวน ๑๑,๓๑๒,๔๔๗ คนโดยมีอัตราส่วนของประชากรผู้สูงอายุ ต่อ ประชากรทั้งสิ้น ๑๐๐ คนคือ ๑๖.๗ และได้มีประมาณการของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดว่าประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมที่มีประชากรอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป ในอัตราเท่ากับหรือมากกว่าร้อยละ ๒๐ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ถือเป็นการเข้าสู่ สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ จากการศึกษางานวิจัยของสถาบันวิชาการและองค์การเกี่ยวกับผู้สูงอายุต่าง ๆ และการศึกษาของคณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พบว่า ผู้สูงอายุพึ่งพารายได้จากบุตรและเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นหลัก ประกอบกับผู้สูงอายุส่วนใหญ่ที่มีภาวะพึ่งพิง มีฐานะทางเศรษฐกิจปานกลางถึงค่อนข้างต่ำ และประชาชนส่วนใหญ่ขาดหลักประกันรายได้ ขาดการส่งเสริมการออมอย่างจริงจัง วัยแรงงานโดยเฉพาะแรงงานนอกระบบ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีหลักประกันรายได้ในวัยสูงอายุ ปัญหาผู้สูงอายุถูกกระทำรุนแรงและถูกทอดทิ้งเพิ่มมากขึ้น รูปแบบครอบครัวเปลี่ยนเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น คนในวัยทำงานต้องออกนอกพื้นที่ไปทำงานในเมืองหรือต่างถิ่น จึงทำให้มีศักยภาพการดูแลผู้สูงอายุลดลง ผู้สูงอายุไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขและบริการอื่นๆ ของภาครัฐได้อย่างทั่วถึง อีกทั้ง ผู้สูงอายุมีความเจ็บป่วยเรื้อรังและทุพพลภาพมากขึ้น ปัญหาในการบูรณาการงบประมาณและภารกิจของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ และด้วยข้อจำกัดด้านบุคลากรและงบประมาณของรัฐที่ไม่สามารถดูแลผู้สูงอายุได้อย่างครอบคลุมทั่วถึง จึงส่งผลต่อความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ แม้ว่ารัฐบาลได้มีความพยายามดำเนินการต่างๆ เพื่อการดูแลผู้สูงอายุและรองรับสังคมผู้สูงอายุ แต่ปัญหาดังกล่าวข้างต้นยังคงอยู่ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขและกำหนดมาตรการเตรียมความพร้อมการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ของประเทศไทย
ดังนั้น การจัดทำ “สังคมผู้สูงอายุให้เป็นระเบียบวาระแห่งชาติ”จะส่งผลให้ประเทศไทยมีการกำหนดมาตรการในการสร้างระบบการดูแล ช่วยเหลือ คุ้มครอง พัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจผู้สูงอายุที่มีมาตรฐานระดับสากลและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดการบูรณาการในการทำงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ทั้งที่เป็นองค์การและปัจเจกบุคคล และนำนวัตกรรมมาใช้เพื่ออำนวยความสำเร็จในการที่จะให้ผู้สูงอายุที่มีศักยภาพเข้ามามีส่วนพัฒนาเศรษฐกิจ ใช้นวัตกรรมในการสร้างมาตรฐานด้านการดูแลผู้สูงอายุ การจ้างงานผู้สูงอายุ การถ่ายทอดภูมิปัญญาจากผู้สูงอายุพร้อมกับปรับเปลี่ยนทัศนคติต่อผู้สูงอายุให้เป็นเชิงบวก ภายใต้นโยบาย “ประชารัฐ” และ Thailand ๔.๐ ที่นำมาใช้ในการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล
วัตถุประสงค์ของการจัดทำวาระแห่งชาติสังคมผู้สูงอายุ
๑.เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการปฏิบัติตามปฏิญญาผู้สูงอายุไทย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖
๒.เพื่อให้นำแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี(พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) เศรษฐกิจ Thailand ๔.๐ และ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals; SDGs) ขับเคลื่อนสังคมผู้สูงอายุ
๓.เพื่อให้ทุกภาคส่วนรวมพลังประกาศวาระแห่งชาติและการบูรณาการการทำงานด้านผู้สูงอายุระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในการสร้างระบบการดูแล ช่วยเหลือ คุ้มครอง พัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจผู้สูงอายุที่มีมาตรฐานระดับสากล และให้เกิดการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผลยิ่งขึ้น
๔.เพื่อกระตุ้นให้ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ และนำไปสู่การทำงานด้านผู้สูงอายุที่ยั่งยืน
๕.เพื่อทำให้เรื่อง “สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์” เป็นนโยบายในระดับชาติ โดยการส่งเสริมให้นำแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ยุทธศาสตร์ชาติ๒๐ ปี ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) เศรษฐกิจ Thailand ๔.๐ และ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals; SDGs) ไปสู่การปฏิบัติ ทั้งในมิติการเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ สภาพแวดล้อมและบริการสาธารณะ สำหรับผู้สูงอายุทุกกลุ่ม
เหตุผลความจำเป็น
๑) ปฏิญญาผู้สูงอายุไทย ประกาศใช้เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๗๒ พรรษา ประกอบกับองค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้เป็นปีสากลว่าด้วยผู้สูงอายุ รัฐบาล องค์กรเอกชน ประชาชน และสถาบันต่างๆ ได้ตระหนักถึงศักดิ์ศรีและคุณค่าของผู้สูงอายุ ซึ่งได้ทำประโยชน์ในฐานะ “ผู้ให้” แก่สังคมมาโดยตลอด ดังนั้น จึงควรได้รับผลในฐานะเป็น “ผู้รับ” จากสังคมด้วย ปฏิญญาผู้สูงอายุไทยจึงเป็นพันธกรณีเพื่อให้ผู้สูงอายุได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ จึงได้กำหนดสาระสำคัญไว้ ดังนี้
ข้อ ๑ ผู้สูงอายุต้องได้รับปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่าและศักดิ์ศรี ได้รับการพิทักษ์และคุ้มครองให้พ้นจากการถูกทอดทิ้ง และละเมิดสิทธิโดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ไม่สามารถพึ่งตนเองได้ และผู้พิการที่สูงอายุ
ข้อ ๒ ผู้สูงอายุควรอยู่กับครอบครัวโดยได้รับความเคารพรัก ความเข้าใจ ความเอื้ออาทร การดูแลเอาใจใส่ การยอมรับบทบาทของกันและกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีในการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข
ข้อ ๓ ผู้สูงอายุควรได้รับโอกาสในการศึกษาเรียนรู้ และพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างต่อเนื่องเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและ บริการทางสังคมอันเป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิต เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของสังคมรอบด้าน เพื่อสามารถ ปรับบทบาทของตนให้สมวัย
ข้อ ๔ ผู้สูงอายุควรได้ถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์ให้สังคม มีโอกาสได้ทำงานที่เหมาะสมกับวัยและตามความสมัครใจ โดยได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรม เพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจและเห็นชีวิตมีคุณค่า
ข้อ ๕ ผู้สูงอายุควรได้เรียนรู้ในการดูแลสุขภาพอนามัยของตนเอง ต้องมีหลักประกันและสามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพอนามัยอย่างครบวงจรโดยเท่าเทียมกัน รวมทั้งได้รับการดูแลจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตอย่างสงบตามคตินิยม
ข้อ ๖ ผู้สูงอายุส่วนใหญ่พึ่งพาตนเองได้ สามารถช่วยเหลือครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วมในสังคมเป็นแหล่งภูมิปัญญาของคนรุ่นหลัง มีการเข้าสังคม มีนันทนาการที่ดี และมีเครือข่ายช่วยเหลือซึ่งกันและกันในชุมชน
ข้อ ๗ รัฐ โดยการมีส่วนร่วมขององค์กรภาคเอกชน ประชาชน สถาบันสังคม ต้องกำหนดนโยบายและแผนหลักด้านผู้สูงอายุ ส่งเสริมและประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ให้บรรลุผลตามเป้าหมาย
ข้อ ๘ รัฐ โดยการมีส่วนร่วมขององค์กรภาคเอกชน ประชาชน สถาบันสังคม ต้องตรากฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุ เพื่อเป็นหลักประกันและการบังคับใช้ในการพิทักษ์สิทธิ คุ้มครองสวัสดิภาพ และจัดสวัสดิการแก่ผู้สูงอายุ
ข้อ ๙ รัฐ โดยการมีส่วนร่วมขององค์กรภาคเอกชน ประชาชน สถาบันสังคม ต้องรณรงค์ปลูกฝังค่านิยมให้สังคมตระหนักถึงคุณค่าของผู้สูงอายุตามวัฒนธรรมไทยที่เน้นความกตัญญูกตเวทีและเอื้ออาทรต่อกัน
๒) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๗๑ บัญญัติให้รัฐเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัว การจัดให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยอย่างเหมาะสม ส่งเสริมและพัฒนาการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีจิตใจเข้มแข็ง ส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เป็นพลเมืองที่ดี มีคุณภาพ และให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุให้สามารถดํารงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ คุ้มครองป้องกันมิให้บุคคลดังกล่าวถูกใช้ความรุนแรงหรือปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม รวมตลอดทั้งให้การบําบัด ฟื้นฟูและเยียวยาผู้ถูกกระทําการ
ดังกล่าว
๓) พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖ พระราชบัญญัติฉบับนี้กำหนดให้บุคคลซึ่งมีอายุเกิน ๖๐ ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีสัญชาติไทยถือเป็นผู้สูงอายุ โดยมีสิทธิได้รับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนในด้านต่างๆ เช่น การบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขที่จัดไว้โดยให้ความสะดวกและรวดเร็วแก่ผู้สูงอายุเป็นกรณีพิเศษ การประกอบอาชีพหรือฝึกอาชีพที่เหมาะสม การพัฒนาตนเองและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม การช่วยเหลือผู้สูงอายุซึ่งได้รับอันตรายจากการถูกทารุณกรรมหรือถูกแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือถูกทอดทิ้ง การให้คำแนะนำ ปรึกษา ดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องในทางคดี หรือในทางการแก้ไขปัญหาครอบครัว การจัดที่พักอาศัย อาหารและเครื่องนุ่งห่มให้ตามความจำเป็นอย่างทั่วถึง
๔) นโยบายรัฐบาล ข้อ ๓ การลดความเหลื่อมล้ำของสังคมและการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ
๕) เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable DevelopmentGoals : SDGs) เป็นข้อผูกพันสำหรับชาติสมาชิกองค์การสหประชาชาติที่ได้ให้การรับรอง ซึ่งรวมทั้งประเทศไทย โดยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนดังกล่าว เป็นเครื่องกำหนดทิศทางการพัฒนาทั้งของไทยและของโลก ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๓ โดยครอบคลุมประเด็นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล ซึ่งเป็นสามเสาหลักของการพัฒนาที่ยั่งยืน มีเป้าหมายสูงสุดเพื่อขจัดความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ ไม่ทำลายแหล่งทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้นต่อการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนซึ่งจะต้องร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน
๖) สถานการณ์ประชากรของประเทศไทย
สังคมไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว เนื่องด้วยปัจจัยการเปลี่ยนแปลง ทางประชากรที่สำคัญ คือ อัตราการเกิดหรือภาวะเจริญพันธุ์ของประเทศลดลง อัตราการเสียชีวิตในกลุ่มเด็กและวัยแรงงานลดลง อายุคาดเฉลี่ยประชากรเพิ่มขึ้นจากประมาณ ๕๐ ปี เป็น ๗๗ ปี ในปัจจุบัน
(อ่านต่อสัปดาห์หน้า)
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ถนนอู่ทองใน ดุสิต กทม. 10300 email : dek_senate@hotmail.co.th
หรือ Facebook: กมธ.พัฒนาสังคม หรือ กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็กฯ วุฒิสภา
โทร.02-831-9225-6 แฟกซ์ 02-831-9226
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี