เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมได้ให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมอง โรคอัมพฤกษ์ อัมพาตไปแล้ว แต่ยังไม่ได้เน้นเรื่องการรักษาพยาบาล วันนี้จึงขอให้ข้อมูลเพิ่มเติม
เมื่อหลอดเลือดสมองอุดตันจะทำให้เซลล์สมองไม่ได้รับเลือด หรือรับไม่เพียงพอ ทุกนาทีมีความหมาย ฉะนั้นต้องรีบไปถึงโรงพยาบาลที่มีศักยภาพ เช่น โรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ สถาบันประสาทวิทยา ภายใน 4 ชั่วโมงหลังมีอาการ ยิ่งไปเร็วยิ่งดี เพราะแพทย์จะรีบวินิจฉัย เมื่อทราบว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบและอุดตัน การฉีดยาละลายลิ่มเลือดจะช่วย อาจทำให้หายเป็นปกติ แต่ถ้าไปช้า โอกาสที่จะหายขาดมีน้อยลง และอาจมีอันตรายจากการฉีดยา แพทย์จะต้องวินิจฉัยให้ได้ว่า 1) เป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบและอุดตัน หรือโรคหลอดเลือดสมองแตก ถ้าตีบและอุดตัน จึงใช้ยาละลายได้ ถ้าเป็นโรคหลอดเลือดแตก ห้ามฉีดยาละลายเลือด เพราะจะยิ่งทำให้เลือดออกมาก ถ้าเซลล์สมองไม่ได้เลือด (อาหารและออกซิเจน) เซลล์จะตาย หรือมีความพิการ ทุกนาทีจึงมีความหมาย
โรคหลอดเลือดสมองจำแนกได้ 3 แบบ คือ 1) ภาวะที่สมองขาดเลือดชั่วคราว (transient ischemic attack - TIA) ผู้ป่วยจะมีอาการสมองทำงานผิดปกติช่วงระยะเวลาหนึ่ง และกลับคืนมาเป็นปกติ มักภายใน 24 ชั่วโมง ผู้ที่มีหลอดเลือดสมองตีบและอุดตัน อาจมีอาการชาที่ปาก แขน และขา หรือกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง ฯลฯ ซึ่งอาการเหล่านี้จะเป็นอาการเตือนของโรคหลอดเลือดสมอง ถึงแม้อาการหายไปควรรีบไปพบแพทย์เพื่อป้องกันการกลับมาใหม่ของโรค 2) โรคสมองขาดเลือดจากหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (ischemic stroke) เกิดจาก 2 กลไก คือ 2.1) เกิดจากหลอดเลือดตีบ ทำให้เลือดไหลผ่านไม่ได้2.2) เกิดจากลิ่มเลือดหลุดลอยมาตามกระแสเลือดแล้วมาอุดกั้นหลอดเลือดสมองอย่างเฉียบพลัน และ 3) โรคหลอดเลือดสมองแตก (hemorrhagic stroke) เกิดจากการมีหลอดเลือดแตกในสมอง โดยอาจเกิดจากการมีความดันโลหิตสูง หรืออาจเกิดจากหลอดเลือดสมองโป่งพองผิดปกติ
จากข้อมูลของสถาบันประสาทวิทยา กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่าสถานการณ์ของโรคหลอดเลือดสมอง ในปี ค.ศ.2010 ทั่วโลกมีประชากรที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง จำนวน 16.9 ล้านคน และในทุกปีจะมีจำนวนประชากรที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้นตามลำดับ เนื่องจากประชากรมีอายุยืนขึ้น ร้อยละ 69 ของประชากรที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองจะอยู่ในประเทศที่มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง ประเทศสหรัฐอเมริกาในแต่ละปีจะมีผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 700,000 คน และต้องสูญเสียเงินในการดูแลคนไข้โรคหลอดเลือดสมองเป็นจำนวนมาก
อัตราการตายด้วยโรคหลอดเลือดสมองของประชากรโลก โรคหลอดเลือดสมองเป็นโรคที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเป็นอันดับที่สองของโลก ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองรายใหม่มีโอกาสที่จะเสียชีวิต
โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุของความพิการของประชากรโลก คือเป็นโรคอันดับที่ 3 ที่ก่อให้เกิดความพิการโดยวัดจากดัชนีวัดความสูญเสียทางสุขภาพ (DALY) ระหว่างปี ค.ศ.1990-2010 จะมีความพิการที่เกิดจากโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 องค์การอนามัยโลกได้จัดทำดัชนีความสูญเสียด้านสุขภาพจากโรคหลอดเลือดสมอง โดยในปี ค.ศ.1990โรคนี้ทำให้มีผู้พิการจำนวน 38 ล้านคน และในปี ค.ศ.2020 คาดว่าจะมีผู้พิการเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 61 ล้านคน
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
ฉะนั้นจะต้องติดตามการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองอย่างต่อเนื่อง เพราะหากดูแลผู้ป่วยไม่ต่อเนื่อง จะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองกลับมาเป็นได้อีก และภายในระยะเวลา 1 ปีหลังการรักษา จากสถิติพบว่าอัตรา 1/3 ของผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องจะเกิดการเสียชีวิต
การรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบและอุดตันดีขึ้นมากตั้งแต่มีการตั้ง Stroke Unit หรือหน่วย อัมพฤกษ์อัมพาต หรือจะพูดได้ว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ในโรงพยาบาลใหญ่ๆ เช่น โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย สถาบันประสาทวิทยา ของกระทรวงสาธารณสุข ฯลฯ จะมี fast tract หรือทางด่วนในการวินิจฉัย รักษา เพราะโรคนี้แพทย์ พยาบาลต้องแข่งกับเวลา ต้องวินิจฉัยให้ได้จากประวัติ การตรวจร่างกาย และการทำ computer scan (CT) ซึ่งจะสามารถบอกได้ว่าอาการต่างๆ เหล่านี้เกิดจากโรคหลอดเลือดตีบและอุดตัน หรือจากเลือดออกในสมอง ซึ่งการรักษาไม่เหมือนกัน ปัญหาคือผู้ป่วยต้องไปถึงโรงพยาบาลไม่ช้ากว่า4 ชม. หลังเริ่มมีอาการ แต่ยิ่งเร็วยิ่งดี อาการคือปากเบี้ยว พูดไม่ได้ พูดไม่ชัด แขน หรือขาไม่มีแรง ต้องรีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน ถ้าไม่มีญาติอยู่ที่จะพาไปโรงพยาบาลได้ ใครก็ได้ควรโทร.เรียก 1669
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี