21 ก.พ. 2561 นายจรัสโรจน์ บถดําริห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผังเมือง อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญการตั้งถิ่นฐานและการผังเมือง วุฒิสภา กล่าวกับผู้สื่อข่าว “แนวหน้าออนไลน์” ถึงสารพัดปัญหาของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ทั้งการจราจรติดขัด มลพิษทางอากาศ รวมถึงการทะเลาะวิวาทแย่งที่จอดรถ จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า กทม. แน่นเกินไปแล้วสมควรส่งเสริมให้คนย้ายออกไปบ้าง ว่าจริงๆ แล้วปัญหานั้นมาจากความบกพร่องในการบริหารจัดการของภาครัฐมากกว่า เพราะหลายเมืองในต่างประเทศมีประชากรมากกว่า กทม. เช่น เกาะฮ่องกง ก็ยังอยู่กันได้ดี
นายจรัสโรจน์ ระบุว่า ประเทศไทยมีกฎหมาย พ.ร.บ.จัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ.2547 แต่ที่ผ่านมาแทบไม่มีการนำมาใช้ โดยกฎหมายฉบับนี้มีสาระสำคัญคือส่งเสริมให้ภาคประชาชนซึ่งก็คือเจ้าของที่ดินเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบการใช้ประโยชน์พื้นที่ร่วมกับภาครัฐโดยไม่จำเป็นต้องเวนคืน แก้ปัญหาที่ดินตาบอดถูกทิ้งร้างไม่ใช้ประโยชน์ รวมถึงสามารถสร้างทางลัดตามตรอกซอกซอยต่างๆ ลดปัญหารถยนต์มาแออัดบนถนนสายหลักได้ด้วย ทั้งนี้ถนนใน กทม. ปัจจุบันมีเพียงร้อยละ 10 ของพื้นที่เท่านั้น ทั้งที่ควรมีถึงร้อยละ 30 ก็รู้สึกเสียดายที่ไม่ดำเนินการ
จรัสโรจน์ บถดําริห์
ส่วนกรณีที่มีผู้อธิบายข้อจำกัดการทำงานของ กทม. ว่าสาธารณูปโภคใน กทม. มีผู้รับผิดชอบหลายหน่วยงานทำให้ กทม. ไม่สามารถบริหารจัดการได้ทั้งหมดนั้น นายจรัสโรจน์ ชี้ว่านี่คืออีกปัญหาที่สำคัญมากของประเทศไทย เพราะที่ผ่านมาไม่เคยใส่ความคิดที่ว่าประโยชน์สาธารณะต้องมาก่อน ส่งผลให้แต่ละหน่วยงานยึดติดแต่ภารกิจหน้าที่ของหน่วยงานตนเอง แล้วก็เกิดข้อขัดแย้งกับหน่วยงานอื่นๆ ไม่สามารถทำงานข้ามกระทรวงหรือแม้กระทรวงเดียวกันแต่ข้ามกรม สุดท้ายผู้ได้รับผลกระทบก็คือประชาชน
“จะทำให้ซอยเชื่อมกันมันทำได้ เขามีแผนมาตั้งเป็นสิบปีแล้ว ให้ซอยเชื่อมกัน ข้ามคลองทะลุกันเต็มไปหมดเลย ผมเคยเห็นแผนชิ้นนี้ เขาทำ 200-300 ซอยเชื่อมกันหมด รถก็จะไม่ต้องมาวิ่งบนถนนใหญ่ ก็จะวิ่งกันข้างใน ทำไมไม่ทำทางลัดกันให้เยอะๆ รถจะได้ไม่ติด แล้วที่บอกที่ดินไม่พอแย่งที่จอดรถกันก็เอากฎหมายจัดรูปที่ดินมาใช้ เปิดที่จอดรถหรือเปิดที่ค้าขาย แล้วให้เจ้าของที่ดินเขาได้ส่วนแบ่งประโยชน์บ้าง เท่านี้ประโยชน์สาธารณะก็เกิด ทุกคนวิน-วินหมด แต่ กทม. ทำไมไม่ทำ เจ้าของที่ดินเยอะแยะที่รู้ว่าถ้าซอยไม่ตันเขาจะได้ประโยชน์” นายจรัสโรจน์ กล่าว
สำหรับ พ.ร.บ.จัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ.2547 ระบุวัตถุประสงค์ในการออกกฎหมายฉบับดังกล่าวไว้ว่า ต้องการส่งเสริมให้ภาคเอกชนร่วมกับภาครัฐจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาสภาพที่อยู่อาศัย แหล่งธุรกิจ อุตสาหกรรมและเกษตรกรรม ปรับปรุงหรือจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมของเมืองและชนบทที่เสื่อมโทรม อันเป็นการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของชุมชนเมืองและชนบท โดยให้เอกชนหรือประชาชนผู้เป็นเจ้าของที่ดินรวมตัวกันในรูปสมาคม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
http://www.naewna.com/likesara/322023 (‘เสียสละได้ไหม?’อดีตอธิบดีคพ. แนะจำกัดใช้รถส่วนตัว3เดือนแก้ปัญหาฝุ่นเมืองกรุง : 20 ก.พ. 2561)
http://www.naewna.com/local/316395 (สับนโยบายคมนาคมไทยเอื้อรถส่วนตัวเป็นใหญ่ TDRIชี้ทำสังคมเหลื่อมล้ำ-เสี่ยงอุบัติเหตุ : 24 ม.ค. 2561)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี