สวัสดี...เบตง!วันนี้ยังโอเค 'จุดนัดพบ'แห่งใหม่ปลายด้ามขวาน
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ “ประชาสัมพันธ์เขต 8 กาญจนบุรี” ผู้ดูแลรับผิดชอบงานด้านประชาสัมพันธ์ ในพื้นที่ภาคกลางตอนบนถึงตอนล่าง 16 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี นนทบุรี ปทุมธานี สิงห์บุรี สระบุรี เพชรบุรี ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ชัยนาท ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรสงคราม นำคณะสื่อมวลชนจังหวัดละ 1 คน ประชาสัมพันธ์จังหวัดหรือตัวแทน 1 คน ไปศึกษาดูงานภาคใต้ในโครงการ “ใต้ร่มเย็น” หรือการนำสันติภาพ สู่ความสงบสุข ด้วยสันติวิธี ที่รัฐบาลมอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์ มอบให้สำนักงานประชาสัมพันธ์ทุกเขตในประเทศไทย จัดโครงการ “ใต้ร่มเย็น” ในต้นปีงบประมาณ
เหมือนเป็นการต่อยอดจากปี 2560 ที่มุ่งพื้นที่ จ.ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส แต่ปี 2561 มุ่งเน้นไปที่ “สงขลา-ยะลา” เพียง 2 จังหวัด โดย จ.ยะลา เน้นไปที่ “อำเภอเบตง” เต็มพิกัด ส่วน จ.สงขลา เน้นไปที่การท่องเที่ยวทางธุรกิจ การซื้อขายสินค้าพื้นบ้านพื้นเมืองเป็นกรณีพิเศษ
ทำไมต้องยะลา และทำไมต้อง “เบตง”.???
นั่นเป็นเพราะ “เบตง” กำลังเป็นเมืองที่ก้าวสู่การพัฒนาแบบ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” และถ้าประสบความสำเร็จเบตงจะเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยว และนักลงทุน จะเป็นเมืองที่ทำรายได้ เรื่องของการท่องเที่ยวต่อยอดจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ครอง “แชมป์” มานานหลายปี
“เบตง” กำลังจะเป็น “จุดนัดพบ” ของคนในประเทศและต่างปะเทศในไม่ช้านี้ เมื่อสร้าง “สนามบินพาณิชย์” แล้วเสร็จ โดยสนามบินเบตงก่อสร้างไปได้ประมาณ 20% เหลืออีก 80% จะเสร็จสมบูรณ์
ทำไมรัฐ จึงเลือกพัฒนา “เบตง” มากกว่าเมืองอื่นๆในเขต 3 จังหวัดภาคใต้ เพราะเบตงยังมี “ทรัพยากรธรรมชาติ” ที่ครบสมบูรณ์มาก ทั้งป่าไม้ แม่น้ำลำห้วย รวมทั้งภาคเกษตรและภาคประมง
ที่สำคัญ “เบตง” ยังเพียบพร้อม มีความปลอดภัยสูงถึง 80% ถ้าจะเปรียบเทียบกับเมืองอื่นๆของยะลา หรือปัตตานี และนราธิวาส
“ดำรง ดิสกุล” นายอำเภอเบตง กล่าวว่า “เบตง” เป็นอำเภอที่น่าอยู่ ผู้คนน่ารัก ผู้คนที่นี่คุยรู้เรื่อง และให้ความร่วมมือกับทางราชการด้วยดีเสมอมา ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีนเกิน 70% นอกนั้นเป็นไทยพุทธ และไทยมุสลิม ทุกฝ่ายอยู่กันอย่าง “สันติวิธี” เหมือนพี่น้องกัน อาศัยพึ่งพากันและกัน
ข้อสำคัญ คือ “ข้าราชการ ต้องเดินเข้าไปหาประชาชน” อย่าให้ประชาชนเดินมาหาข้าราชการ ยามเมื่อเขาทุกข์ร้อน เราต้องลงพื้นที่ แก้ไขปัญหาให้ เหมือนดังคำขวัญของกรมการปกครอง ที่ว่า “ประชาชนต้องมาก่อน” ยังใช้ได้ดีที่เบตง
“ดำรง” กล่าวอีกว่า สำหรับเกิดเหตุร้ายใน อ.เบตง เป็นการสร้างสถานการณ์ เพื่อตอบโต้รัฐ ที่รัฐเข้มงวด เรื่องความมั่นคง และความปลอดภัย จนประสบความสำเร็จ ทำให้ “ขบวนการโจรใต้” เจาะเข้าลำบาก จึงต้องสร้างสถานการณ์ เพื่อเรียกร้องให้ชาวโลกให้สนใจ แต่หารู้ไม่ว่ากำลังทำให้บ้านเมืองตัวเองเสียหาย เหมือนการจุดไฟ “เผาบ้านตัวเอง” ชัดๆ
“โมโหรัฐ โกรธรัฐ แต่ไปลงที่ประชาชน ไปลงที่ชาวบ้าน เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ตอนนี้ทาง อ.เบตง กำลังเรียกลูกหลานกลับบ้าน กลับมาพัฒนาช่วยกันพัฒนา อ.เบตง” ดำรง กล่าว
ด้าน “สมยศ เลิศลำยอง” นายกเทศมนตรีเทศบาลเบตง กล่าวว่า เดิมตนมีอาชีพเป็นเภสัชกร เมื่อลาออกแล้วก็มาเป็นผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ของจังหวัดยะลา ต่อมาพัฒนาตัวเองเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เพื่อช่วยชาวเบตง หวังให้เมืองเบตงมีความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ และชุมชนได้รับการพัฒนา เหมือนเมืองอื่นๆ เปรียบเทียบทำไมหาดใหญ่ จึงมีอิทธิพลมากกว่าสงขลา เพราะหาดใหญ่เจริญพัฒนาเรื่องธุรกิจการท่องเที่ยว จนประสบความสำเร็จ ทาง จ.ยะลา ก็เช่นกัน หากมุ่งไปพัฒนาแต่ตัวจังหวัดยะลา ไม่พัฒนา “รอบข้าง” เมืองจะเติบโตแบบ “หัวโต ขาลีบ” แล้วความมั่นคงจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อเมืองหลักยืนไม่อยู่ เหมือนอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวเสมอว่า...
จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เราจะก้าวไปพร้อมๆกัน!!!
นายกเทศมนตรีเทศบาลเบตง กล่าวด้วยว่า ความจริงพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้นั้น จ.ยะลา เป็นจังหวัดที่ มีปัญหาความมั่นคงน้อยที่สุด ที่หนักๆมากที่ผ่านมา คือ การบุกปล้นห้างสะดวกซื้อ และบุกรุกสถานที่ราชการ และการมุ่ง “เอาชีวิต” ของคนยะลาด้วยกันเอง ด้วยปัญหาส่วนตัว และความ “หลงผิด”
ส่วน “อภิชาญ ชาญปรีชา” ประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า โครงการใต้ร่มเย็น หรือการนำความสุขสงบโดยสันติวิธี ที่สำนักงานประชาสัมพันธ์เขต 8 นำคณะมาศึกษาดูงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นโครงการที่ทางกรมประชาสัมพันธ์ให้ความสำคัญมาก เพื่อหวังให้มีการนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องต่อคนไทยทั้งประเทศ และชาวต่างประเทศ ที่ยังมีความเข้าใจว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่น่าอยู่ ไม่น่าเที่ยว แต่จากการได้สัมผัสแล้ว เบตงถือเป็นเมืองหนึ่งที่กำลังพัฒนา เป็นตลาดท่องเที่ยว หากเบตงสร้างสนามบินเสร็จเมื่อใด จะแบ่งเบาภาระสนามบินหาดใหญ่ไปได้มาก ถึงวันนั้นหลายคนจะ...
หลงเสน่ห์...เบตง!!!
ทั้งนี้ จากตัวจังหวัดยะลาถึงเมืองเบตง มีระยะทางราว 200 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 ชั่วโมง ผ่าน 300 กว่าโค้ง แต่ก็ “คุ้มค่า”...
สวัสดี...เบตง!!!
สราวุฒิ ศรีธนานันท์/สมุทรสงคราม
รายงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี