อีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ หรือปีใหม่ไทย 2561 ซึ่งแต่ละปีจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางออกต่างจังหวัดกลับภูมิลำเนาจนทำให้การจราจรทุกเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ หนาแน่นไปด้วยรถนานาชนิด ซึ่งในแต่ละปีจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
วันนี้ (23 มี.ค.) ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์ได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.อ.เอกราช ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (รอง ผบก.ทล.) ถึงการเตรียมความพร้อมในการให้บริการดูแลความปลอดภัยบนเส้นทางการจราจรในการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวตามจังหวัดต่างๆ ของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงนี้ว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2561 นี้ ทางกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกระทรวงคมนาคม ได้บูรณาการร่วมกันจัดทำแผนอำนวยการจราจรเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงระหว่างวันที่ 11-18 มีนาคมขึ้นมา เนื่องจากช่วงดังกล่าวจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางกันจำนวนมาก
ในส่วนของ บก.ทล.นั้นได้ดำเนินการอยู่ 3 รูปแบบคือ 1. การให้บริการ 2. การจัดการจราจร 3. การป้องกันอุบัติเหตุบนทางหลวง โดยเราใช้นโยบาย “ห่วงใยทุกชีวิต เป็นมิตรทุกเส้นทาง” โดยมีเป้าหมาย
1. มีจุดให้บริการผู้ใช้ทางได้อย่างเพียงพอ
2. เดินทางไปสู่จุดหมาย โดยมีระยะเวลาที่เหมาะสม
3. อุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บต้องลดลง
4. มีการประชาสัมพันธ์ถึงกลุ่มเป้าหมาย ไม่น้อยกว่า 1 แสนราย
และ 5. มีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ คือ
1. ด้านการให้บริการ เราได้กำหนด มาตรการ 777 ยกกำลัง 3 ใน 77 เส้นทางทั่วประเทศ ในส่วนนี้จะมีหน่วยบริการตำรวจทางหลวง จำนวน 200 แห่ง และในจำนวน 88 แห่ง มีบริการห้องนอนแอร์ ห้องน้ำ อาหาร ตรวจรถ ใบสั่ง/ปรับ GPS ไว้พักผ่อนสำหรับเหนื่อยล้า ง่วง จากการขับรถแต่มีจำกัดเพียง 5-6 เตียงต่อหน่วย บริการฟรีตลอด 24 ชั่วโมง แต่ละหน่วยสามารถดูได้จาก Google Maps และแอปพลิเคชั่นไลน์ ซึ่งมาตรการ 777 ยกกำลัง 3 จะเป็นการเพิ่มความเข้มข้นในทุกๆ เรื่อง
2. ด้านการจัดการจราจร เมื่อเวลาเดินทางสู่ภาคต่างๆ ตามถนนสายหลัก รถที่เข้าใช้บริการปั้มนำมัน จะมีปริมาณเยอะทำให้ เกิดการกีดขวางการจราจร ส่วนนี้ได้ประสานกับตำรวจภูธร ช่วยจัดการการจราจรบริเวณหน้าปั้มน้ำมัน และร้านอาหาร เพื่อไม่ให้ไปก่อกวนกระแสหลัก รวมถึงในเรื่องคอขวด บางทีเมื่อการจราจรชะลอติดขัด ผู้ขับขี่มักเลือกลงไหล่ทาง พอไปเจอคอสะพานก็เบียดกลับเข้ามา ทำให้การจราจรติดขัดมากกว่าเดิม จึงได้มีการวางกรวย แบริเออร์ เพื่อไม่ให้ไปสร้างคอขวด
สำหรับห้วงระยะเวลาเดินทางจะเอาสถิติช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งเราคาดการณ์ว่าในวันที่ 11 เม.ย. ถนนพหลโยธินขาออกช่วงเช้า กลางวัน บ่าย จะมีปริมาณรถเยอะมาก จนถึงคืนวันที่ 12 เม.ย. จึงแนะนำแทนที่ในวันที่ 11 เม.ย. ออกเดินทางเวลา 08.00 น. ลองเปลี่ยนมาเป็นเวลา 03.00-05.00 น. เป็นช่วงที่มีปริมาณรถน้อย ทำให้ใช้เวลาเดินทางที่สั้นลง
นอกจากนี้ มีการคืนจุดซ่อมสร้างในถนนสายหลัก ทั้งถนนพหลโยธิน ถนนมิตรภาพ และมีมาตรการเปิดช่องทางพิเศษ ขาออก 6 สาย ขาเข้า 10 สาย
ทั้งนี้ ได้ขอกำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร มาช่วยอำนวยความสะดวก ในเส้นทางหลักผลัดละ 413 นาย ตามจุดต่างๆ และแยกที่มีสัญญาณไฟจราจร จะมีตำรวจคอยควบคุมสัญญา
ส่วนตำรวจนครบาลจะอำนวยความสะดวก บนถนนพระราม 2 ในเส้นทางสายใต้ ซึ่งมีจุดที่มีการจราจรติดขัดหนาแน่น จำนวน 37 จุด ส่วนใหญ่เป็นเส้นทางสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมจัดชุดรถจักรยานยนต์เคลื่อนที่เร็ว และรถยกเพื่อแยกและเคลื่อนย้าย รถที่เกิดอุบัติเหตุกีดขวางทางจราจร ตลอด 24 ชั่วโมง
3. ด้านการป้องกันอุบัติเหตุบนทางหลวง จะเข้มงวดในเรื่องการป้องกันอุบัติเหตุ สาเหตุหลักมาจากความเร็ว เมาแล้วขับ รวมถึงการไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ทางกระทรวงคมนาคม จึงมีมาตรการณรงค์ “ขับช้า เปิดไฟหน้า คาดเข็มขัด” โดยจะมีการตั้งจุดตรวจ จุดจับความเร็ว ได้กำหนดไว้ 77 เส้นทางทั่วประเทศ เป็นของทางหลวง 47 เส้นทาง ทางหลวงชนบท 30 เส้นทาง พร้อมกล้องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติ 24 ชั่วโมง ยิ่งเฉพาะจุดที่เคยเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งรวม 11 จุด และมีด่านตรวจความเมาของตำรวจภูธรอีก
นอกจากนี้ ได้ร่วมกับกรมขนส่งทางบก ทำโครงการ “GPS มั่นใจ” คือการบังคับติด GPS กับรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท สามารถรู้ได้ว่ารถคันไหนขับเร็ว ถ้าขับเร็วเจ้าหน้าที่จะโทรศัพท์ แจ้งไปที่คนขับหรือพนักงาน ให้รถชะลอความเร็วรถ แต่ถ้าไม่ชะลอความเร็ว หรือติดต่อไม่ได้ จะแจ้งกับตำรวจทางหลวง ซึ่งมี 170 จุดทั่วประเทศ จะเรียกรถคันดังกล่าวตักเตือน หรือออกใบสั่ง ทางกรมการขนส่งทางบก กำหนดความเร็วรถโดยสารสาธารณะไม่เกิน 90 กม.ต่อชั่วโมงใน 47 เส้นทางรวม 170 จุดทั่วประเทศ
อีกทั้งยังร่วมกับภาคเอกชน และ บขส. ติดตั้งเครื่องเตือนกันหลับใน โดยสนับสนุนให้ทดลองใช้ฟรี จำนวน 18 เครื่อง ติดกระจายกันไปภาคเหนือ 5 จังหวัด ภาคอีสาน 6 จังหวัด ภาคตะวันออก 3 จังหวัด และภาคใต้ 4 จังหวัด การทำงานของเครื่องเตือนหลับในจะมีตัวเซ็นเซอร์ตรวจจับม่านตา ถ้าพนักงานขับรถหลับตาเกิด 1.5 วินาที เบาะนั่งจะสั่นและมีเสียงเตือน ทำให้พนักงานขับรถไม่หลับ
"สำหรับช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะไม่มีการตั้งเป้าสถิติอุบติเหตุ เพราะรัฐบาลบอกว่าแค่การสูญเสีย 1 คนก็เกินพอแล้ว ฉะนั้นเราพยายามรณรงค์ให้ลดทั้งปี ไม่ใช่เฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือเทศกาลปีใหม่" พ.ต.อ.เอกราช กล่าว
ทั้งนี้ ประชาชนที่จะเดินทางออกต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางและเลี่ยงเส้นทางการจราจรที่หนาแน่น ท่านสามารถศึกษาเส้นทางหลัก และเส้นทางรอง สำหรับการเดินทางสู่ภาคต่างๆ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2561 ก่อนใครได้ที่นี้ (ดูตามภาพ - สีดำเส้นทางหลัก สีเทาเส้นทางรอง)
นอกจากนี้ ท่านยังสามารถเข้ากลุ่มไลน์ 9 กลุ่มของตำรวจทางหลวง เพื่อจะได้ข้อมูลการจราจร รวมถึงการขอความช่วยเหลือได้ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี