คณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดำเนินการโดยคณะอนุกรรมาธิการกิจการสตรี ได้จัดการสัมมนาเนื่องในวันสตรีสากล ๒๕๖๑ เรื่อง “บทบาทสตรีไทยในยุคไทยแลนด์ ๔.๐” โดยได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธานกล่าวเปิดการสัมมนา นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง และประธานคณะอนุกรรมาธิการกิจการสตรี กล่าวรายงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีในการสะท้อนพัฒนาการและความก้าวหน้าของบทบาทสตรีในมิติต่างๆ ตลอดจนเพื่อให้เกิดความตระหนักถึงความสำคัญ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนความเสมอภาคระหว่างเพศการพัฒนาและส่งเสริมความก้าวหน้าของบทบาทสตรี โดยสรุปสาระสำคัญจากการสัมมนาได้ ดังนี้
นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ รองประธานคณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาสสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประธานคณะอนุกรรมาธิการกิจการสตรี ได้กล่าวว่า เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ค.ศ. ๑๙๑๐ (พ.ศ. ๒๔๕๓) นับเป็นวันที่มีความหมายอย่างยิ่ง ของเหล่าสตรีทั้งมวลทั่วโลกเพราะเป็นวันที่ตัวแทนสตรี จาก ๑๘ ประเทศได้มาร่วมประชุมสมัชชาสตรีสังคมนิยม ครั้งที่ ๒ ณ เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก และประกาศให้วันที่ ๘ มีนาคม เป็น “วันสตรีสากล”
เพื่อรำลึกถึงความเป็นมาแห่งการต่อสู้อันยาวนาน เพื่อให้ได้มาซึ่งความเสมอภาค ความยุติธรรม สันติภาพและการพัฒนาสตรีทั้งมวล
ประเทศไทยในฐานะที่เป็นประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติก็ได้แสดงเจตนารมณ์ ที่จะมุ่งให้เห็นความสำคัญของสตรีเช่นกัน โดยเมื่อวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ ประเทศไทยได้ก่อตั้งคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ (กสส.) ขึ้นอย่างเป็นทางการ เพื่อให้เป็นกลไกระดับชาติในการส่งเสริมและสนับสนุนบทบาทของผู้หญิงในสังคม รวมทั้งจัดกิจกรรมเพื่อรำลึก
ถึงความเป็นมาแห่งการขับเคลื่อนเพื่อให้ได้ซึ่งความเสมอภาคหญิงชาย ความเป็นธรรม สันติภาพและการพัฒนา นับแต่นั้นมาหลายภาคส่วนในประเทศไทย รวมทั้งด้านนิติบัญญัติก็ได้มีการจัดกิจกรรมเนื่องในวันสตรีสากลมาอย่างต่อเนื่อง
คณะอนุกรรมาธิการกิจการสตรี ในคณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส ได้ติดตาม เฝ้าระวังและรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนในสังคมไทย ได้ตระหนักถึสถานภาพและบทบาทของสตรีไทยมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นที่น่ายินดีว่าในปัจจุบันบทบาทสตรีในประเทศไทยมีการพัฒนาและมีความก้าวหน้ามากขึ้นเป็นลำดับ สถิติจากสำนักงานสถิติแห่งชาติปี ๒๕๕๙ ชี้ให้เห็นพัฒนาการและความก้าวหน้านี้ ในด้านการศึกษามีสถิติว่า เด็กผู้หญิงเข้าถึงการศึกษาพื้นฐานได้เท่าเทียมกับเด็กชายมีสถิติสตรีเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษามากกว่าบุรุษในภาคแรงงานสถิติของแรงงานสตรีมีถึงกว่าร้อยละ ๖๐ ในสัดส่วนประชากรยากจน พบว่าอัตราส่วนของสตรีที่มีฐานะยากจนอยู่ที่ร้อยละ ๖.๘ ซึ่งมีอัตราส่วนน้อยกว่าบุรุษในภาคธุรกิจ มีสตรีเป็นผู้นำในการบริหาร องค์กรระดับกรรมการบริษัท ผู้บริหารระดับกลางและระดับสูงมากขึ้น ผู้บริหารระดับสูงที่เป็นสตรีเพิ่มจำนวนมากขึ้น จากสถิติการสำรวจของ International Labor Organization ในรอบ ๒๐ ปี (ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๓๗ - ๒๕๕๗) ชี้ว่า ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ประเทศไทยมีอัตราส่วนของผู้หญิงที่เป็นตำแหน่งผู้จัดการ (Manager) อยู่ในลำดับที่ ๓ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอยู่อันดับที่ ๖๔จาก ๑๐๘ อันดับของโลก
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการจัดกิจกรรมเนื่องในวันสตรีสากล และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนความเสมอภาคระหว่างเพศ และการพัฒนาและส่งเสริมความก้าวหน้าของบทบาทสตรีให้ก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไปของประเทศไทย เพื่อเป็นเวทีในการสะท้อนพัฒนาการและความก้าวหน้าของบทบาทสตรีในมิติต่างๆ อาทิ มิติทางสภานิติบัญญัติ มิติทางการบริหารรัฐกิจ มิติทางการพัฒนาเศรษฐกิจ และมิติทางสากล เพื่อให้เกิดความตระหนักถึงความสำคัญในการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ การพัฒนาและความก้าวหน้าของบทบาทสตรีคณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการกิจการสตรี จึงได้จัดการสัมมนาเนื่องในวันสตรีสากลปี ๒๕๖๑ เรื่อง “บทบาทสตรีไทยในยุคไทยแลนด์๔.๐” ขึ้น
ศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้กล่าวเปิดการสัมมนา ว่าเป็นที่ทราบกันดีว่า ประเทศทั่วโลกโดยการประกาศขององค์การสหประชาชาติให้วันที่ ๘ มีนาคม ของทุกปีเป็น วันสตรีสากล เพื่อรำลึกถึงการต่อสู้เรียกร้องของคนงานสตรี ผมขอย้อนรำลึกไปในประวัติศาสตร์สักเล็กน้อย จากเดิม “วันสตรีสากล” (International Women’s Day) นั้นเรียกว่า “วันแรงงานสตรีสากล” (International Working Women’s Day) เป็นวันแห่งการรำลึกและเฉลิมฉลองความสำเร็จในการต่อสู้ทางสิทธิแรงงานและเศรษฐกิจของผู้หญิง ในระยะเริ่มแรกเป็นกิจกรรมขับเคลื่อนทางการเมืองของกลุ่มประเทศสังคมนิยม แต่ต่อมาได้กลายเป็นอุดมการณ์สากล กลายเป็นวัฒนธรรมของหลายๆ ประเทศ ส่วนใหญ่ในทวีปยุโรปและทั่วโลก ตามที่ท่านประธานอนุกรรมาธิการกิจการสตรีได้กล่าวแล้ว
วันสตรีสากล จะไม่อาจเกิดขึ้นได้เลยหากไม่มีการลุกขึ้นต่อสู้และแลกด้วยชีวิตของแรงงานสตรีในโรงงานทอผ้า รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ค.ศ. ๑๘๕๗ (พ.ศ. ๒๔๐๐)หรือ ๑๖๑ ปีที่ผ่านมา ในวันนั้น แรงงานสตรีกว่า ๑๕,๐๐๐ คนออกมาเดินขบวนทั่วเมืองนิวยอร์กเพื่อเรียกร้องให้ยุติการใช้แรงงานสตรีและเด็กอย่างทารุณประท้วงให้นายจ้างเพิ่มค่าจ้าง และเรียกร้องสิทธิในการทำงาน โดยมีคำขวัญการรณรงค์ว่า “ขนมปังกับดอกกุหลาบ” ซึ่งหมายถึง การได้รับอาหารที่พอเพียงพร้อมๆ กับคุณภาพชีวิตที่ดีนั่นเอง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ทำให้วันที่ ๘ มีนาคม ของทุกปี เป็นวันสตรีสากล
“ผมเชื่อมั่นว่า จากวันนั้นถึงวันนี้ การขับเคลื่อนผลักดันให้สตรีได้มีบทบาทในทุกๆ ภาคส่วนยังคงดำเนินมาอย่างต่อเนื่องทั้งโดยสตรีเองและโดยบุรุษที่เคารพและเห็นความสำคัญของบทบาทสตรี สำหรับประเทศไทย การตระหนักถึงการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ การพัฒนาและส่งเสริมความก้าวหน้าของบทบาทสตรีก็ได้ดำเนินมาอย่างมีความก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ”
สำหรับสภานิติบัญญัติแห่งชาติแห่งชาติ เมื่อในคราวการประชุมประธานรัฐสภาโลก ครั้งที่ ๔ ปี พ.ศ.๒๕๕๘ ได้มีการประกาศ “คำมั่นของที่ประชุมประธานรัฐสภาโลก” ในเรื่องที่เกี่ยวกับสตรีโดยเฉพาะ คือ รัฐสภาโลกจะมุ่งมั่น “ผลักดันเรื่องความเท่าเทียมทางเพศขึ้นเป็นกระแสหลักในวงการรัฐสภา” (Mainstreaming gender equality into the work of parliaments) จากคำมั่นนี้ทำให้รัฐสภาโลกมีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์สหภาพรัฐสภาปี ๒๕๕๕-๒๕๖๐ โดยมีเป้าหมายหลัก ๓ ประการ ประกอบด้วย (๑) เพิ่มจำนวนสมาชิกรัฐสภาสตรีทั่วโลก (๒) ส่งเสริมและเพิ่มบทบาทของสตรีในรัฐสภา และ (๓) ให้การปกป้องสิทธิสตรีเป็นกระแสหลักของการดำเนินงานของรัฐสภาทั่วโลก และเป็นที่น่ายินดีว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติของเรามีการดำเนินงานในด้านกิจการสตรีมาอย่างแข็งขันและต่อเนื่อง โดยคณะอนุกรรมาธิการกิจการสตรี ซึ่งมีความก้าวหน้ามาเป็นลำดับ และรวมถึงการผลักดันงานให้เกิดการสัมมนาในวันนี้ด้วย
ในช่วงที่ผ่านมา สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ตรากฎหมายหลายฉบับที่มีสาระสำคัญในการคุ้มครอง ส่งเสริม สิทธิและสถานภาพสตรี อาทิ พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศในสังคมไทยที่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยในอนาคต พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งมีหลักการสำคัญในการคุ้มครองสิทธิผู้ต้องขังหญิงให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของสหประชาชาติสำหรับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำ และมาตรการที่มิใช่การควบคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง หรือ Bangkok Rules และพระราชบัญญัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๐เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินมาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เป็นต้น
(อ่านต่อสัปดาห์หน้า)
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ถนนอู่ทองใน ดุสิต กทม. 10300 email : dek_senate@hotmail.co.th หรือ Facebook: กมธ.พัฒนาสังคม
หรือ กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็กฯ วุฒิสภา โทร.02-831-9225-6 แฟกซ์ 02-831-9226
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี