เป็นที่น่าเสียดายและเสียใจเป็นอย่างมาก ที่ถึงแม้ รัฐบาล หน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐและเอกชน รวมทั้งสภากาชาดไทย ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะป้องกัน ลดอุบัติเหตุ การเสียชีวิต บาดเจ็บ บนท้องถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 แต่ก็ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นถึง 3,724 ครั้ง (ปี 2560 = 3,690 ครั้ง) มีผู้เสียชีวิตถึง 418 คน (ปี 2560 = 390 คน) และมีผู้ที่บาดเจ็บถึง 3,897 คน (ปี 2560 = 3,808 คน) ซึ่งสาเหตุต่างๆ ก็ยังเหมือนเดิมคือ ดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตในปีนี้ (2561) ถึง 40.28% ตามด้วยการขับรถเร็ว 26.5% อุบัติเหตุส่วนใหญ่ยังเกิดขึ้นกับผู้ที่ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ คือ 79.85% ของอุบัติเหตุทั้งหมด (และไม่ได้สวมหมวกกันน็อก) ตามด้วยรถกระบะ 7.1% ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือ 16.00 น. ถึง 20.00 น. จำนวนผู้ที่ทำผิดกฎจราจรที่ถูกจับมีถึง 146,589 คน ณ ที่ตรวจ 2,029 แห่ง โดย 39,572 คน ไม่สวมหมวกกันน็อก และ 37,779 คน ไม่มีใบขับขี่ (ไม่น่าเชื่อ!?)
ผมมีความเห็นว่า เราจะต้องเข้มงวดมากกว่านี้ ตลอดเวลา ทุกวัน ทั้งปี ในขณะนี้เราเหมือนกับไป “สอบไล่”เลยทีเดียวในช่วงปีใหม่สากล ช่วงสงกรานต์ ฯลฯ แต่ไม่มีการ “สอบซ้อม” ก่อนหน้านี้ ถ้าเราไม่มีการ“ซ้อม”เป็นระยะๆ พอเราไป“สอบ”จริง ความรู้ ประสบการณ์ ก็จะไม่อยู่ในสายเลือด ฉะนั้นเราต้องมีการ “ซ้อม”ทุกวัน ตลอดเวลา ทุกๆ อย่างจะได้เข้าที่ เป็นนิสัย เราจะได้เคยชินกับวิธีปฏิบัติในช่วงเทศกาลที่สำคัญต่างๆ เพราะ“ฝึก”มาตลอด รู้แล้วว่าต้องทำตัวอย่างไรในการขับรถ ในการเดินทาง ฯลฯ
เรามีกฎหมายชัดเจนอยู่แล้วเรื่องขับรถเร็ว เรื่องรัดเข็มขัดนิรภัย ทุกๆ คน ไม่ใช่เฉพาะคนขับ หรือคนนั่งหน้าเท่านั้น ต้องรัดเข็มขัดนิรภัย รวมทั้งข้างหลังด้วย เราต้องขับรถด้วยความเร็วที่ไม่เกินที่กฎหมายกำหนด หรืออาจช้ากว่านั้นด้วยซ้ำในบางช่วง เราต้องขับขี่มอเตอร์ไซค์ โดยต้องสวมหมวกกันน็อกที่ได้มาตรฐาน ทั้งผู้ขับและผู้โดยสาร ผมยังเห็นการขับขี่มอเตอร์ไซค์ทั้งผู้ขับและผู้โดยสารที่ไม่สวมหมวกกันน็อกตลอดเวลา และยังมีคนที่ดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์อีกมาก ผมเองไม่ชอบสโลแกนว่า “เมา ไม่ขับ” แต่ชอบ “ดื่มแอลกอฮอล์ไม่ขับ” มากกว่า เพราะทางด้านการแพทย์ การดื่มแอลกอฮอล์เพียง 1 หน่วย (คือ วิสกี้ 25 ซีซี หรือไวน์ 80 ซีซี หรือเบียร์ 200 ซีซี) จากการตรวจทดสอบสมรรถภาพ พบว่าทำให้สมรรถภาพการใช้กล้ามเนื้อ (coordination senses) เสียไปแล้ว ทั้งๆ ที่ผู้นั้นยังไม่รู้สึกว่า “เมา” เลย และคงไม่มีใครยอมรับว่าตัวเอง “เมา” ด้วย
ฉะนั้นจึงอยากให้รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เอาจริงกับกฎหมายที่มีอยู่แล้ว ในการควบคุมการขับขี่รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ด้วยการจับทุกๆ คนที่ขับรถเร็ว ผู้ที่ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ไม่ว่าจะนั่งข้างหน้าหรือข้างหลัง ทุกๆ คนที่ไม่สวมหมวกกันน็อก ทั้งผู้ขับและผู้โดยสาร และต้องเป็นหมวกที่ได้มาตรฐาน ต้องตรวจสอบผู้ขับขี่ยานยนต์ทุกชนิดเกี่ยวกับการดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ ฯลฯ ทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ทุกๆ วัน ผมทราบว่าตำรวจนครบาลจับผู้ที่ไม่สวมหมวกกันน็อกเดือนละเป็นหมื่นราย อยากให้ทำตลอดเวลา และประชาสัมพันธ์ทุกวันว่า มีผู้ถูกจับที่ขับรถเร็ว ไม่รัดเข็มขัด ไม่สวมหมวกกันน็อกวันละกี่คน โดยขอความร่วมมือกับทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ให้ลงข่าวนี้ทุกวัน เหมือนที่ทำอยู่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และปีใหม่ ถ้าทำอย่างนี้ทุกวัน ตลอดเวลา ทุกๆ คนก็จะรู้ตัวว่า ถ้าเขาไม่ทำตามกฎหมาย กติกาที่วางไว้ เขาจะถูกจับ จะถูกลงโทษ ถ้าทุกๆ คนอ่าน เห็น ฟัง การถูกจับและลงโทษทุกๆ วัน ทุกๆ คนก็จะค่อยๆ เข้าแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นเอง
อย่างที่ผมพูด เขียน บรรยาย เสมอว่า คนไทยทุกๆ คนควรมีคุณสมบัติ 4 ประการ คือ ดี เก่ง (ต้องเก่งคิด คน งาน เงิน เวลา “ขาย” และฟัง) รอบรู้ และมีสุขภาพดี (ถ้าเป็นเช่นนี้ประเทศไทยจะพร้อมตลอดเวลาที่จะเป็น Thailand 4.0 หรือในอนาคต 5,6,7 ฯลฯ) โดยความดีต้องนำหน้าเหนือความเก่ง เท่านี้ประเทศไทยก็จะเป็นประเทศมหาอำนาจในไม่ช้า เพราะเรามีทรัพยากรมากมาย เมื่อเทียบกับญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน สิงคโปร์ ฯลฯ 4 ประเทศเหล่านี้ไม่มีทรัพยากรอะไรเลย เขามีแต่คนที่มีคุณภาพ ระเบียบวินัย ความรู้แต่แค่นี้ประเทศเขาก็เจริญมาก ถ้าเพียงคนไทยส่วนใหญ่เป็นคนดี และเก่ง (ความจริงเราเก่งอยู่แล้ว แต่ในทางที่ไม่ควร!) ประเทศเราจะเจริญกว่า 4 ประเทศนี้อย่างแน่นอน
ดี ในกรณีนี้คือ เคารพกฎหมายบ้านเมือง ไม่เห็นแก่ตัว มีน้ำใจ ฉะนั้นในการนี้จะไม่ขับรถเร็ว จะรัดเข็มขัดนิรภัย จะสวมหมวกกันน็อก จะไม่ “ดื่มแล้วขับ” จะมีน้ำใจต่อผู้ใช้ถนนร่วมกัน ฯลฯ
ท่านเห็นด้วยไหมครับ
โดยสรุปผมอยากเสนอให้รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับผู้ที่ทำผิดกฎจราจร ไม่ว่าจะขับรถเร็ว ไม่รัดเข็มขัด ไม่สวมหมวกกันน็อก ดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับ ฯลฯ ทั้งนี้ ควรประกาศอย่างทั่วถึงว่ารัฐบาลจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจังแล้วตลอดเวลา ตั้งแต่...เป็นต้นไป อาจมีการตัดแต้มและโดนปรับ(มีระบบที่ต้องไปเสียค่าปรับจริงๆ ทุกคน) และเมื่อถูกตัดแต้ม อาจจะ 12 หรือ 20 แต้ม จะต้องถูกยึดใบขับขี่เป็นระยะเวลาหนึ่ง ผู้ที่ขับรถสาธารณะต้องมีช่วงเวลาของฅการทำงาน เช่น 8 ชั่วโมงต่อวัน ขับทุก 2-3 ชั่วโมงต้องหยุดพัก โดยมีระบบตรวจสอบอยู่ในรถ เหมือนที่ต่างประเทศ ที่พอขับถึงเวลาต้องเลิกขับ ไม่ว่าเราจะให้เงินเพิ่มเท่าไหร่ก็ไม่ยอม
ทำไมคนไทยเราจึงไม่เห็นคุณค่าของการมีชีวิตเลย หรือว่าชีวิตนี้ช่างแร้นแค้นถึงไม่แคร์ว่าอยู่ก็ได้ ตายก็ได้ พิการก็ได้ และไม่คิดถึงครอบครัวที่อยู่ข้างหลังเลย
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี