(ต่อจากฉบับที่แล้ว)
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติการจดทะเบียนคู่ชีวิต พ.ศ. ....
เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความชัดเจน กระทรวงยุติธรรมจึงได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนากฎหมายขึ้นมาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว ตามกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถสรุปสาระสำคัญได้ ๔ ประการ ได้แก่
๑.กำหนดให้มีแบ่งแยกรูปแบบการจดทะเบียนให้ชัดเจน ระหว่างการจดทะเบียนคู่ชีวิต และการจดทะเบียนคู่สมรส โดยกระทรวงยุติธรรมจะรับผิดชอบดำเนินการจดทะเบียนคู่ชีวิต ตามร่างพระราชบัญญัติการจดทะเบียนคู่ชีวิต พ.ศ. .... คู่ขนานไปกับการจดทะเบียนคู่สมรส ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งดำเนินการโดยกระทรวงมหาดไทย
๒.การกำหนดความสัมพันธ์ฉันคู่ชีวิต โดยเทียบเคียงกับการกำหนดความสัมพันธ์ฉันคู่สมรสประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กล่าวคือกำหนดให้คู่ชีวิตต้องมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูซึ่งกันและกันตามความสามารถและฐานะของตน เพราะบุคคลที่เป็นคู่ชีวิตจะเป็นผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันเลี้ยงดูอุปการะซึ่งกันและกัน ทั้งยามเจ็บป่วยและยามชรา
๓.การจัดระบบทรัพย์สินระหว่างคู่ชีวิต ดังที่มาตรา ๒๒ได้กำหนดว่า “ทรัพย์สินคู่ชีวิต นอกจากที่ได้แยกไว้เป็นสินส่วนตัวย่อมเป็นทรัพย์สินร่วมกันของคู่ชีวิต” นอกจากนี้ ยังกำหนดหนี้สินร่วมกันระหว่างคู่ชีวิต รวมทั้งการทำพินัยกรรมและการจัดการมรดกเพื่อให้คู่ชีวิตมีสิทธิรับมรดกเช่นเดียวกับคู่สมรส ทั้งนี้ ได้เทียบเคียงกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทั้งนี้ เพื่อมิให้เกิดปัญหาการขัดกันของกฎหมาย
๔.การสิ้นสุดของการเป็นคู่ชีวิตดังที่ปรากฏในมาตรา ๕๗ได้กำหนดว่า “การเป็นคู่ชีวิตย่อมสิ้นสุดลงด้วยความตาย การยุติการเป็นคู่ชีวิต หรือศาลพิพากษาให้เพิกถอน”
ผู้แทนสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลว่าในส่วนของสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์การสาธารณะประโยชน์ที่มีเครือข่ายเข้มแข็งในการดำเนินงาน เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศอย่างยั่งยืน และสร้างความเข้าใจอันดีในเรื่องความหลากหลายทางเพศทั้งในประเทศและระดับสากล โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดกลไกการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและกฎหมายแก่ประชากรคนที่มีความหลากหลายทางเพศ รวมทั้งสร้างทัศนคติและเผยแพร่ความเป็นธรรมในสังคม ไม่มีการตีตราและเลือกปฏิบัติให้อยู่บนพื้นฐานการเคารพสิทธิมนุษยชน ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติการจดทะเบียนคู่ชีวิต พ.ศ. .... ประกอบกับปัจจุบันความคิดเห็นของภาคประชาชนส่วนหนึ่งเสนอให้มีการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๔๘ ด้วยการปรับปรุงแก้ไขคำว่า “บุคคล” แทนคำว่า “ชายหญิง” ที่ใช้อยู่เดิม แต่เนื่องจากเห็นว่ากระบวนการแก้ไขปรับปรุงประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ดังกล่าว อาจส่งผลกระทบในวงกว้าง จึงเห็นด้วยกับการเสนอร่างพระราชบัญญัติการจดทะเบียนคู่ชีวิต พ.ศ. .... ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้กับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ อย่างไรก็ดี หากการบังคับใช้กฎหมายฉบับดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ก็อาจนำไปสู่การพัฒนากฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นตามลำดับต่อไป
ข้อคิดเห็นที่ประชุม ดังนี้
๑.ควรพิจารณาความซ้ำซ้อนในการดำเนินการรับจดทะเบียนระหว่างกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งระบบการตรวจสอบความถูกต้องของการดำเนินการ
๒.กรณีหมวด ๓ ทรัพย์สินและมรดกของคู่ชีวิต ในมาตรา ๓๓ ที่กำหนดว่า “ถ้าคู่ชีวิตฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งซึ่งมีอำนาจจัดการทรัพย์สินคู่ชีวิต(๑) จัดการทรัพย์สินคู่ชีวิตเป็นที่เสียหายถึงขนาด(๒) ไม่อุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่ง(๓) มีหนี้สินล้นพ้นตัว หรือ หนี้เกินกึ่งหนึ่งของทรัพย์สินคู่ชีวิต(๔) ขัดขวางการจัดการทรัพย์สินคู่ชีวิตของอีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร (๕) มีพฤติการณ์ปรากฏว่าจะทำความหายนะให้แก่ทรัพย์สินคู่ชีวิต อีกฝ่ายหนึ่งอาจร้องขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้ตนเป็นผู้จัดการทรัพย์สินคู่ชีวิตแต่ผู้เดียวหรือสั่งให้แยกทรัพย์สินคู่ชีวิตได้” สามารถเทียบเคียงกับกรณีทรัพย์สินของคู่สมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือไม่
๓.ปัจจุบันมีกฎหมายฉบับใดรับรองความหมายหรือกำหนดคำนิยามของ “บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ” ที่ชัดเจน หรือไม่
๔.ควรให้มีการเปิดเวทีในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตามขั้นตอนและกระบวนการตรากฎหมายตามที่รัฐธรรมนูญแห่งอาณาจักรไทย มาตรา ๗๗ ด้วยการรับฟังข้อเสนอแนะและรวบรวมข้อเสนอจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปสู่การร่างกฎหมาย ทั้งนี้ควรทำเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง
๕.ควรให้พิจารณาผลกระทบด้านต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นให้ครอบคลุมทุกมิติ เช่น มิติด้านกฎหมาย โดยพิจารณาทบทวนประเด็นปัญหาเรื่องการขัดกันของกฎหมายอื่น เช่น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ ๕ ว่าด้วยครอบครัว และบรรพ ๖ ว่าด้วยมรดก เป็นต้น รวมทั้งพิจารณาเทียบเคียงระบบของกฎหมายต่างประเทศ และมิติผลกระทบทางด้านศาสนาและวัฒนธรรม เพื่อให้เกิดความถูกต้อง ครอบคลุม และครบถ้วน
๖.กรณีชายหญิงอยู่ด้วยกันแต่มิได้จดทะเบียนสมรสกันจะไม่ถือว่าเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่คำพิพากษาศาลฎีกาได้ตีความในกรณีดังกล่าวว่าเป็นหุ้นส่วนกัน ทั้งนี้ ในกรณีดังกล่าวสามารถเทียบเคียงกับร่างพระราชบัญญัติการจดทะเบียนคู่ชีวิต พ.ศ. .... หรือไม่
สุดท้าย ผู้แทนจากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวว่าในอดีตรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ รวมทั้งมีการบันทึกในเจตนารมณ์ของกฎหมายไว้ว่า คำว่า “เพศ” ให้หมายรวมถึงกลุ่มบุคคลที่มีวิถีทางเพศหรือรสนิยมทางเพศ (Sexual Orientation) หรืออัตลักษณ์ทางเพศ (Gender Identity) ซึ่งหมายถึงบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศนั้นเอง แต่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มิได้บัญญัติไว้ นอกจากนี้ ความหมายของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ยังเป็นไปตามข้อกำหนดคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติว่าด้วยการกำหนดบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเป้าหมายเป็นผู้รับบริการสวัสดิการสังคม พ.ศ.๒๕๕๕ ข้อ ๕๑ ว่าบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ หมายถึง บุคคลที่มีรสนิยมทางเพศ หรือมีความพึงพอใจทางเพศและหรือมีลักษณะการแสดงออกทางเพศในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ รักเพศเดียวกัน รักสองเพศ คนข้ามเพศ คนที่มีลักษณะเพศทางชีววิทยาไม่ชัดเจน และกลุ่มคนที่มีลักษณะทางเพศที่อาจทำให้ได้รับผลกระทบทางสังคม และสอดคล้องกับแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ (พ.ศ.๒๕๕๗-๒๕๖๑) ซึ่งได้กำหนดข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติการในการส่งเสริมการออกกฎหมายเพื่อรับรองสิทธิกับทุกชีวิตอย่างเท่าเทียม เพื่อรองรับความหลากหลายทางเพศในสังคม รวมทั้งการรับรองสิทธิของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศได้ปรากฏในหลักการยอกยาการ์ตาค.ศ.๒๐๐๖ โดยได้ระบุถึงวิถีทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศว่าเป็นลักษณะสำคัญของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ร่างพระราชบัญญัติการจดทะเบียนคู่ชีวิต พ.ศ. .... ได้กำหนดสิทธิเฉพาะในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคู่ชีวิต การจัดระบบทรัพย์สินระหว่างคู่ชีวิต และมรดก แต่ยังไม่ครอบคลุมถึงสิทธิในการรับสวัสดิการต่างๆ จากรัฐ รวมทั้งสิทธิด้านภาษี
สถานะของร่างพระราชบัญญัติ ขณะนี้ได้นำเสนอร่างพระราชบัญญัติการจดทะเบียนคู่ชีวิต พ.ศ. .... ต่อคณะกรรมการพัฒนากฎหมายของกระทรวงยุติธรรม และที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการเบื้องต้น แต่เห็นควรให้พิจารณาศึกษารายละเอียดให้มีความรอบคอบ ครอบคลุมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น
หากร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวการพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว จะต้องกำหนดให้มีการเปิดเวทีในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตามขั้นตอนและกระบวนการตรากฎหมายตามที่รัฐธรรมนูญแห่งอาณาจักรไทยมาตรา ๗๗ ด้วยการรับฟังข้อเสนอแนะและรวบรวมข้อเสนอจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและนำมาประกอบการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติอีกครั้ง และเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนากฎหมายในระดับกระทรวงต่อไป และเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเห็นชอบ และส่งต่อไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามลำดับต่อไป
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่คณะกรรมาธิการการสังคม เด็กเยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โทร.๐ ๒๘๓๑ ๙๒๒๕-๖ โทรสาร ๐ ๒๘๓๑ ๙๒๒๖
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ถนนอู่ทองใน ดุสิต กทม. 10300 email : dek_senate@hotmail.co.th หรือ Facebook: กมธ.พัฒนาสังคม หรือ กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็กฯ วุฒิสภา โทร.02-831-9225-6 แฟกซ์ 02-831-9226
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี