nn…เก็บตกควันหลงช่วงเทศกาลสงกรานต์และวันครอบครัวก็มีเรื่องดีๆมาฝาก “โฆสิต สุวินิจจิต” อดีตผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม.กับนโยบาย “กรุงเทพ 24 ชั่วโมง” โพสต์ข้อความพร้อมภาพบนเฟซบุ๊คว่า เมื่อวันที่ 13 เม.ย.วันสงกรานต์ ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช หลังจากได้ถวายรายงานว่า“เกล้าฯได้ลาสิกขาแล้ว...สมเด็จพระสังฆราช ทรงเมตตาอวยพรให้ประสบความสำเร็จ พร้อมพรมน้ำมนต์ให้ด้วยพระหัตถ์พระองค์ท่าน เป็นที่ปลาบปลื้มปีติยินดียิ่ง” และเมื่อวันที่ 14 เม.ย.“วันครอบครัว” ได้เดินทางถึงบ้าน ขอกราบแม่ กอดแม่ ให้เต็มที่หลังจาก ไม่ได้กอดแม่ จับมือแม่ เป็นเวลา 1 ปีเต็ม นับแต่บวชเป็น “พระโฆสิโต ภิกขุ” เมื่อ 13 เม.ย.2560..เราทั้งสองต่างยิ้มทั้งน้ำตาอย่างมีความสุข เราสองแม่ลูกรอคอยเวลานี้กันมานาน..“แม่ครับ ลูกเอาบุญมาฝาก ลูกสวดมนต์อธิษฐาน แผ่บุญให้เจ้ากรรมนายเวรของแม่และส่งบุญให้แม่มาตลอด 1 ปีเต็ม ขอบุญปาฏิหาริย์ให้แม่ดีขึ้น ไม่ทรุดไปกว่าเดิม วันนี้ลูกดีใจที่แม่สดใสขึ้น ความจำดี หวังวันหนึ่ง แม่คงเดินได้เป็นปกติ เราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันนะแม่”ทอดน้ำตาไหลไม่ได้ทุกครั้ง ที่แม่เอามือลูบหัวให้พรลูก มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายจริงๆ รักแม่ที่สุด…แล้วเจ้าตัวยังฝากทิ้งท้ายว่า อ้อ!! ลืมบอกแม่ว่า ลูกสำนึกบุญคุณที่พ่อแม่ให้ชีวิตร่างกายนี้ ผมมา ต่อไปนี้ผมจะดูร่างกายนี้ให้ดีที่สุดด้วยการรักษาศีล 5 ตลอดชีวิต แต่พ่อรู้แล้ว พ่อคงจะเล่าให้แม่ฟังทีหลัง แม่คงมีความสุขเพิ่มขึ้นนะครับ…ใครที่ยังมีพ่อแม่ที่แข็งแรงอยู่หมั่นดูแล และให้ความสุขท่าน พาท่านไปเที่ยว ไปกิน ให้มีความสุขด้วยกัน ก่อนจะไม่มีโอกาส เมื่อท่านป่วยเหมือนแม่ผมนะครับ...แบ่งปันเรื่องดีๆทำหน้าที่ลูกให้เต็มที่ต่อไป...nn
nn...ช่วงสนามการเมืองเริ่มคึกคักขึ้นมาเป็นระยะ พรรคการเมืองต่างๆเริ่มขยับปรับตัวตามกฎหมายใหม่ “เอกพร รักความสุข” แกนนำพรรคพลังพลเมืองไทย อดีต รมว.แรงงานและอดีต สส.สกลนคร บอกว่ามีเวลาค้นข้อมูลเก่าๆ ที่เก็บไว้ ได้พบภาพต่างๆ ในการทำงานการเมือง ได้เลือกมา คือ ภาพการรายงานผลการทำงาน ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สกลนคร และ ภาพการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีการทำงานทางการเมือง มีประชาชนคอยตรวจสอบ นักการเมืองถูกควบคุมโดยประชาชนที่ใช้สิทธิเลือกตั้ง คนใดที่ไม่ทำงาน ไม่ทำหน้าที่ มีความประพฤติไม่เหมาะสม ประชาชนเปลี่ยนนักการเมืองได้…วันนี้ เป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทย มีสภานิติบัญญัติทำหน้าที่สภาผู้แทนราษฎร ใช้สิทธิ์ในฐานะตัวแทนประชาชนไทย เราจะเห็นความแตกต่างอย่างมาก เช่น มีปัญหาในการตรวจสอบการใช้งบประมาณแผ่นดิน เราจึงพบการทุจริตตามที่เป็นข่าว มีปัญหาการออกกฎหมายเป็นกลไกรองรับความต้องการของหน่วยงานรัฐที่ต้องการออกกฎหมาย ไม่ใช่การออกกฎหมายที่มาจากความต้องการของประชาชน มีปัญหาจริยธรรมทางการเมือง มีการใช้สิทธิของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกเรื่อง ตั้งแต่การแต่งตั้งคนใกล้ชิดช่วยงานการเมือง การเดินทางไปต่างประเทศ การขาดประชุม ฯลฯ ซึ่งประชาชนไม่สามารถตรวจสอบพฤติกรรมได้..“เมื่อไม่มีสภาผู้แทนราษฎรและการดำรงอยู่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ไม่ยึดโยงกับประชาชน ย่อมส่งผลต่อความรู้สึกของคนไทยที่ขาดคนที่เข้าใจ ขาดตัวแทน ว้าเหว่และต้องอดทนกับความยากลำบากในการดูแลครอบครัว”...ยังไงพี่เอก ก็ฝากทิ้งท้าย “แม้ว่าอาคารรัฐสภา ยังก่อสร้างไม่เสร็จ แต่ความจำเป็นที่ต้องมีสภาผู้แทนราษฎร เป็นเรื่องที่คนไทยควรจะได้เพื่อบอกความจริงของคนไทย บอกความทุกข์ บอกความต้องการ เสนอความเห็นเพื่อบ้านเมืองเพราะในเวลานี้เสียงของคนไทยไม่ดัง พูดอย่างไร รัฐบาลก็ไม่ได้ยินครับ”...ขอเอาใจช่วย nn
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี