ผมคิดว่าพวกเราทุกๆ คน รวมทั้งชาวโลกที่ติดตามข่าวเกี่ยวกับ ถ้ำหลวง ต่างก็ได้ความคิดต่างๆ จากเหตุการณ์ที่ถ้ำหลวง ผมขอเขียนประเด็นต่างๆ ที่ผมได้ข้อคิดลงไว้ก่อน แล้วผมจะค่อยๆ เขียนแต่ละหัวข้อในโอกาสต่อไป ประเด็นแรกที่ผมอยากย้ำคือ การเรียนรู้ทางด้านภาษาอังกฤษ ความสำคัญของการว่ายน้ำเป็น ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากของประเทศไทย โดยเฉพาะในวัยเด็กๆ การสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ การเตือน การเตรียมตัวของการที่จะเข้าไปในถ้ำ (หรืออื่นๆ) ความเป็นผู้นำ ความสามัคคี การทำงานร่วมกัน การมอบงานให้เหมาะสมกับความสามารถของคน การขึ้นทะเบียนของผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน การใช้สติปัญญาในยามฉุกเฉิน การคิดใน นอก กรอบ ฯลฯ
สำหรับผม ซึ่งพูด เขียน มานานแล้วว่า ภาษาอังกฤษมีความสำคัญมากต่อชีวิตความก้าวหน้าของพวกเรา ผมถึงกับแนะนำให้ลูกศิษย์ (แพทย์ประจำบ้าน ภาควิชาอายุรศาสตร์ ปีที่ 2 ที่มีอายุประมาณ 28 ปี ยังไม่แต่งงาน มีรายได้ประมาณ 28,000-30,000 บาทต่อเดือน) ส่งลูกตั้งแต่อายุประมาณ 10 ขวบ(ตอนนั้นลูกศิษย์ผมจะมีอายุประมาณ 40 ปี น่าที่จะมีฐานะดีพอแล้ว) ให้ไปเรียนภาษาอังกฤษที่อังกฤษในช่วงปิดเทอมหน้าร้อน ที่ผมแนะนำอย่างนี้ เพราะว่า ถ้าเราจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศไทย ถ้าคะแนนภาษาอังกฤษของเราได้เกือบ 100% เราจะมีโอกาสดีกว่าคนอื่นๆ ที่อาจสอบได้เพียง 50-60% พูดง่ายๆ ภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆ “ซื้อได้” ทั้งนี้ต้องดูเด็กด้วยว่าโต มี EQ พอที่จะไปต่างประเทศหรือยัง แต่สมัยนี้การไปมักไปเป็นกลุ่ม และอาจมีครูติดไปด้วย แต่พอไปถึงอาจแยกห้องนอน ห้องเรียน กับเด็กไทยอื่นๆ ช่วงเช้าเรียนวิชาต่างๆ ภาคบ่ายโรงเรียนมักพาไปเที่ยว เด็กๆ จะได้ความรู้ทางด้านภาษาอังกฤษ ทางด้านวิชาต่างๆ เช่น เลข วิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ และยังได้เที่ยว ได้เปิดหูเปิดตา อีกด้วย เด็กๆ จะมีเพื่อนต่างชาติ ซึ่งถ้าโชคดี จะได้เป็นเพื่อนที่ดีไปตลอดชีวิต เด็กจะมีประสบการณ์ในหลายๆ ด้าน รวมทั้งมีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น
ถ้าทำอย่างนี้ได้ตั้งแต่เด็กอายุ 10 ขวบ ทำทุกปี 4-5 ปี ภาษาอังกฤษจะดีขึ้นอย่างแน่นอน และถ้ากลัวว่าลูกจะสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมไม่ได้ หรือสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ก็อาจอยู่ประเทศไทยในช่วง 2-3 ปีก่อนเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อติวให้มีโอกาสดียิ่งขึ้นในการเข้ามหาวิทยาลัย ผมเองไม่ชอบระบบที่มีการติว นอกโรงเรียน ไปเรียนพิเศษ ฯลฯ แต่ยอมรับว่าอาจต้องติวเพราะโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศยังมีมาตรฐาน คุณภาพไม่เท่ากัน เช่น บางโรงเรียนในต่างจังหวัด อาจมีโอกาสน้อยที่จะเข้ามหาวิทยาลัยโดยตรง จึงต้องย้ายโรงเรียนมาเรียนที่กรุงเทพฯ หรือมาติวช่วงปิดเทอมใหญ่ ฉะนั้นปัญหาคือ คนอื่นเขาติวกันทั้งนั้น ลูกเราไม่ติวอาจสู้เขาไม่ได้ ทุกๆ คนส่วนใหญ่จึงติวกันใหญ่ ที่อังกฤษ ผมไม่เห็นมีการติวกันนอกโรงเรียนเลย จะติวก็ในโรงเรียนเท่านั้น เฉพาะเด็กที่อ่อน หรือเด็กที่เก่งเป็นพิเศษ พวกที่เป็น Scholar (เด็กทุน) ที่ติวเพื่อเข้า Oxford Cambridge ฯลฯ ผมอยากให้ประเทศไทยมีโรงเรียนที่ได้มาตรฐาน กระจายอยู่ทั่วประเทศ ที่มีคุณภาพ มาตรฐานเดียว เท่าเทียมกัน ถ้าเป็นอย่างนี้ คนส่วนใหญ่จะได้ไม่ต้องส่งลูกมาเรียนที่กรุงเทพฯ ถ้าพ่อแม่อยู่ต่างจังหวัด เพราะการทำเช่นนี้จะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ต้องมีคอนโดฯอยู่ที่กรุงเทพฯ ค่าใช้จ่ายต่างๆ อีกมาก
ผมอยากให้รัฐบาลสนับสนุนให้โรงเรียนทุกโรงเรียนเล่นกีฬาทุกวัน อยากให้รัฐบาลสนับสนุนให้มีโรงเรียนประจำมากกว่านี้ ที่กระจายไปทั่วประเทศ และโรงเรียนต่างๆ มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเล่นกีฬาทุกประเภท และให้เด็กๆ เล่นกีฬาทุกวัน ผมเคยอยู่โรงเรียนประจำที่ North Wales, UK ซึ่งเป็นโรงเรียนที่อ่อนทางด้านวิชาการมาก อยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆ คือ Ruabon จังหวัด หรือที่อังกฤษเรียกว่า County, Denbighshire โรงเรียนเป็นปราสาทเก่า ชื่อ Wynnstay Hall (ชื่อของเจ้าของเก่า ท่าน Sir Watkin William Wynn) ที่มีเด็กเรียนเพียง 100 กว่าคน อยู่บนเนินเขา มีทะเลสาบเล็กๆ อยู่ติดกับโรงเรียน มีหงศ์ขาว 1 คู่ ถึงแม้เป็นโรงเรียนเล็กๆ ไม่ดังทางด้านวิชาการ แต่เขายังมีสนามรักบี้ 2-3 สนาม มีสนามเทนนิสที่ทำด้วย Clay มีสระว่ายน้ำที่ทำที่กั้นน้ำขวางลำธารที่เป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำ Dee จนกลายเป็นบ่อว่ายน้ำ (ที่เย็นเจี๊ยบ เพราะน้ำไหลอยู่ตลอดเวลา) สิ่งที่ผมชอบมากๆ ของโรงเรียนนี้มีอยู่อย่างน้อย 2 อย่าง ที่ไม่รวมถึงอากาศอันแสนบริสุทธิ์ คือ หนึ่ง มีการเล่นกีฬาทุกบ่าย สอง หลังอาหารกลางวันก่อนเล่นกีฬา ตั้งแต่ 13.00-14.00 น. ทุกๆ คนต้องเข้าห้องเรียน อ่านหนังสือ แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามอ่านหนังสือเรียน!! ต้องอ่านหนังสืออ่านเล่นที่เอามาจากห้องสมุดเท่านั้น นี่ก็คือการฝึกให้เด็กๆ ชอบอ่านหนังสือ ผมเลยติดนิสัยนี้มาตั้งแต่นั้นจนบัดนี้ ผมชอบอ่านมาก ซื้อหนังสือมาก บ้านผมมีหนังสือเป็นพันเล่มหรือกว่า แจกไปตลอดเวลาก็เยอะ ยังเหลือก็อีกมาก ยอมรับว่าปัจจุบันนี้ซื้อน้อยกว่าเก่ามาก เพราะอ่านได้จาก Internet ฯลฯ
ถ้ารัฐบาลสนับสนุนให้ทุกโรงเรียนเล่นกีฬา อ่านหนังสืออ่านเล่นทุกวัน และให้มีโรงเรียนประจำที่ดีทั่วประเทศ จะมีผลดีต่อการศึกษา สุขภาพพลานามัย และการกีฬาเป็นอย่างยิ่ง เราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี ลดค่าใช้จ่ายทางด้านสาธารณสุข และยังจะมีโอกาสที่จะได้เหรียญต่างๆ มากยิ่งขึ้นในการแข่งขัน Olympic Games ฯลฯ (เราไม่ควรพอใจอีกแล้วต่อการเป็นเจ้า SEA Games ตลอดเวลา!!)
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี