เป็นข่าวใหญ่ทางการเมืองในรอบสัปดาห์ กับการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจพิเศษ “มาตรา 44” ออกคำสั่ง คสช. ที่ 4/2561 สั่งปลด นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ออกจาก กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วยเหตุผล “ให้สัมภาษณ์อย่างไม่เหมาะสม ทำให้สังคมสับสน อาจกระทบการจัดการเลือกตั้ง” และรวมถึง “ผลประโยชน์ขัดกัน” ด้วยการที่เป็นกรรมการ กกต. แต่ไปลงสมัครรับการสรรหาเป็นเลขาธิการ กกต. โดยไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งเดิมเสียก่อน เมื่อ 20 มี.ค. 2561 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม “ไม่เหนือความคาดหมาย” เพราะแม้นายสมชัยจะถูกมองจากกลุ่มการเมืองที่อยู่ตรงข้ามกับ คสช. แต่ก็เป็นนายสมชัยอีกเช่นกันที่วิพากษ์วิจารณ์กลไก “แม่น้ำ 5 สาย” ของ คสช. หลายต่อหลายครั้ง อาทิ 7 ม.ค. 2558 เมื่อครั้ง คณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ชุดที่มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน มีข้อเสนอมาจาก สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่าควรให้ “กระทรวงมหาดไทย (มท.)-กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จัดการเลือกตั้ง”นายสมชัยได้คัดค้านโดยให้เหตุผลว่าหากทำเช่นนั้น “การเมืองแทรกแซง-เปิดช่องทุจริต” แน่นอน
ต่อมา (ร่าง) รัฐธรรมนูญ (รธน.) ฉบับนายบวรศักดิ์ ถูก สปช. “โหวตคว่ำ” เมื่อ 7 ก.ย. 2558 ทำให้ กรธ. ต้องพ้นสภาพไป จากนั้นเมื่อมีการแต่งตั้ง กรธ. ชุดใหม่ซึ่งมี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ช่วงนี้เองที่นายสมชัยเริ่มมี “วิวาทะ” กับแม่น้ำ 5 สายเป็นระยะๆ เช่น 8 เม.ย. 2559 ช่วงที่มีประเด็น “คำถามพ่วง” สำหรับให้ประชาชนตอบในวัน “ลงประชามติรับ-ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ” ที่ระบุว่าในการเลือกตั้ง 5 ปีแรกให้ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ คสช. เป็นผู้แต่งตั้ง สามารถ “ร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี” ได้ ก็ตั้งข้อสังเกตว่าเข้าข่าย “ชี้นำ” หรือไม่?
15 พ.ย. 2559 หรือ 3 เดือนหลังจาก ร่าง รธน. พร้อมคำถามพ่วง ฉบับ ปธ.กรธ. นายมีชัย ผ่านประชามติไปเมื่อ 7 ส.ค. 2559 และกำลังเข้าสู่กระบวนการร่าง “กฎหมายลูก” หรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยองค์กรอิสระต่างๆ ก็เริ่มมีการพูดถึงแนวคิด “เซตซีโร่” (Set Zero) หรือการให้ กกต. ชุดเดิมพ้นจากตำแหน่งทั้งหมด เพื่อสรรหา กกต.ชุดใหม่ให้ได้ผู้มีคุณสมบัติเป็นไปตาม รธน. ฉบับใหม่ นายสมชัยที่เป็น 1 ใน กกต. ชุดเดิม ได้ตั้งคำถามกับนายมีชัย และ กรธ. ว่า “จะใช้มาตรฐานเดียวกัน” กับทุกองค์กรอิสระหรือเปล่า?
จากนั้น 11 พ.ค. 2560 นายสมชัย คัดค้านแนวคิดของ กรธ. ที่เสนอให้ “จับสลากเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับอำเภอ” โดยระบุว่า แม้จะจับสลากในระดับอำเภอ แต่เมื่อขึ้นมาถึงระดับจังหวัดหรือประเทศ การฮั้วกันก็เกิดขึ้นได้อยู่ดี เพราะมีบทเรียนจากการสรรหาสมาชิกของบางองค์กร นำคนมา 1,000 คน ให้เลือกกันเอง ก็ปรากฏภาพการ “วิ่งเต้น” เช่น ถ้านาย A เลือกนาย B นาย B ก็จะเลือกนาย A ตอบแทน หรือมีการจัดเลี้ยงเพื่อจูงใจให้เลือก เป็นต้น
4 มิ.ย. 2560 หรือ 1 วันหลังวันที่ 3 มิ.ย. 2560 ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติ “เซตซีโร่ กกต.” นายสมชัย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คส่วนตัว “Srisutthiyakorn Somchai” ตั้งข้อสังเกต 1.กฎหมายมีผลย้อนหลังเป็นธรรมหรือไม่? 2.ต้องการ กกต. ที่มีคุณสมบัติสูง แต่ 4 ใน 5 กกต. ชุดเดิม ก็มีคุณสมบัติสูงอยู่แล้ว เหตุใดต้องให้ลาออก? 3.สภาพปลาสองน้ำเป็นเรื่องที่เกิดตามกฎหมาย เพราะ กกต. ถูกกำหนดให้พ้นจากตำแหน่งเป็นการเฉพาะบุคคล ไม่จำเป็นต้องพ้นพร้อมกัน และ 4.สิ่งที่ทำกับ กกต. ไม่ใช่บรรทัดฐานขององค์กรอื่นๆ ดังนั้น บางองค์กรอาจได้อยู่ต่อ
18 มิ.ย. 2560 นายสมชัย ตอบโต้กรณี “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำกลุ่ม กปปส. ที่ทราบกันดีว่า “ประกาศตัวสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์” ออกมาบอกว่านายสมชัยไม่ควรยึดติดกับตำแหน่งหลังถูกเซตซีโร่โดย สนช. ว่าตนไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง แต่การเซตซีโร่ต้องอธิบายกับสังคมได้ และบอกนายสุเทพว่า “อย่าชี้นำในทางที่ผิด” เพราะนายสุเทพเคยบอกว่า “ถ้าประเทศยังไม่สงบก็อย่าเพิ่งเลือกตั้ง” ถ้าคิดแบบนี้ 3 จังหวัดชายแดนใต้ก็ไม่ต้องจัดการเลือกตั้งเลยเป็นสิบปีใช่หรือไม่?
14 ส.ค. 2560 นายสมชัย กล่าวถึงกรณี กรธ. เสนอให้ “การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)” ใช้ระบบ “คนละเขตคนละเบอร์” เพราะซื้อเสียงยากกว่าแบบหมายเลขเดียวทั้งประเทศ ว่า “ไม่เกี่ยวกัน” เพราะมีผลการศึกษามากมายพบว่า “ถึงประชาชนรับเงินแต่ก็ไม่ได้กาให้” แต่ผลกระทบที่เกิดแน่ๆ คือ “ความยุ่งยากสับสน” ในการจัดการเลือกตั้ง ทั้งการรับสมัคร การพิมพ์บัตรเลือกตั้ง การลงคะแนน ไปจนถึงการนับคะแนนและรวมคะแนน
22 ม.ค. 2561 ครั้งนี้ นายสมชัย กล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ โดยตรง ว่าถ้าอยากให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม สิ่งที่ต้องทำคือ 1.อย่าแทรกแซงการสรรหา กกต. ชุดใหม่ 2.อย่าสร้างกติกาที่เอื้อความได้เปรียบกับตนเองหรือพรรคที่บอกจะสนับสนุนตนเอง 3.อย่าทำตัวเป็นนักการเมือง ให้ยุติการเดินสายหาเสียง และ 4.หากจะให้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. ยืดเวลาบังคับใช้ออกไป แนะนำว่าปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้จะดีกว่า
16 มี.ค. 2561 นายสมชัย กล่าวถึงกรณี สนช. เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ว่า “ในบางกรณีอาจทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปอีก 6 เดือน” ขึ้นอยู่กับว่าศาล รธน. จะตีความอย่างไร แต่อาจไม่กระทบการเลือกตั้งก็ได้ ถึงกระนั้นก็ได้ประกาศ “ท้าพนัน” ใครก็ตามที่บอกว่า “จะไม่กระทบการเลือกตั้งแน่นอน” ว่าหากสุดท้าย “ผลการพิจารณาคือเลื่อนเลือกตั้ง ขอให้คนคนนั้นอย่ารับเงินเดือนในช่วงที่เลื่อนออกไป” และนั่นคือ “ครั้งสุดท้าย” ที่นายสมชัยมีโอกาสวิพากษ์วิจารณ์แม่น้ำ 5 สายของ คสช.ในฐานะ กกต.
หลังคำสั่ง คสช. ที่ 4/2561 ถูกเผยแพร่ ก็มีการคาดเดาสาเหตุไปต่างๆ นานา โดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ “the101.world” ที่ตอนหนึ่งกล่าวทำนองว่า “เขาอยากเอาผมออกคนเดียว แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไม่มีใครสั่งผมได้” เมื่อ 19 มี.ค. 2561 หรือ 1 วันก่อนหน้าจะมีคำสั่งปลด แต่ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากเรื่องใด ถ้อยคำที่นายสมชัยโพสต์บนเฟซบุ๊คหลังถูกปลดว่า “รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งที่ได้เปิดหน้า คสช.” ก็น่าจะเป็นผลแล้ว เพราะแม้แต่สื่อดังของสหรัฐอเมริกาอย่าง “เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล (The Wall Street Journal-WSJ)” ก็ยังเสนอข่าวนี้ด้วย
เมื่อประกอบกับการที่นายสมชัยกล่าวทิ้งท้ายเมื่อ 21 มี.ค. 2561 ว่า “เมื่อไม่มีตำแหน่งย่อมพูดได้มากกว่าแค่เรื่องการเลือกตั้ง” ก็เชื่อได้ว่าหลังจากนี้อุณหภูมิการเมืองไทยคง “เดือด” แน่ๆ !!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี