(ต่อจากฉบับที่แล้ว)
ข้อคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมสัมมนา
๑) ประเด็นปัญหาเรื่องค่าจ้าง กรณีที่ผู้หญิงกับผู้ชายทำงานในตำแหน่งเดียวกันแต่ได้รับค่าจ้างไม่เท่ากัน และความเห็นกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศยกเลิกระเบียบบังคับให้นายจ้างต้องจ่ายค่าประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการคุมกำเนิด
วิทยากรได้ตอบว่า ๑.ปัจจุบันมีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานที่บัญญัติถึงสิทธิและหน้าที่ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง โดยกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำในการใช้แรงงานและการจ่ายค่าตอบแทนในการทำงาน ส่วนกรณีที่ดำรงตำแหน่งเดียวกันแต่ได้รับค่าจ้างไม่เท่ากัน ในทางปฏิบัติบริษัทที่มีธรรมาภิบาลที่ดีจะมีระบบในการเข้ามาดูแลเรื่องนี้ การจ่ายเงินเดือนจะพิจารณาจากลักษณะงานที่ทำ ไม่ได้พิจารณาจากเพศของผู้ทำ อย่างไรก็ตามในตำแหน่งงานเดียวกันอาจไม่ได้ทำงานเหมือนกันในรายละเอียด จึงทำให้การจ่ายเงินค่าตอบแทนต่างกัน ๒.ในประเทศญี่ปุ่น ต้องการส่งเสริมให้ผู้หญิงออกมาทำงาน จึงได้ส่งเสริมให้มีสถานเลี้ยงเด็กที่มีมาตรฐานอย่างเพียงพอ และเหตุที่ผู้หญิงมีบทบาทในการทำงานและได้รับเงินเดือนน้อยกว่าผู้ชาย
๒) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ มีมาตรการภายในที่สนับสนุนและส่งเสริมผู้หญิงในการทำงานอย่างไร และตั้งข้อสังเกตผู้หญิงที่เข้าสู่ ศาสนธรรมสามารถลาได้เพียง ๑๕ วัน แต่ผู้ชายสามารถลาบวชได้ ๓๐ วัน สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มีแนวปฏิบัติว่า พนักงานที่มีลูกจะต้องไปโรงเรียนของลูกในวันสำคัญ เพื่อกระตุ้นให้มีส่วนร่วมซึ่งหากครอบครัวมีความสุข พนักงานก็จะทำงานอย่างมีความสุขส่วนเรื่องสวัสดิการ การใช้สิทธิลาของผู้หญิงกับผู้ชายอาจแตกต่างกัน ฉะนั้นการจัดสวัสดิการย่อมแตกต่างกันไปด้วย ส่วนเรื่องการจ่ายค่าตอบแทน ไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้และยังมีการกระตุ้นพนักงานให้ได้ไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เช่น การไปเรียนต่อในระยะสั้น การเข้าร่วมเวทีสำคัญในต่างประเทศ ฉะนั้นด้วยสภาพแวดล้อมที่สำนักงานดำเนินการทำให้มีผู้สนใจเข้ามาสมัครเป็นจำนวนมาก และผู้สมัครว่าที่นี่ดูแลพนักงานดี และยอมรับเพศสภาพด้วย ๔.ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้การดูแลทุกเพศเท่าเทียมกัน แต่ปัญหาของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคือ ตลาดหลักทรัพย์ฯมีพนักงานผู้หญิงร้อยละ ๖๙ แต่ละปีมีผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ปีละไม่เกิน ๑๕ คน ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่แต่งงาน หรือแต่งงานแต่ไม่มีลูกฉะนั้นสิ่งที่กำลังพิจารณาอยู่คือ อาจจะขยายเรื่องการลาคลอดให้เป็น ๙๐ วันจาก ๔๕ วัน ที่ทำงานไม่มีสถานเลี้ยงเด็ก แต่มีห้องบีบนม ส่วนวันหยุด มีวันหยุดให้ไปเข้าคอร์สธรรมะ หรือไปพัฒนาหรือปรับปรุงสุขภาพตนเอง สนับสนุนให้มีสโมสรพนักงาน มีชมรมวิ่ง ชมรมดนตรี ชมรมจักรยาน เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ฯทำงานแทบทุกวันจึงเน้นเรื่องสุขภาพของพนักงาน สิ่งที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือความมีเสรีภาพทางการเงิน ทุกคนต้องออมเงินเป็น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสนับสนุนเรื่องการออมรายเดือน และให้ความรู้แก่พนักงานระดับล่าง เช่น พนักงานรักษาความปลอดภัย แม่บ้าน ในเรื่องการออมเงินในกองทุนต่างๆ
๓) ในอนาคตมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดที่จะไม่มีการแบ่งแยกหญิงชาย และเหตุใดกฎหมายไทยจึงเข้าข้างผู้ที่มีฐานะร่ำรวย
วิทยากรได้ตอบว่า ในปัจจุบันมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความเท่าเทียมอยู่หลายระดับ ในระดับโลกคืออนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ Convention on the Elimination of All Forms of Discrimination Against Women (CEDAW) ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ สำหรับประเทศไทยมีพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศพ.ศ. ๒๕๕๘ ปัญหาคือ ทำอย่างไรให้มีการบังคับใช้กฎหมายให้ครอบคลุมในบุคคลทุกระดับ ตลอดจนต้องเพิ่มความตระหนักและให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชนด้วย
๔) เสนอให้มีการผลักดันให้มีกระทรวงด้านสตรี เพื่อสามารถทำงานและผลักดันประเด็นด้านสตรีได้อย่างเต็มที่
วิทยากรได้ตอบว่า ๑.คณะกรรมาธิการการสังคมฯ และประธานคณะอนุกรรมาธิการกิจการสตรี แสดงความเห็นว่า การก้าวสู่ยุคไทยแลนด์ ๔.๐ เป็นมิติการพัฒนาเทคโนโลยีหลายเรื่อง ฉะนั้นการขับเคลื่อนงานทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นประเด็นใดก็ตามต้องการความร่วมมือจากทั้งผู้หญิงและผู้ชาย หากดำเนินการโดยแยกส่วนย่อมทำให้การขับเคลื่อนงานด้านสตรีเกิดแรงต้าน การแก้ไขปัญหาจึงต้องดึงพลังจากทุกภาคส่วนให้มาช่วยกันขับเคลื่อน ๒. การขับเคลื่อนควรขับเคลื่อนทั้งระบบ ทำอย่างไรให้ทุกภาคส่วนบูรณาการร่วมกันและทำงานในเรื่องของความเท่าเทียม
๕) ผู้นำชุมชนที่เป็นผู้ชายในต่างจังหวัดยังไม่ค่อยยอมรับจิตอาสา และปัจจุบันเริ่มมีผู้ชายเข้ามาขอรับคำปรึกษาเรื่องการกระทำความรุนแรงที่ผู้หญิงกระทำต่อผู้ชายมากขึ้น
๖) ผู้หญิงที่มีความใฝ่ฝันจะเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ จะมีโอกาสเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือไม่ ว่า ด้วยสภาพสังคมในปัจจุบันที่ผู้หญิงเริ่มมีบทบาทมากขึ้น การเข้าใจถึงสิทธิเสรีภาพที่เท่าเทียมกันจะช่วยผลักดันให้เกิดขึ้นได้ในอนาคต ได้ ซึ่งขณะนี้ผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่เริ่มเป็นผู้หญิงมากขึ้นเรื่อยๆ
วิทยากรได้ตอบว่า การเท่าเทียมกันไม่ได้แปลว่าเท่ากันแต่หมายถึงการมีโอกาสที่เท่าเทียมกัน ฉะนั้นเราต้องทำคุณสมบัติของตนเองให้เหมือนกับคนอื่น เชื่อมั่นว่าในอนาคตเจ้าพนักงานตำรวจหญิงจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
๗) หากผู้หญิงมีสิทธิเท่าเทียมกับผู้ชาย ใครจะเป็นผู้ดูแลครอบครัวในบ้าน และมีวิธีในการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างไร
วิทยากรได้ตอบว่า ความจริงไม่ได้มีการกำหนดบทบาทภายในบ้านว่าจะต้องเป็นหน้าที่ของผู้หญิงหรือผู้ชาย ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมทางสังคมที่ผู้หญิงจะต้องทำงานบ้าน ทั้งที่ความจริงผู้ชายสามารถทำได้ ซึ่งกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ(The United Nations Population Fund-UNFPA) ได้มีการรณรงค์ให้ผู้ชายช่วยผู้หญิงทำงานบ้าน และในส่วนของสหประชาชาติได้สนับสนุนกรณีที่ผู้หญิงลาคลอดผู้ชายก็สามารถลาไปดูแลบุตรได้เช่นกัน ฉะนั้น การขับเคลื่อนครอบครัวไปด้วยกันอาจไม่ต้องแบ่งเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันมากกว่า
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้กล่าวปิดการสัมมนา ว่า
การจัดสัมมนาในวันนี้ มีคำถามที่นักศึกษาผู้ชายถามว่า “หากผู้หญิงมีสิทธิเท่าเทียมกับผู้ชาย ใครจะเป็นผู้ดูแลครอบครัวในบ้าน และมีวิธีในการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างไร” เป็นความคิดของผู้ชายส่วนใหญ่ ซึ่งมุมมองหนึ่งนั้นไม่ผิดแต่โลกได้ไปไกลแล้ว ไม่มีใครเป็นช้างเท้าหน้าหรือเท้าหลัง ทุกคนเดินคู่กันเคียงข้างกัน ผู้ชายต้องดูแลครอบครัวร่วมกัน ยุคไทยแลนด์ ๔.๐ เป็นยุคที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งเป็นนัยยะในทางเศรษฐกิจ ส่วนมิติทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ.๒๕๕๘ นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ รองประธานคณะกรรมาธิการ และประธานคณะอนุกรรมาธิการกิจการสตรี ได้ต่อสู้ในเรื่องนี้มาโดยตลอด เมื่อพิจารณามิติทางสังคม จะพบว่าผู้หญิงเป็นผู้ที่ต้องแบกรับภาระเสียส่วนใหญ่ อาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงแทบทั้งหมดเป็นผู้หญิง ผู้หญิงมีความละเอียดอ่อนมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากผู้หญิงได้รับการเลี้ยงดูให้มีความละเอียดอ่อนตั้งแต่วัยเด็ก มีเพียงมิติเดียวที่ยังไปไม่ถึงคือ การพิจารณาแก้ไขกฎหมาย ระเบียบกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ยังลิดรอนสิทธิสตรี ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติที่ต้องดำเนินการพิจารณา ส่วนเรื่องบุคคลเพศที่สาม สังคมไทยไปไกลมากแล้วแต่ยังมีประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่พอสมควร เช่น การจดทะเบียนแปลงเพศ การแต่งงาน และการอุ้มบุญ ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตน่าจะเป็นที่ยอมรับมากขึ้น
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ถนนอู่ทองใน ดุสิต กทม. 10300 email : dek_senate@hotmail.co.th หรือ Facebook : กมธ.พัฒนาสังคม
หรือ กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็กฯ วุฒิสภา โทร.02-8319225-6 แฟกซ์ 02-8319226
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี