ปฏิบัติการ “ฝ่าดงขมิ้น” ของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ที่เข้าควบคุมตัว “พระชั้นผู้ใหญ่” หลายรูป เนื่องจากพบข้อมูลเชื่อมโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทุจริต “เงินทอนวัด” และจับกุม “พระพุทธะอิสระ” ในข้อหาสนับสนุน “ปล้นทรัพย์” เมื่อช่วงรุ่งสางของวันที่ 24 พ.ค.61 ถือเป็นอีกหนึ่งปฏิบัติการที่ “สะเทือน” วงการสงฆ์อย่างยิ่ง
ทั้งนี้ เนื่องจากพระชั้นผู้ใหญ่เหล่านี้ ล้วนมี “ตำแหน่งใหญ่” เป็น “เจ้าอาวาส” วัดใหญ่ๆทั้งสิ้น ขณะเดียวกันยังส่งผลให้แวดวงชาวพุทธบางส่วนเกิด “คำถาม” ที่ว่าเมื่อ “สงฆ์” เหล่านี้ต้อง “ข้อกล่าวหา” ในคดีอาญา จะส่งผลให้ต้อง...
“สละสมณเพศ” หรือ “สึก” ขาดจากความเป็นพระ หรือไม่.???
“ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์” พลิกข้อมูล “กฎหมายสงฆ์” จาก พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2505 พบว่า...
มาตรา 29...ระบุว่า พระภิกษุรูปใดถูกจับโดยต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา เมื่อพนักงานสอบสวน หรือพนักงานอัยการไม่เห็นสมควรให้ปล่อยชั่วคราว และเจ้าอาวาสแห่งวัดที่พระภิกษุรูปนั้นสังกัดไม่รับมอบตัวไว้ควบคุม หรือพนักงานสอบสวนไม่เห็นสมควรให้เจ้าอาวาสรับตัวไปควบคุม หรือพระภิกษุรูปนั้นมิได้สังกัดในวัดใดวัดหนึ่ง ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจจัดดำเนินการให้พระภิกษุรูปนั้น “สละสมณเพศ” เสียได้
ตามมาตรา 29 มี 3 กรณี ที่จะนำไปสู่การ “สึก” ได้ คือ
1.เมื่อพนักงานสอบสวน หรือ อัยการ(แล้วแต่กรณี) เห็นว่าไม่ควรปล่อยชั่วคราว(ไม่ให้ประกันตัว) สมควรควบคุมตัวไว้ และเจ้าอาวาสที่พระรูปนั้นสังกัด ไม่ยอมรับตัวไว้ควบคุม(ถ้าเจ้าอาวาสที่พระรูปนั้นสังกัด รับตัวไว้ควบคุมก็ไม่ต้องสึก)
หรือ 2.เมื่อพนักงานสอบสวน หรืออัยการ(แล้วแต่กรณี) เห็นว่าไม่ควรปล่อยชั่วคราว(ไม่ให้ประกันตัว) และพนักงานสอบสวน เห็นว่าไม่ควรให้เจ้าอาวาสรับตัวไปควบคุม
หรือ 3.เมื่อพนักงานสอบสวน หรืออัยการ(แล้วแต่กรณี) เห็นว่าไม่ควรปล่อยชั่วคราว(ไม่ให้ประกันตัว) และพระรูปนั้นไม่มีสังกัดวัดใด ซึ่งก็คือเป็น “พระจรจัด” ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจจัดดำเนินการให้พระภิกษุรูปนั้น “สละสมณเพศ” เสียได้
มาตรา 30...เมื่อจะต้องจำคุก กักขัง หรือขังพระภิกษุรูปใดตามคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาล มีอำนาจดำเนินการให้พระภิกษุรูปนั้น “สละสมณเพศ” เสียได้
การจัดดำเนินการให้พระภิกษุ “สละสมณเพศ” เพื่อไม่ต้องการให้พระภิกษุในผ้าเหลืองต้องถูกกักขัง ถูกควบคุมหรือเข้าไปอยู่ในคุก นั่นเอง
สำหรับการดำเนินการให้ “สละสมณเพศ” หรือ “สึก” นั้น ทำได้หลายวิธี
1.เปล่งวาจาลาสิกขาต่อหน้าพระภิกษุสงฆ์ หรือ คนทั่วไป
2.เปลื้องจีวรออกและนุ่งห่มด้วยชุดอย่างคนทั่วไป หรือชุดขาว
3.ให้ลงชื่อปฏิญญาตนเป็น “คฤหัสถ์” ซึ่งก็คือ คนทั่วไปที่ไม่ใช่ภิกษุ
สำหรับข้อกล่าวหา หรือความผิด อันนำมาซึ่งการควบคุมตัว “พระชั้นผู้ใหญ่” ในวันนี้ เช่น “หลวงปู่พุทธะอิสระ” ความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ หน่วงเหนี่ยวกักขังเจ้าพนักงาน ใช้ให้ทำร้ายร่างกาย ข่มขืนจิตใจผู้อื่น อั้งยี่ ซ่องโจร จากกรณีการชุมนุม กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ ซึ่งมีการ์ดเข้าปล้นอาวุธปืนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล
ส่วนอีกสำนวนคดีเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 250 และ 252 ผู้ใดทำปลอม และผู้ใดใช้ดวงตราแผ่นดิน รอยตราแผ่นดิน หรือพระปรมาภิไธย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี-20 ปี และ ปรับตั้งแต่ 1 หมื่นบาท ถึง 4 หมื่นบาท ตามลำดับ จากกรณีการปลุกเสกและจัดสร้างพระเครื่องก่อนหน้านี้
“พระพรหมดิลก”(เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา เจ้าคณะกรุงเทพฯ ถูกตั้งข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน”
“พระพรหมสิทธิ”(ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ,กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 10 ข้อหาร่วมกันกระทำความผิดคดีทุจริตเงินงบประมาณเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้มอบให้ เพื่อใช้จัดทำโครงการศูนย์กลางเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี