nn...แน่นอนช่วงเว้นว่างการเมืองไร้เวทีสภา บรรดาอดีตนักการเมือง ต่างใช้เวลาเสริมศักยภาพของตัวด้วยการไปศึกษาต่อบ้าง หรือบางทีใช้เวลาไปทำธุรกิจส่วนตัวให้มั่นคง “คุณหญิงหน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย สนใจศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา...เท่าที่ทราบในวัยเด็กได้ไปทำบุญกับคุณยายที่วัดสระเกศมาตลอด จนเข้าสู่การเมือง จนถึงเว้นวรรคทางการเมือง ได้มีโอกาสดูแลคุณแม่มากขึ้นจนคุณแม่ได้จากไป ทำให้เห็นสัจธรรมชีวิต “ไม่มีความแน่นอน” ...ได้ฉุกคิด ถึงช่วงที่ผ่านมาได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับตัวเองและสังคมมากแค่ไหน ได้ศึกษาพุทธศาสนา ลึกซึ้งมากน้อยเพียงใด มีเพื่อนชวนไปไหว้สังเวชนียสถาน เกิดความคิดที่จะบูรณปฏิสังขรณ์ สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าเพื่อเป็นการบำรุงพระพุทธศาสนาและยังมีแนวความคิดส่งเสริมให้เยาวชนได้เข้าถึงหลักธรรมในพระพุทธศาสนามากขึ้นจึงได้สร้าง “พระพุทธเจ้าน้อย” เป็นไอดอลให้เยาวชน คิดแม้จะเรียนเก่งแต่ต้องมีคุณธรรม..ในที่สุด “เมื่อปี 2556 คุณหญิงหน่อย” ได้สอบเข้าศึกษาพระพุทธศาสนาให้ลึกซึ้งมากขึ้นอย่างจริงๆในระดับปริญญาเอกสาขาวิชาพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) เป็นมหาวิทยาลัยในคณะสงฆ์ไทย..มีพระสุธีธรรมานุวัตร หรือ “เจ้าคุณเทียบ” คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มจร.เป็นประธานกรรมการสอบสัมภาษณ์ ผู้สอบเข้าศึกษาระดับปริญญาเอก…หลังเข้าศึกษาได้มุ่งมั่นศึกษาและได้ทำวิทยานิพนธ์ เรื่อง“พุทธวิถีในการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง” และปี 2560 จบการศึกษาระดับปริญญาเอกใช้เวลา 4 ปี... มจร.กำหนดจัดพิธีประทานปริญญาบัตร ระหว่าง วันที่ 12-13 พ.ค.นี้ที่ มจร.อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยผู้สำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาตรี ปริญญาโทและระดับปริญญาเอกทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติ รวมทั้งสิ้น 5,062 รูป/คน…หนึ่งในผู้ที่สำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาเอกก็มี“คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์”จะเข้ารับประทานปริญญาบัตรจาก“สมเด็จพระสังฆราช” ในวันอาทิตย์ที่ 13 พ.ค.นี้..ขอแสดงความยินดี ต่อไปจะต้องเรียก คุณหญิง ดร.“หน่อย”...อนาคตน่าจะมีนักการเมืองสนใจเข้ามาศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนามากขึ้น...nn

nn...นับวันยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งต้องใส่ใจเรื่องสุขภาพ เพิ่มมากยิ่งขึ้น เพราะสุขภาพดีไม่มีขาย ครูหยุย-วัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช.อดีต สว.หลายสมัย..ครูบอกว่า ในสมัยหนุ่มๆ อายุ 16-24 ปี เคยวิ่งได้เหรียญ รางวัลมาหลายระยะในอนาคต...ในอดีตเคยเป็นนักวิ่งระดับเขต แชมป์วิ่งจากจุฬาฯ ทั้ง 800 เมตร ถึง 10,000 เมตร ผ่านการวิ่ง ระยะไกลมาอย่างโชกโชน“เผลอไปแป๊บเดียว อายุย่าง 63 แล้ว กำลังเข้าสู่วงจรชีวิตฟิตอีกครั้งเพื่อสุขภาพ และ การก้าวสู่วงจรการวิ่งในสนามอีกครั้ง”...แล้วครูหยุยก็เล่าว่า “แรงบันดาลใจที่กลับมาวิ่งอีกครั้ง เพราะเห็นลูกสาว “น้องป่าน” ธรรมชาติ ตังคณานุรักษ์ ฟิตวิ่งบ่อยมากๆ มีงานวิ่งที่ไหนก็ไป จากหุ่นอ้วนท้วน น้ำหนักลด 20 กว่ากิโล จนหุ่นเพรียว ก่อนหน้านี้เคยท้าลูก พอลูกทำสำเร็จเลยเลิกท้า แต่ช่วงหลังพอลูกสาวมาเจอ มักพูดท้าบ้างว่า เมื่อไหร่พ่อ จะมาวิ่งแข่งกับหนู ก็เลยคิดต้องขอฟิตเอาอีกสักครั้ง เพื่อกลับไปวิ่งแข่งตามคำท้ากับลูกสาว...จากจุดนี้ทำให้มีแรงฮึดซ้อมวิ่งอย่างจริงจังทุกวัน วันละประมาณ 30 นาที ต่อเนื่องมาสัก 2-3 อาทิตย์ เพื่อให้กล้ามเนื้ออดีตนักวิ่งในวัยนี้ได้ปรับตัวสักระยะ”...อีกทั้งปกติทุกๆ บ่ายวันพุธที่รัฐสภาก็มีกิจกรรมออกกำลังกายเพื่อสุขภาพของ สนช.อยู่แล้ว ก็ทำให้สุขภาพดีขึ้นมากๆ...ครูหยุยฝากทิ้งท้ายด้วย“การฟิตร่างกายเพื่อกลับมาวิ่งครั้งนี้ อย่างน้อยๆ ก็ทำให้สุขภาพแข็งแรงดีขึ้น แถมจะได้วัดฝีเท้ากับลูกสาวคนนี้”...ถ้ามาแข่งวิ่งระยะ 100เมตรหรือ 200 เมตร ไม่รู้ว่า ใครจะชนะขอเอาใจช่วยทั้งคู่ทั้ง“ครูหยุยกับลูกสาว”ต้องติดตามดูต่อไป...nn