“การสอนเด็กเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก และครูต้องไม่เปิดช่องให้เด็กได้ทำผิด ถ้าเปิดช่องให้เด็กทำผิดได้ นั่นเป็นความผิดของครูที่ดูแลเด็กไม่ดีพอ”
บทสัมภาษณ์ครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2561 ของ “ครูเจี๊ยบ” นฤมล แก้วสัมฤทธิ์ ครูรางวัล “คุณากร” ประจำปี 2560 จาก มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ก่อนสิ้นลมหายใจเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2561 ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว และจากโรคต่อมน้ำเหลืองอุดตันที่อาการเรื้อรัง ครูเจี๊ยบคือผู้ยืนหยัดเป็นครูในศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” บ้านกรูโบ ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก มากว่า 20 ปี ทำหน้าที่ดูแลช่วยเหลือพัฒนาชุมชน ควบคู่ไปกับสอนหนังสือให้กับเด็กตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 เพียงลำพังในชุมชนกระเหรี่ยงหมู่บ้านสุดท้ายที่อยู่ลึกที่สุดในเขตพื้นที่ของผืนป่ามรดกโลกทุ่งใหญ่นเรศวร
“ทุกวันนี้ถ้าเป็นหน้าฝนต้องใช้เวลาเดินทางออกไป 3 วันกว่าจะถึงถนนดำ แรกๆ ที่มาอยู่ ต้องทำทุกอย่างทั้งครูสอนหนังสือ และเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตรวจเชื้อมาลาเรีย วัดความดัน จ่ายยาให้กับชาวบ้าน จนกระทั่งเริ่มมีสุขศาลาขึ้นในพื้นที่เมื่อสัก 5-6 ปีมานี่เอง” ครูเจี๊ยบเล่า
การใช้ชีวิตเพียงลำพังในป่าลึกที่ไม่ได้หยุดแค่การมอบวิชาความรู้ให้กับเด็กๆ แต่ “ครูเจี๊ยบ” ยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนแห่งนี้ไปพร้อมๆ กัน ทั้งการสร้างงานสร้างอาชีพจากฝีมือการทอผ้าที่สวยงามของชาวกะเหรี่ยง การหาหนทางเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ เช่นการแปรรูปพริกแห้งให้มีราคาที่ดีขึ้นฯลฯ ควบคู่ไปกับการปลูกฝังให้เด็กๆ รักและหวงแหนผืนแผ่นดินบ้านเกิด รักแผ่นดินไทย ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากแรงกายแรงใจของผู้หญิงตัวเล็กๆ เพียงคนเดียวที่มีหัวใจเด็ดเดี่ยวเต็มไปด้วยความเสียสละและความอุตสาหะ
“ครูเจี๊ยบ” นฤมล แก้วสัมฤทธิ์ (เสียชีวิตเมื่อ 18 มี.ค. 2561 ในวัย 53 ปี)
“ชาวบ้านที่อยู่ในชุมชนที่ห่างไกลอย่างที่บ้านกรูโบจะมองว่าครูเป็นตัวแทนของในหลวง ดังนั้นหากความเหน็ดเหนื่อยของตนเองเพียง 1 คน สามารถทำให้คนอีกหลายๆ คนได้รับโอกาสและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็เป็นสิ่งสมควรทำเพื่อประเทศชาติ เปรียบเสมือนในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงเสียสละ ทรงงานหนักเพื่อคนไทยอีก 60 ล้านคน ได้อยู่ดีมีสุข ทอผ้า เลี้ยงหมู ปลูกผักปลอดสาร ธนาคารข้าว ปลูกป่าสร้างรายได้ ทำทั้งหมด ทำยังไงก็ได้ให้ชาวบ้านเขาอยู่ได้โดยไม่ต้องไปบุกรุกป่า” เธอกล่าว
ซึ่งในโรงเรียนก็มีแปลงตัวอย่างให้เด็กๆ ได้หัดปลูกผัก .ถามว่าเหนื่อยกว่าเดิมไหม?” ครูเจี๊ยบตอบว่า “ไม่ได้คิดถึงตรงนั้น” อะไรที่มันเป็นประโยชน์ทำทุกอย่าง คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมของคนในชุมชนและเด็กๆ ไว้ก่อน ดังคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่าเมื่อทำงานอย่าหยิบยกเอาความขาดแคลนมาเป็นข้ออ้าง แต่ให้ทำบนความขาดแคลนให้ดีที่สุด นี่คือหลักคิดที่ยืดถือและปฏิบัติตามมาโดยตลอด
แม้ว่าบ้านกรูโบจะเป็นชุมชนสุดท้ายที่ลึกและห่างไกลจากอำเภออุ้มผางมากที่สุด ด้วยรถยนต์ทั้งทางดำและทางฝุ่นรวมกันมากกว่า 90 กิโลเมตร และห่างไกลชนิดที่เรียกว่าหลายคนไม่เคยได้ออกไปไกลจนถึง อ.อุ้มผาง และตัวจังหวัดตากหลายคนยังอาจไม่เคยเห็น ไกลจนชนิดที่เรียกว่าการศึกษาอาจไม่จำเป็นสำหรับพวกเขาเสียด้วยซ้ำ แต่ครูเจี๊ยบก็ยังมุ่งมั่นที่จะพยายามหยิบยื่นโอกาสทางการศึกษา และผลักดันให้ลูกศิษย์ทุกคนได้ออกไปเปิดโลกกว้างทางการเรียนรู้ให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้
“แม่พิมพ์และแม่ครัว” นอกจากจะสอนหนังสือแล้ว ครูเจี๊ยบยังต้องเตรียมอาหารกลางวันให้เด็กๆ รับประทานด้วย
“เด็กๆ ที่นี่เราไม่เน้นเรื่องความเก่ง แต่เราเน้นเรื่องของการเป็นคนดี เพราะวันนี้ในการจัดการเรียนการสอนหรือหลักสูตรเรามักจะไม่ไม่เน้นคน ดี เน้นแต่คนเก่ง แม้ว่าความเก่งจะใช้ประโยชน์ได้จริง แต่ถ้าเก่งแล้วไม่ดีหรือเก่งแล้วโกงจะมีประโยชน์อะไร แต่สิ่งที่สำคัญคือเขาต้องรู้ตัวเองว่าเขาเป็นคนไทยไม่ใช่กะเหรี่ยง กระเหรี่ยงมันเป็นแค่เชื้อชาติเฉยๆ แต่ทุกคนเป็นคนไทย และความรู้ที่เขาได้รับถ้าเกิดเขาไม่เรียนต่อเขาก็จะอยู่ในสังคมได้โดยไม่ถูกใครมาหลอกลวง เพราะคนที่มีความรู้เขาจะไม่ถูกหลอก” ครูเจี๊ยบ กล่าวถึงหลักการสอน
การจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็ก 60 คนซึ่งคละชั้นตั้งแต่อนุบาล-ป.6 ไม่ใช่เรื่องง่าย ครูเจี๊ยบเล่าว่าต้องใช้วิธีพี่ดูแลน้อง แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่คนในการดูแลส่วนต่างๆ ของโรงเรียน ในการสอนก็จะให้พี่ชั้น ป.6 ช่วยดูแลน้องอนุบาลในเรื่องต่างๆ แม้กระทั่งการจับมือหัดเขียนหัดอ่าน ในบางวิชานั้นก็จะใช้วิธีการเรียนรวมกัน เช่นวิทยาศาสตร์ก็จะใช้ใบงานให้พี่พาน้องไปทำงาน ออกไปค้นหาคำตอบต่างๆ นอกห้องเรียน ที่นอกจากจะได้ความสนุกแล้ว ยังช่วยสร้างความรักสามัคคีอีกด้วย
“ทุกวันนี้จะสอนให้เด็กรักพ่อรักแม่ รักครอบครัว รักเพื่อนพี่น้อง รักชุมชน รู้จักความรับผิดชอบ ดูแลพ่อแม่และครอบครัวตัวเองได้ ไม่เน้นความเก่ง พยายามปลูกฝังให้ลูกศิษย์รักชุมชนของตนเอง เมื่อเขาเรียนจบเขาจะรักบ้านเกิดไม่ทิ้งถิ่นของตนเอง” ครูเจี๊ยบ กล่าวย้ำ
พรรณิภา บำเพ็ญรุ่งโรจน์ อดีตลูกศิษย์ที่ได้แรงบันดาลใจจากครูเจี๊ยบ ขอกลับมาช่วยพัฒนาเด็กๆ ในชนบทอีกแรง
อดีตลูกศิษย์ของครูเจี๊ยบที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) และตัดสินใจกลับมากลับมาเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านหม่องกั๊วะ พรรณิภา บำเพ็ญรุ่งโรจน์ เล่าถึงความประทับใจที่มีต่อครูเจี๊ยบไว้ว่า โตขึ้นมาก็เห็นว่าครูจะอยู่กับเด็กๆ และชาวบ้านทุกคนมาตลอด และกว่าที่จะเรียนจบได้ทั้งครูและนักเรียนต้องร้องไห้กันหลายครั้งเพราะไม่มีเงิน ถึงแม้จะได้รับทุนการศึกษาแต่ก็ไม่เพียงพอ
“แม่เจี๊ยบต้องไปยืมเงินเพื่อนมาช่วยส่งให้หนูเรียนจนจบ และในระหว่างเรียนหนังสือ แม่จะคอยบอกเสมอว่าถ้าได้ดีแล้วให้กลับมาพัฒนาบ้านเกิดของเรา สำหรับแม่เจี๊ยบแล้วประทับใจทุกเรื่องทั้งเรื่องของความเสียสละ แข็งแกร่ง อดทน และเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากกลับมาเป็นครูเพื่อช่วยเหลือคนในชุมชน” พรรณิภา กล่าว
สำหรับการพัฒนาศักยภาพของครูในพื้นที่ห่างไกล ครูเจี๊ยบนั้นมองว่า ครูในพื้นที่ห่างไกลมีสื่อการสอนน้อย หนังสือน้อย หาตัวอย่างมาใช้อธิบายให้เด็กยาก จึงต้องขอรับงบประมาณสนับสนุนซื้อสื่อการสอนจากภายนอก แต่ครูก็ต้องคอยค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อให้เด็กได้เข้าใจ เช่น การสอนเรื่องอาชีพ ซึ่งเด็กคุ้นเคยกับการทำไร่ทำสวนของพ่อแม่อยู่แล้ว ครูก็จะพยายามให้เขาเห็นช่องทางใหม่ๆ ให้ลองปลูกผัก เลี้ยงหมู เพื่อให้เด็กทำได้
โรงเรียนเล็กๆ และหนทางสุดกันดารกว่าจะไปถึง
อย่างไรก็ตาม การทำงานในพื้นที่ห่างไกลมองเห็นความสำเร็จยาก เช่น การสนับสนุนให้ชุมชนมีอาชีพแต่ติดเรื่องการขนส่ง ครูก็ต้องฝึกคนในชุมชนให้เป็นตัวแทนในการขนส่ง ต้องช่วยคิดจนสุดทาง นอกจากนี้การฝึกเรื่องการบริหารจัดการนักเรียนและการสอนเด็กเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ครูต้องไม่เปิดช่องให้เด็กได้ทำผิด ถ้าเปิดช่องให้เด็กทำผิดได้ นั่นเป็นความผิดของครูที่ดูแลเด็กไม่ดีพอ การฝึกคนครูจะเน้นเรื่องระเบียบวินัยและความซื่อสัตย์ 40% เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของความเป็นคน จากนั้นจะสอนวิชาการ 30% และการเล่น 30%
วันนี้ “แม่พิมพ์และแม่พระ” ของเด็กๆ และชาวชุมชนบ้านกรูโบ ได้จากโลกนี้ไปแล้วด้วยวัย 53 ปี แต่เชื่อเถิดว่าเรื่องราวการอุทิศชีวิตเพื่อเด็กๆ และชุมชนกลางผืนป่ามรดกโลกแห่งนี้ของครูเจี๊ยบ จะยังคงอยู่ในความทรงจำและเป็นเรื่องเล่าขานของคนที่นี่ไปอีกตราบนานเท่านาน!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี