ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีทางรังสีมาใช้ในการรักษามะเร็งตับหลายวิธีนอกเหนือไปจากการผ่าตัดมะเร็งตับ ได้แก่ 1.การรักษามะเร็งด้วยเข็มความร้อน (Radiofrequency Ablation) ก้อนเนื้อหรือมะเร็งตับ ส่วนใหญ่ไม่สามารถทำการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดเพราะผู้ป่วยอาจมีภาวะตับแข็ง หรือภาวะตับอักเสบร่วมด้วย การรักษาที่ได้ผลส่วนใหญ่ คือ การรักษาผ่านหลอดเลือดโดยการให้ยาเคมี และสารอุดกั้นหลอดเลือด ปัจจุบันการรักษาก้อนเนื้อ หรือมะเร็งตับที่มีขนาดเล็กกว่า 4-5 เซนติเมตร ที่ไม่สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดได้ วิธีการรักษาที่เรียกว่า Radiofrequency Ablation (RFA) ซึ่งเป็นการสอดเข็มขนาดเล็กเข้าไปในตับเพื่อให้ปลายเข็มวางอยู่ตำแหน่งของก้อนเนื้อ โดยอาศัยการนำทางด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรืออัลตราซาวนด์ จากนั้นจะให้พลังงานที่เรียกว่า Radio Frequency (RF) ผ่านเข็มเข้าสู่ก้อนเนื้อ ซึ่งจะทำให้เกิดความร้อนภายในตัวก้อนเนื้อโดยจะได้รับอุณหภูมิสูงเกือบ 100 องศาเซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 20-40 นาที(ขึ้นกับขนาดและจำนวนของตัวก้อนนั้น) วิธีการนี้ก็เปรียบเสมือนการเผาก้อนเนื้อในตับนั่นเอง ซึ่งมีผลกระทบต่อเนื้อตับส่วนดีน้อยที่สุด
การรักษาด้วยวิธี RFA มีข้อดี คือ ไม่ต้องผ่าตัด เพียงแต่ใช้ยาชาเฉพาะที่ หรือใช้ยานอนหลับในปริมาณเล็กน้อย ใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาล 1-2 วันเท่านั้น ปัจจุบันใช้ในการรักษามะเร็งตับ มะเร็งชนิดอื่นที่แพร่กระจายมาที่ตับ หรือกระทั่งมะเร็งปอดในบางกรณี
2.การรักษามะเร็งตับด้วยวิธีผ่านหลอดเลือด โรคมะเร็งตับส่วนใหญ่ไม่สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดได้ มีผู้ป่วยเพียงร้อยละ 10-20 เท่านั้นที่มีโอกาสเข้าสู่การผ่าตัด หรือการเปลี่ยนตับ หากก้อนเนื้อมีขนาดเล็กกว่า 4-5 ซม. สามารถใช้วิธีการฝังเข็มความร้อนที่เรียกว่า RF แต่หากก้อนมีขนาดมากกว่านั้น หรือมีจำนวนหลายก้อน สามารถใช้วิธีการรักษาที่เรียกว่าTOCE ซึ่งเป็นวิธีการไม่ผ่าตัดเช่นกัน แต่เป็นการสอดท่อเล็กๆ ที่เรียกว่าสายสวน (Catheter) นั่นเอง
การเตรียมตัว : ส่วนใหญ่แพทย์จะให้ผู้ป่วยเข้ามารับการเตรียมตัวที่โรงพยาบาล จะต้องมีการงดอาหารล่วงหน้าอย่างน้อย 4 ชั่วโมง จะมีการเจาะเลือดเพื่อตรวจดูความพร้อมของตับไต และการแข็งตัวของเลือด รวมทั้งความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดและเกล็ดเลือด ผู้ป่วยจะได้รับน้ำเกลือ และอาจได้รับเลือดในบางกรณี พยาบาลจะทำการโกนขนบริเวณขาหนีบตรงจุดที่จะมีการฉีดยาชา และใส่สายสวน และจะฉีดยาปฏิชีวนะแก่ผู้ป่วยก่อนการรักษา หากท่านเคยแพ้ยาหรือแพ้อาหารทะเล โปรดแจ้งกับแพทย์หรือพยาบาลทุกครั้ง การรักษาด้วยวิธีนี้ ส่วนมากจะมีอาการเจ็บปวดน้อยมาก ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้วิธีดมยาสลบแต่อย่างใด ท่านอาจได้รับเพียงยาแก้ปวดหรือยานอนหลับก่อนเวลารักษาเท่านั้น
วิธีการรักษา : ท่านจะถูกส่งตัวไปยังห้องตรวจเอกซ์เรย์หลอดเลือดซึ่งเป็นห้องที่สะอาดปลอดเชื้อ ภายในห้องจะมีเครื่องเอกซเรย์หลอดเลือดที่มีลักษณะเป็นตัว C ขนาดใหญ่ เมื่อแพทย์ทำความสะอาดด้วยวิธีไร้เชื้อแล้ว แพทย์จะเริ่มต้นด้วยการฉีดยาชาเฉพาะที่ ที่ขาหนีบด้านขวา จากนั้นจะทำการใส่สายสวนขนาดเล็ก (เส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่า 2 มม.) เข้าไปในหลอดเลือดแดง และจะใช้วิธีการเอกซเรย์หลอดเลือดช่วยในการนำทางสายสวนเข้าไปในหลอดเลือดแดงของตับ และเมื่อตรวจพบเส้นเลือดที่ผิดปกติ แพทย์จะฉีดยาที่มีส่วนผสมพิเศษ ซึ่งจะจับตัวอยู่เฉพาะที่ และสามารถทำให้ก้อนเนื้อย่อตัวลง จากนั้นทำการฉีดสารอุดกั้นหลอดเลือดเพื่อลดปริมาณเลือด (ซึ่งก็คือ สารอาหารและออกซิเจน) ที่จะไปเลี้ยงก้อนเนื้อเมื่อให้ยาเสร็จแล้ว แพทย์จะดึงสายสวนออกจากร่างกาย และกดตรงบริเวณขาหนีบประมาณ 10 นาที ซึ่งแผลจากการตรวจจะมีขนาดเล็กมาก และไม่มีรอยเย็บแต่อย่างใด
การปฏิบัติตัวหลังการตรวจ : ผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำให้นอนอยู่บนเตียง และเหยียดขาด้านที่มีรอยใส่สายสวน เป็นเวลา 6 ชั่วโมง อาจได้รับอนุญาตให้รับประทานน้ำ และอาหารได้หากไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนการปัสสาวะ และอุจจาระ ยังคงต้องทำบนเตียงในระหว่าง 6 ชั่วโมงนั้น พยาบาลจะเปลี่ยนผ้าพันแผล บริเวณขาหนีบให้ในวันรุ่งขึ้น หากผู้ป่วยมีอาการปวดแผลหรือปวดท้อง สามารถขอยาจากเจ้าหน้าที่พยาบาล ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ ซึ่งถ้ามีอาการมากสามารถขอยาแก้คลื่นไส้อาเจียนได้
ผลข้างเคียงจากการรักษา : ส่วนมากแล้วค่อนข้างปลอดภัย ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยได้แก่ อาการไข้หลังการรักษา 1-2 วัน ซึ่งพบได้ประมาณร้อยละ 40 อาจมีอาการจุกแน่นบริเวณช่องท้องข้างบน ในบางรายอาจมีอาการปวดบวมบริเวณขาหนีบ บริเวณที่มีการใส่สายสวน ซึ่งมักจะหายได้เองในสัปดาห์แรก
ต้องทำบ่อยแค่ไหน : โดยเฉลี่ยจะทำการรักษา 2 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 1 เดือน โดยก่อนการรักษาครั้งที่ 2 จะมีการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อประเมินการตัดสินใจ และอาจมีการใช้วิธีการรักษาอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การใช้เข็มความร้อน RF
3.การรักษามะเร็งตับด้วยไมโครเวฟ เป็นการรักษาโดยใช้เครื่องมือแพทย์ชนิดหนึ่งที่นำพลังงานคลื่นไมโครเวฟที่พัฒนาเป็นเข็มขนาดใหญ่ที่ใช้สอดหรือฝังเข้าไปในก้อนมะเร็งผ่านเเผลเล็กๆ ขนาด 2-3 มม. ที่ผิวหนังโดยอาศัยเครื่องมือที่ทำให้เห็นภาพก้อนเนื้อจากภายนอกเช่นเครื่องอัลตราซาวด์หรือ ซีที สเเกน เป็นตัวนำทางให้สามารถสอดเข็มเข้าไปในอวัยวะที่มีก้อนเนื้อเช่น ตับ ไต ปอด โดยที่ปลายของเข็มมีระบบบที่สามารถปล่อยพลังงานไมโครเวฟที่สร้างความร้อนระดับ 90-100 องศา ทำให้ก้อนเนื้อเกิดการเผาไหม้และตายอย่างสมบูรณ์ โดยซากของเนื้อตายภายในอวัยวะก็จะกลายเป็นแผลเป็น(จริงๆ น่าจะเรียกว่าแผลตายมากกว่า)
วิธีการนี้สามารถนำมาใช้ในการรักษามะเร็งชนิดที่เป็นก้อน (solid) ที่มีขนาดไม่เกิน 4-5 ซม. เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในการรักษามะเร็งตับและมะเร็งปอดเเบบที่ผ่าตัดไม่ได้
ข้อดีอย่างมากคือแผลเล็กมาก หายไว เจ็บน้อย นอนโรงพยาบาลแค่คืนเดียวและค่าใช้จ่ายยังไม่สูงเมื่อเทียบกับการผ่าตัดตับแบบเก่าที่ต้องเปิดท้องตัดทำลายเนื้อตับเป็นปริมาณมากๆ ซึ่งมีความเสี่ยงสูง
ปัจจุบันการรักษามะเร็งโดยการใช้เข็มไมโครเวฟ แพร่หลายมากขึ้นในบ้านเรา แต่ยังมีข้อจำกัดตรงที่แพทย์ที่เชี่ยวชาญโดยเฉพาะแพทย์ด้านรังสีร่วมรักษาหรือศัลยกรรมยังมีจำนวนไม่มากนัก
4. การรักษามะเร็งตับด้วยการฉีดสารกัมมันตภาพรังสี เป็นวิธีที่ค่อนข้างใหม่ เหมาะสมกับมะเร็งตับที่มีการลุกลามเข้าไปในหลอดเลือดดำของตับ(แต่การทำงานของตับยังพอใช้ได้อยู่) หลักการรักษาคล้ายกับการทำTOCE หรือ TACE คือมีการสอดสายสวนเข้าไปในหลอดเลือดแดงของตับที่เลี้ยงก้อนเนื้อ แล้วทำการฉีดสารกัมมันตภาพรังสีที่เรียกว่า Yttrium (ยิตเทรียม)เข้าไป ซึ่งสารดังกล่าวจะปล่อยรังสีชนิดเบต้า ตรงก้อนเนื้อและออกฤทธิ์ในช่วงไม่กี่ชั่วโมง จากนั้นจะสลายตัวไปเอง ไม่มีการตกค้างอยู่ในร่างกาย
การรักษาวิธีนี้บางคนอาจเรียกว่า Radioembolization หรือ SIRT (Selective internal Radiation Therapy) ซึ่งอาจมีราคาค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเนื่องจากต้องนำเข้าสารกัมมันตภาพรังสี และอุปกรณ์จากต่างประเทศ เพื่อนำเข้ามาฉีดให้ผู้ป่วยเป็นรายๆ ไป ขั้นตอนการทำมีความยุ่งยากมากกว่าการรักษา TOCE โดยเฉพาะต้องมีการตรวจโดยการฉีดสีดูเส้นเลือดตับและทดสอบว่าสามารถทำการรักษาได้โดยไม่มีผลข้างเคียง เมื่อแน่ใจแล้วจึงจะมานอนโรงพยาบาลอีกครั้งในสัปดาห์ต่อมาเพื่อทำการรักษา
ผลข้างเคียงส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับทางเดินอาหาร เช่น ปวดทองคลื่นไส้ อาเจียนใน 1-2 วันแรกหลังการรักษา ส่วนผลการรักษาใกล้เคียงกับการรักษาด้วย TOCE แต่สามารถทำได้ในกรณีที่โรคได้กินเข้าในหลอดเลือดดำแล้ว ซึ่งไม่สามารถรักษาด้วยวิธี TOCE ได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี