ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฟอกเงินอุดหนุนโครงการศูนย์กลางเผยแพร่พระพุทธศาสนา หรือคดีทุจริตเงินทอนวัด ล็อตที่ 3 ยังหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยุ่อีก 1 รายคือ พระจำนงค์ ธมฺมจารี หรืออดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เจ้าคณะภาค 4-5-6-7 (ธรรมยุต) และรองเลขาธิการคณะธรรมยุต โดยขณะนี้มีรายงานข่าวแจ้งว่าได้หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาวแล้ว
มีการตั้งข้อสังเกตว่า การหนีการจับกุมของอดีตพระพรหมเมธี ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.61 ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ไปโผล่ที่ สปป.ลาวแล้วเหตุใดเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงไม่สามารถจับกุมตัวได้ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีนายตำรวจหลายนายได้ออกมาตอกย้ำความมั่นใจว่าจะสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมดภายในเร็วๆ นี้เนื่องจากรู้แหล่งกบดานของผู้ต้องหาแล้ว แม้กระทั่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ก่อนหน้านี้ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำไรวจตามจับกุมตัวให้ได้ภายใน 7 วัน พร้อมกับสั่งให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ให้เฝ้าระวังการเดินทางเข้า-ออกระหว่างประเทศอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการหลบหนี
แต่มาวันนี้อดีตพระพรหมเมธี ก็สามารถหลบหนีการจับกุมไปยังประเทศเพื่อนบ้านจนได้โดยอาศัยช่องททางธรรมชาติ โดยอาศัยเรือหาปลาข้ามจากชุมชนบ้านท่าควาย เขตเทศบาลเมืองนครพนม ตรงกับบ้านโพนแพง สปป.ลาว โดยได้รับการช่วยเหลือในการหลบหนีจากกลุ่มลูกศิษย์ เนื่องจากอดีตพระพรหมเมธี นั้นมีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมากเนื่องจากบวชมาตั้งแต่อายุ 12 ขวบจนถึงปัจจุบันกว่า 50 ปีแล้ว
แน่นอนการติดตามจับกุมอดีตพระพรหมเมธี นับแต่นี้เป็นต้นไปจึงเป็นงานที่ยากขึ้น
สำหรับพฤติการณ์ของ "พระจำนงค์ ธมฺมจารี" หรือ "อดีตพระพรหมเมธี" ที่ต้องหนีการจับกุมแบบเอาตัวรอดสุดชีวิตในครั้งนี้ เนื่องจากในช่วงที่เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามนั้นในปี 2557 นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) ในขณะนั้นได้เซ็นเช็คอนุมัติงบประมาณ 5 ล้านบาท มอบให้นายบุญเลิศ โสภา ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนศึกษา แล้วส่งเข้าบัญชีวัดสัมพันธวงศาราม เพื่อจัดทำโครงการโรงเรียนพระปริยัติธรรม ในช่วงที่สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวรมหาเถร) เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กำลังอาพาธ และมีอดีตพระพรหมเมธี เป็นผู้บริหารจัดการภายในวัดชั่วคราว
แต่กลายเป็นว่าเข้าบัญชีส่วนตัวของอดีตพระพรหมเมธี โดยที่ไม่ได้นำไปใช้จัดทำโครงการโรงเรียนพระปริยัติธรรมแต่อย่างใด แล้วต่อมาก็โยกเงินจำนวน 3.5 ล้านบาท ไปเข้าบัญชีที่ 2 ของอดีตพระพรหมเมธีอีกด้วย
หากย้อนกลับไปเมื่อ 27 ก.พ.2558 หรือเมื่อ 2 ปีก่อนสมัยที่พระจำนงค์ ยังเป็นพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ในฐานะกรรมการและโฆษกมหาเถรสมาคม (มส.) เคยตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงแนวทางการปฏิรูปคณะสงฆ์ ซึ่งมีแนวคิดตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของกรรมการมหาเถรสมาคมด้วย
โดยพระพรหมเมธี ในขณะนั้นกล่าวว่า "แล้วจะตรวจสอบเรื่องอะไร คือถ้าตรวจสอบของ มส.และพระสงฆ์ทั่วไปก็เหมือนการตรวจสอบศรัทธาของประชาชน พระองค์นี้ก็มีลูกศิษย์มาก พระองค์นี้มีลูกศิษย์น้อย อย่างหลวงพ่อเนี่ยบวชมาตั้งแต่อายุ 12 ปีจนมาถึงปัจจุบัน 50 กว่าปีก็มีลูกศิษย์มากมาย ลูกศิษย์เขาก็มีศรัทธา แต่ถ้าเราไปตรวจสอบทรัพย์สินของวัดสามารถตรวจสอบได้ แต่ตรวจสอบ มส.จะตรวจสอบเรื่องอะไร ส่วนจะเป็นการก้าวล่วงหรือไม่นั้น สังคมคิดว่าถ้าชาวบ้านมาก้าวล่วงกับพระสงฆ์อย่างหลวงพ่อที่มีลูกศิษย์ลูกหาที่เขาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ยกตัวอย่างอดีตนายกรัฐมนตรี เขาก็อาจจะเดือดร้อนว่ามารุกรานครูบาอาจารย์ของเขา นี่เป็นเรื่องที่ยากเหมือนกันนะเรื่องตรวจสอบ"
สำหรับประวัติ "พระจำนงค์ ธมฺมจารี" หรือ "อดีตพระพรหมเมธี" ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เจ้าคณะภาค 4-5-6-7 (ธรรมยุต) และรองเลขาธิการคณะธรรมยุต นามเดิมว่า มีนามเดิมว่า จำนงค์ เอี่ยมอินทรา เกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2484 ปีมะเส็ง เกิดที่บ้านริมน้ำนครชัยศรี ปากคลองบางระทึก ต.บางระทึก อ.สามพราน จ.นครปฐม อายุ 11 ขวบ โยมบิดา และโยมมารดา ได้นำไปบรรพชา เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2495 ณ วัดราษฎร์บำรุง เขตบางแค กรุงเทพฯ มีพระครูวิศาลปริยัติคุณ (งาม จันทเทโว) วัดสามัคคยาราม จ.ปทุมธานี เป็นพระอุปัชฌาย์
กระทั่งอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2504 ณ วัดสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ มีพระมหารัชชมังคลาจารย์ (เทศ นิทฺเทสโก) เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระเทพปัญญามุนี เป็นพระกรรมวาจารย์ และพระเนกขัมมมุนี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา ธมฺมจารี มีความหมายว่า ผู้ประพฤติธรรม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี