27 พ.ค.61 นายอนุสรณ์ ศรีจันทร์ อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 192 หมู่ที่ 5 บ้านนาหว้า ต.โนนโพธิ์ อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ เล่าว่า ได้รับการถ่ายทอดอาชีพการทำนาปลูกข้าวจากพ่อแม่ เรียกว่า เกิดมาลืมตาอ้าปากก็ได้เห็นท้องนา สัมผัสต้นข้าวออกกอเมล็ดข้าวเต็มรวมเหลืองอร่ามเต็มท้องนาทุกวัน ความผูกพันธุ์ ในการทำนาปลูกข้าวจึงมีมาก และไม่อาจเลิกราได้ ยังคงยังก้มหน้าทำนาปลูกข้าวเป็นประจำทุกปี เพื่ออนุรักษ์ไว้ให้อยู่คู่คนไทยตลอดไป
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า มีที่นามรดกตกทอดอยู่จำนวน 19 ไร่ ก่อนนั้นปลูกทั้งข้าวเหนียวและข้าวจ้าวทั้งหมด ทว่าทุกวันนี้ได้แบ่งเป็นปลูกข้าว จำนวน 5 ไร่ แยกเป็นข้าวเหนียว 3 ไร่และข้าวจ้าว 2 ไร่ ถ้าเหลือจากกินถึงจะขาย ซึ่งเงินที่ได้จากการขายข้าวก็จะมาลงทุนขุดบ่อเลี้ยงปลา 5 บ่อ มีทั้งปลานิล ไน ยี่สกและตะเพียน และอีก 10 ไร่ ทำเป็นนาบัว ซึ่งได้เรียนรู้การทำนาบัวมาจากการเดินทางไป จ.ขอนแก่น เห็นเกษตรกรปลูกบัวเต็มสระน้ำ เกิดความสนใจ จึงสอบถามเรียนรู้จนเข้าใจดี เมื่อกลับมาบ้านก็ซื้อพันธุ์บัวหลวงมาด้วย ทำการทดลองปลูกบนที่นา 2 ไร่ จำหน่ายให้กับพ่อค้า แม่ค้าในตัวเมืองอำนาจเจริญ ขายดีมาก หากเป็นวันสำคัญทางศาสนาก็จะมียอดสั่งเพิ่มเป็น 2 เท่า จึงต้องขยายพื้นที่การปลูกบัวเพิ่มเป็น 8 ไร่ รวมเป็น 10 ไร่ ขยายเพิ่มเป็น 17 ไร่
โดยวิธีปลูกบัวเริ่มแรกทำการปรับพื้นที่ ขุดเป็นสระน้ำ แล้วพรวนดิน จากนั้นให้ปล่อยน้ำลงไประดับน้ำสูงประมาณ 50 เซนติเมตร ต่อมานำพันธุ์บัวหลวง ที่ซื้อมาจาก จ.ขอนแก่น จำนวน 100 ต้น ทำการปลูก บัวก็จะเจริญเติบโตต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ให้ทดน้ำลงสระไปเรื่อยๆ ตามความเจริญเติบโตของต้นบัว ประมาณ 1 ปี ต้นบัวก็จะขยายพันธุ์เต็มสระน้ำและก็จะทยอยออกเป็นดอกบัวตูม หากเก็บไม่ทันก็จะออกเป็นผลบัว ถ้าปลูกบัวติดแล้วจะให้ดอกและผลตลอดเวลา เรียกว่าตลอดทั้งปี ที่ผ่านมาจะมีพ่อค้า แม่ค้า โทร.สั่งให้ไปส่งที่ตลาดในตัวเมืองอำนาจเจริญทุกวัน โดยเฉพาะวันสำคัญทางศาสนาจะต้องไปส่งถึง 2 เวลา คือ เช้าและกลางวัน ราคาจำหน่ายดอกละ 1 บาท ส่วนราคาตามท้องตลาดอยู่ที่ 3 ดอก 10 บาท และขาดดีมากในวันสำคัญทางศาสนา
นอกจากนี้ยังกันพื้นที่ จำนวน 1 ไร่ ปลูกดอกดาวเรือง ซึ่งที่ผ่านมาตลาดตอบรับดีมาก ซึ่งจะกำหนดไว้เลยว่า ถ้าสั่งซื้อดอกบัวจะต้องซื้อดอกดาวเรืองคู่กันด้วย แม้จะเป็นการบังคับทางอ้อม แต่พ่อค้าแม่ค้า ก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด เนื่องจากดอกบัวและดอกดาวเรือง ถือว่าเป็นดอกไม้มงคลทั้ง 2 ชนิด ใช้สำหรับปะกอบพิธีทางศาสนา โดยเฉพาะดอกดาวเรือง เป็นส่วนประกอบในการทำพวกมาลัย และเชื่อว่าใครมีพวกมาลัยดอกดาวเรืองคล้องคอจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้น จึงนิยมกันมาก ในบรรดาผู้สมัครนักการเมืองท้องถิ่น
สำหรับวิธีปลูกดอกดาวเรือง นายอนุสรณ์ อธิบายให้ฟังพอเข้าใจว่า เริ่มแรกทำการปรับพื้นดิน เตรียมดิน จากนั้น หว่านปูนขาว ต่อมาใส่ปุ๋ยคอก ทำแปลงปลูก ทำเป็นร่องน้ำรอบๆแปลง จากนั้นใช้พลาสติกใสคลุมแปลงดิน เพื่อป้องกันวัชพืช ต่อมาเจาะรู ระยะห่างประมาณ 50-70 เซนติเมตร แล้วใส่กล้าพันธุ์ลง ซึ่งร่องน้ำรอบแปลงก็ต้องสูบน้ำใส่จนทั่วให้น้ำชุ่มอยู่ตลอดเวลา ใช้เวลาประมาณ 25 วัน ก็สามรถเก็บขายได้ จำหน่ายดอกละ 1 บาท ซึ่งดอกดาวเรือง ชอบสภาพอากาศเย็น ที่ผ่านมาจะมีพ่อค้า แม่ค้าสั่งซื้อคู่กับดอกบัวทุกวัน ต้องนำไปส่งในตลาดตัวเมืองวันละ 2 เวลา สร้างรายได้ดีระดับหนึ่ง
นายอนุสรณ์ บอกทิ้งท้ายว่า ทำนาบัวและปลูกดอกดาวเรืองมากว่า 18 ปีแล้ว ปัญหาอุปสรรคก็มีบ้าง คือหากอากาศหนาวจัดติดต่อกันนานก็จะส่งผลกระทบการออกดอกของบัว หรือไม่ออกดอกเลย แตกต่างกับดอกดาวเรืองที่ชอบอากาศเย็น ส่วนแหล่งน้ำก็ใช้น้ำจากลำห้วยปลาแดก ด้วยการใช้เครื่องสูบน้ำเข้ามาผ่านท่อขนาดใหญ่และท่อพีวีซีย่อยต่อลงแปลงดอกดาวเรืองและบ่อปลา จึงมีน้ำใช้ตลอดปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี