นอกจากการเรียนรู้ตลอดชีวิตแล้ว การวางแผนเรื่องการเงินก็สำคัญมาก ต้องเริ่มวางแผนตั้งแต่เดือนแรกของการทำงาน ทั้งนี้ บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ สังคม (ทีวี!!) ต้องช่วยสอน กล่อมเกลาเด็กๆ ให้รู้จักประหยัด รู้คุณค่าของเงิน อยากได้อะไรออมเอาเอง ไม่ซื้อของแพง ของ brand name ฯลฯ ต้องรู้จักหาเงิน (จะได้เงินเดือนดีๆ มีรายได้สูง ก็ขึ้นอยู่กับการศึกษา การทำงานพิเศษ) เมื่อมีรายได้จะต้องรู้จักออม (อย่างน้อย 10% ของเงินเดือน) ต้องออมก่อนใช้จ่าย และต้องใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล อย่างเศรษฐกิจพอเพียงตามพ่อหลวง ร.9 ซึ่งก็คือ 1) มีความพอเพียง 2) มีเหตุผล 3) มีภูมิคุ้มกัน โดยจะต้องทำอย่างรอบคอบ รอบรู้ และมีคุณธรรม ทั้งนี้ต้องออมเป็นเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินเท่ากับรายจ่ายต่อเดือน 6 เดือนเป็นอย่างน้อย ก่อนที่จะเอาเงินไปลงทุน แต่อย่าเอาเงินที่ออมไปฝากที่ธนาคาร เพราะจะหายไปกับเงินเฟ้อ ควรไปซื้อกองทุนตราสารหนี้ ฯลฯ หลังจากนั้นเงินที่ออมได้ควรนำไปลงทุน เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือ กบข. ให้เต็มที่ 15% ประกันสังคม (เสริมเอาต่างหาก) ซื้อ LTF, RMF ซื้อแบบยาว ไม่ถอน เพื่อเก็บไว้ใช้ตอนเกษียณ ซื้อเท่าที่มีสิทธิ์ที่จะหักภาษีได้เท่านั้น ถ้ายังมีเงินเหลือซื้อกองทุนรวมแบบทบต้น ไม่ถอนจนเกษียณ ฯลฯ ส่วนเรื่องลงทุนในหุ้นด้วยตัวเราเอง ผมไม่แนะนำให้ลงทุน ต้องศึกษาจนมีความรู้ดีมากๆ ก่อน
เรื่องการดูแลสุขภาพก็สำคัญมาก เพราะปัจจุบันนี้คนเราอายุยืนมากขึ้น แต่เต็มไปด้วยโรค อายุยืน รวย แต่กินอะไรไม่ได้ ไปไหนไม่ได้ ก็ไม่ไหว ต้องดูแลสุขภาพตนเองตั้งแต่หลังเกิด ด้วยการมีพฤติกรรมที่เหมาะสม
ฉะนั้นการเรียนรู้ การศึกษาตลอดชีวิต การวางแผนการเงิน การดูแลสุขภาพ เป็นเรื่องสำคัญของทุกๆ คน แต่อีกอย่างที่สำคัญคือ การมีความรู้รอบตัว หรือรอบรู้ การรอบรู้จะเกิดขึ้นได้จากการที่เราคบคนหลายๆ อาชีพ ท่องเที่ยว จดไว้ เขียนบทความบ่อยๆ อ่านหนังสือดีๆ ตลอดเวลา ผมเองก็ได้ความรู้ตลอดเวลาที่สอนนิสิตแพทย์ สอนไปๆ ก็ได้ความรู้ ข้อคิดเห็น ต้องไปอ่านเพิ่มเติมตลอดเวลา จะได้ไม่ล้าหลัง และจากประสบการณ์ในตำแหน่งต่างๆ ที่ผมโชคดี เคยได้ทำงานในหลายหน้าที่มาก เช่น หัวหน้าหน่วยระบบทางเดินอาหาร หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ รองคณบดี ผู้ช่วยผู้อำนวยการ รพ.จุฬาฯ นายกสมาคมแพทย์ระบบทางเดินอาหาร ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ประธานคณะกรรมการดูแลการสอบเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญทางอายุรศาสตร์ เลขาธิการแพทยสภา 4 ปี ที่ต้องดูแลแพทย์ทุกสาขาทั่วประเทศ ที่ได้พูดคุย (ทางวารสารทุกฉบับ) กับคุณหมอทุกๆ คน จากการที่ได้ไปเยี่ยมโรงพยาบาลจังหวัดมาเกือบทั่วประเทศ โดยเฉพาะ 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้และ 5 อำเภอของสงขลาที่มีปัญหาเรื่องความไม่สงบ ที่ผมได้ไปเยี่ยมมาทุกโรงพยาบาลรวมทั้งทุกโรงพยาบาลชุมชน จากหน้าที่สมาชิกวุฒิสภา ที่ได้เป็นกรรมาธิการการสาธารณสุข กรรมาธิการการกีฬา 2551-2554และยังได้รับเลือกเป็นเลขาธิการ องค์การสมาชิกรัฐสภาแห่งเอเชียด้านประชากรและการพัฒนา (AFPPD - Asian Forum of Parliamentarians on Population and Development) ซึ่งต้องไปบรรยาย ไปเปิด ไปประชุมการประชุมต่างๆ ของรัฐสภาหลายๆ ประเทศ ทำให้ได้ความรู้ ประสบการณ์มาก องค์กรนี้มีอดีตนายกญี่ปุ่น ฯพณฯ Fukuda เป็นประธาน (ในนาม แต่การทำงานอยู่ที่เลขาธิการ) ทำให้ผมได้มีโอกาสไปบรรยายหลายประเทศที่แทบไม่เคยได้ยินมาก่อน เช่น Turkmenistan, Mongolia, Panama, Morocco, Turkey และประเทศอื่นๆ ผมจึงเอาประสบการณ์เหล่านี้มาสอนลูกศิษย์ด้วย นอกจากนั้นยังเคยเป็นกรรมการของ สปสช. ประกันสังคม (กรรมการแพทย์) ของสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล (พรพ.) อีกด้วย จึงทำให้รู้ระบบการสาธารณสุขพอสมควร ตอนเป็นเลขาธิการแพทยสภาก็ได้ประชุมกับท่านปลัดและผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขทุกเดือน รวมทั้งผู้บริหารของสภาการพยาบาล ทันตแพทย์ เภสัชกรรม ฯลฯ
ฉะนั้นมุมมองผมในขณะนี้ คือ ผมอยากให้มีการสอน “ศิลปะในการดำรงชีวิต” หรือ “The Art of Living” หรือ การเตรียมความพร้อมต่อการเป็นผู้สูงอายุ หรือการบริหารความเสี่ยงของชีวิต ในคณะทุกคณะของทุกมหาวิทยาลัย โดยขอให้เป็นวิชาบังคับ นอกจากนั้นยังควรต้องบังคับให้เรียนทางด้านกฎหมายประจำวัน ภาษี การดูแลสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การกู้ชีพ การใช้เครื่อง AED ในช่วงที่ผมเป็นเลขาธิการ AFPPD ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Harm Reduction, teenage pregnancy, การเป็นสังคมผู้สูงอายุ อุบัติเหตุบนท้องถนน ภาวะโรคร้อน violence (ความรุนแรง) มนุษยธรรม food security ฯลฯ ซึ่งเป็นกำไรชีวิตสำหรับผมเป็นอย่างมาก ผมก็ได้นำความรู้นี้มาสอนต่อลูกศิษย์อีกด้วย
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นว่ามีความสำคัญมาก ไม่ใช่เฉพาะต่อลูกศิษย์ผมเท่านั้น แต่กับเพื่อนร่วมชาติทั้งประเทศ คือ เรื่องการเงิน หนึ่งในสามของคนไทยทั้งประเทศยังมีฐานะอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน (มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี) ผมจึงให้ความสนใจทางด้านนี้เป็นอย่างมาก
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี