แหล่งข่าวอดีตข้าราชการระดับสูงสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเกษียณอายุแล้วเปิดเผยกับ "ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์" ว่า ตามที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบการทุจริตงบประมาณอุดหนุนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) หรือคดีเงินทอนวัด จนมีการจับกุมอดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่ไปดำเนินคดีแล้ว 4 คน ยังหลบหนีอยู่อีก 1 รูปคืออดีตพระพรหมเมธี หรืออดีตเจ้าคุณจำนงค์ และล่าสุดเจ้าหน้าที่ยังมีการตรวจสอบพบอีกหลายวัดทั่วประเทศมีการทุจริตเงินทอนวัดในทำนองเดียวกัน รวมทั้งยังข่าวเกี่ยวกับพระเสพเมถุน พระตุ๊ด เณรแต๋ว และมั่วสีกาตามมาอีกนั้น ปัญหาดังกล่าวมีมานานแล้ว แต่ถูกปกปิดเอาไว้ใต้พรม ไม่มีใครกล้าเข้าไปดำเนินการ ซึ่งเราต้องยอมรับว่าคำว่าพระนั้นมันมีอิทธิพลมาก เพราะเมื่อประชาชนเกิดความเชื่อและศรัทธาต่อพระรูปนั้นขึ้นมาแล้ว เรื่องที่ลือๆ กันออกไปเขาจะไม่เชื่อกันเด็ดขาด ยกเว้นเสียแต่จะจับได้คาหนังคาเขา มีภาพถ่าย หรือเป็นคลิปเป็นหลักฐานออกมาให้เห็น
"ขนาดเดินออกมาจากห้องกับหญิงสองต่อสองยังไม่ยอมรับเลย อย่างกรณ๊ที่เป้นข่าวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาที่จังหวัดสุรินทร์ที่ชาวบ้านพากันไปล้อมกุฎิเจ้าอาวาสตอนกลางคืนหลังจากพบสีกาคนหนึ่งเข้าไปในกุฎิแล้วปิดไฟ พอเปิดประตูออกมาพบเจ้าอาวาสนุ่งผ้าขนหนูอยู่ ส่วนสีกาหลบหนีไปแล้ว พบเพียงกางเกงในผู้หญิงตกอยู่ไว้เป็นหลักฐาน พอมีการตรวจสอบก็มีความพยายามที่จะช่วยเหลือกันจากพระฝ่ายปกครองอีก" แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวคนเดียวกัน เปิดเผยต่อว่า เรื่องของพระมีเมียยืนยันว่ามีจริง ไม่เว้นแม้แต่พระระดับผู้ใหญ่ บางรูปมีทั้งเมียทั้งลูก บางรูปให้เมียมาทำงานภายในวัด ส่วนพระตุ๊ด พระเกย์ก้มีเยอะตามที่มีพระอาจารย์บางรูปออกมาให้ข้อมูลนั้นเป้นความจริง แต่เรนื่องทั้งหมดจะไม่มีใครเชื่อคุณเลย เหตุเพราะไม่มีหลักฐานภาพถ่าย คลิปวิดีโอ เมื่อไม่หลักฐานดังกล่าว หากมองในแง่กฎหมายเขายังเป้นผู้บริษัทอยู่ ตราบใดถ้าคุณไม่มีหลักฐานก็จะไปกล่าวหาเขาไม่ได้ เผลอๆ คนที่ไปกล่าวหาอาจจะโดนกระทืบเอาด้วยซ้ำ แต่ตามหลักพระธรรมวินัย คนเหล่านั้นไม่ใช่พระแล้ว เขาขาดจากความเป็นพระไปนานแล้ว เพียงแต่เขาเอาผ้าเหลืองมาห่มคลุมไว้เพื่อบังหน้าเท่านั้น ซึ่งประชาชนจะต้องใช้ดุลยพินิจพิจารณาดูกันเองเอง
"วงการสงฆ์ ก็เหมือนกับทุกวงการทั่วๆ ไปที่มีทั้งคนดีและคนชั่ว วงการพระสงฆ์ก็ย่อมมีทั้งพระดี และพระไม่ดี รวมทั้งพระปลอมที่เขามาอาศัยผ้าเหลืองหากิน ซึ่งตรงนี้เจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายปกครองสงฆ์ และรัฐจะต้องเข้าไปดำเนินการในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ส่วนพระที่ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบนั้นก็มีมากเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่ท่านจะปลีกวิเวกไม่เข้ามายุ่งกับทางโลก เช่นเรื่องเงินของวัดที่มีผู้ศรัทธาเข้าไปบริจาค ท่านจะมอบให้ทางฝ่ายกรรมการวัดหรือไวยาวัจกรเข้าไปดำเนินการ เพราะท่านถือว่าเป็นเรื่องของทางโลกที่ชาวโลกจะต้องเข้าไปดำเนินการกันเอง ส่วนตัวท่านก็ทำหน้าที่ฝ่ายสงฆ์ของท่าน ซึ่งน่ากราบไหว้มาก" แหล่งข่าวกล่าว
พร้อมกับกล่าวต่ออีกว่า ส่วนพระไม่ดี ปฏิบัติตนอยู่นอกกรอบพระธรรมวินัยก็มีไม่น้อย มีการวิ่งเต้นซื่อขายตำแหน่งไม่แตกต่างอะไรกับข้าราชการทางโลกที่มีการวิ่งเต้นกันเพื่อชิงความเป็นใหญ่ มีความปรารถนาในลาภ ยศ สรรเสริญ สักการะ แสวงหาคำชื่นชม อยากเป็นผู้เลิศ นอกจากนี้ ยังมีการส่งส่วยจากผู้น้อยให้กับผู้ใหญ่ไม่แตกต่างอะไรกับทางโลก
"เคยมีพระผู้ใหญ่บางรูป และเชื่อว่าตอนนี้ก็จะยังมีอยู่ บางเดือนท่านจะเดินสายออกไปตรวจเยี่ยมวัดตามในจังหวัดต่างๆ ในสังกัดของตนเอง แต่การเดินทางไปนั้นไม่ได้ไปเพื่ออะไร แต่ไปเพื่อเก็บส่วยจากผู้น้อย ซึ่งแต่ละวัดจะต้องเตรียมเงินไว้ถวายขั้นต่ำก็ 10,000 บาท นอกจากนี้บางวัดยังมีการส่งส่วยให้เป็นรายเดือนด้วย ซึ่งไม่แตกต่างไปจากฆราวาส จนพระผู้ใหญ่บางรูปมีเงินเป็น 100 ล้านก้มี" แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวอดีตข้าราชการระดับสูงสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวต่อว่า ส่วนการแสวงหาผลประโยชน์ภายในวัด หรือที่เราเรียกกันว่า พุทธพาณิชย์จนบางวัดมีเงินทองมากมายนั้น เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้นในช่วงนี้แต่มันมีมานานแล้วเหมือนกัน จนบางครั้งเราดูไม่ออกด้วยซ้ำไปว่านี่วัด หรือสถานที่ท่องเที่ยว หรืออะไรกันแน่
มีหลายวัดที่มีทั้งการทุจริต เอาวัดไปแสวงหาผลประโยชน์ โดยความร่วมมือกันระหว่างทางวัดกับนายทุนบางกลุ่ม โดยเฉพาะวัดที่มีชื่อเสียง วัดที่มีพระพุทธรูปดังๆ จะมีคนกลุ่มนี้เข้าไปหาผลประโยชน์ร่วมกันแบบวัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่ง บางวัดภายในปีเดียวมีรายได้หลายสิบล้านบาทจนทำให้บางวัดถึงขั้นแย่งกันเป็นเจ้าอาวาสก็มี
เช่นมีอยู่วัดหนึ่งที่มีพระพุทธรูปดังอยู่ใกล้ๆ กับกรุงเทพฯ มีการเปิดประมูลที่เก็บรองเท้าของวัดกันในวงเงินที่สูงถึงหลักล้านบาทต่อปี ภายใน 1 เดือนสามารถเก็บเงินได้มากถึง 1-2 ล้านบาท เพราะคนที่เขาไปเที่ยวทำบุญเมื่อเขาเกิดศรัทธาเขาก็ย่อมที่จะควักเงินจ่ายทำบุญกัน 10 บาท 20 บาท 50-100 บาทยังมี นี่แค่ค่าเก็บรองเท่านะครับ ดังนั้น จึงแน่นอนว่าเขาจะต้องได้เงินราวๆ 20 ล้านบาทต่อปี คิดดูเอาว่าเขาจะได้กำไรเท่าไหร่ และเงินเหล่านั้นนำไปไหน อยู่ในมือใคร
แหล่งข่าวคนเดิม เปิดเผยต่ออีกว่า นอกจากนี้ยังมีอีกวัดหนึ่งอยู่ทางฝั่งทิศตะวันออก ซึ่งอยู่ไม่ไกล้จากกรุงเทพฯ เช่นกันที่เปิดให้มีการเช่าแผงขายของ ซึ่งวัดนี้ก็มีพระพุทธรูปดังเช่นกัน คิดดูว่าเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ เจ้าอาวาสจะไม่รู้ไม่เห็นเลยหรือเป็นไปไม่ได้ ตนเห็นว่าวัดเหล่านี้ต่อไปข้างหน้าจะเป็นวัดที่มีอำนาจและอิทธิพลมาก เพราะมีเงินจำนวนมหาศาล จำไว้ว่าวัดไหนมีเงินมาก วัดไหนดัง คนใหญ่คนโตให้ความสนใจวัดนั้นๆ จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่เกาะแสงสว่างจากชื่อเสียงเหล่านี้เพื่อจะให้ตัวเองมีตัวตนและหวังผลประโยชน์
"วัดที่ผมเข้าไปสัมผัสกับตัวเองที่อยู่ในกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ วัดนี้ก็มีผลประโยชน์มหาศาล เจ้าอาวาสถึงขึ้นจ้างคนไปไล่ที่ชาวบ้านโดยอ้างว่าคนที่เช่าที่อยู่นั้นขายยาและเปิดบ่อน พอมารู้เบื้องลึกแล้วมันมีอะไรมากว่านั้น นอกจากนี้ยังมีอีกวัดที่ผมเข้าไปสัมผัสมาเช่นกันซึ่งเจ้าอาวาสเป็นพระดังอยู่ในขณะนี้ เจ้าอาวาสมีเงินเป็น 100 ล้านบาทหรืออาจมากว่านั้นด้วยซ้ำ นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะที่ยังบอกไม่หมด เพราะถ้าขืนพูดมากไปก็จะไม่มีใครเชื่อ เพราะไม่มีหลักฐานอย่างที่ว่า แต่ก็อยากให้ประชาชน พุทธศาสนิกชนได้พิจารณากันเองเอง ทั้งนี้ เพราะพระมีทั้งดีและไม่ได้ ต้องใช้ปัญญากันให้มากๆ ครับ" แหล่งข่าวอดีตข้าราชการระดับสูงสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเกษียณอายุแล้ว กล่าวในที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี