ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมฯ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีมติให้อายัดทรัพย์สินของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้แก่นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อดีตปลัด พม., นายณรงค์ คงคา อดีตรองปลัด พม., และนายธีรพงษ์ ศรีสุคนธ์ อดีตผู้ตรวจราชการ พม.กับพวกที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์รวม 12 ราย จำนวน 41 รายการ มูลค่าประมาณ 88 ล้านบาท หลังมีพฤติการณ์ทุจริตการยักยอกเงินช่วยเหลือคนยากไร้
สำหรับพฤติกรรมการทุจริตเงินช่วยเหลือผู้ยากไร้ของข้าราชกลุ่มนี้ที่มีนายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อดีตปลัด พม.นั้น พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รองเลขาธิการ รักษาราชการแทน (รรท.) เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยว่า จากการดำเนินการตรวจสอบเชิงลึกของคณะกรรมการธุรกรรมฯ พบว่าข้าราชการและเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้ง 3 รายมีลักษณะการทำงานเป็นขบวนการผ่านทางการจัดสรรเงินงบประมาณลงไปยังศูนย์และหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดทั่วทุกภาค และมีการจัดทำเอกสารการเบิกจ่ายเงินงบประมาณอันเป็นเท็จ โดยนำเงินที่ได้จากการทุจริตเบิกจ่ายส่งกลับคืนไปยังผู้บริหารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการในขณะนั้น และแปลงเงินไปเป็นทรัพย์สินในรูปแบบอื่นให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ เช่น ที่ดิน ห้องชุด รถยนต์หรู เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร และหลักทรัพย์ต่างๆ
"จากการสืบสวนข้อมูลทางการเงินและข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เกี่ยวข้องพบว่า มีการได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานตาม กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นจำนวนมาก คณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของกลุ่มข้าราชการดังกล่าวมูลค่าประมาณ 88 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน"
"ทั้งนี้ นอกจากจะถูกยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแล้ว หากใครมีพฤติการณ์ในการรับหรือโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการทุจริตก็อาจต้องถูกดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงิน ซึ่งมีโทษจำคุก 10 ปีต่อการโอนหรือรับโอน 1 ครั้ง กล่าวโดยสรุปแล้วผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต นอกจากจะถูกยึดหรืออายัด ทรัพย์สินแล้ว ตัวผู้กระทาความผิดเอง ผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ หรือนอมินี ที่รับโอนทรัพย์สินจากผู้กระทาความผิดทุกคนก็ยังอาจต้องถูกลงโทษจาคุกในความผิดฐานฟอกเงินด้วย" พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ กล่าว
เมื่อย้อนดูประวัติของนายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อดีตปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จบปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ปี 2542 ดำรงตำแหน่ง ผอ.ศูนย์ฝึกอาชีพเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ 36 พรรษาจังหวัดชลบุรี, ปี 2543 ที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน สำนักงานแรงงานในประเทศกรีซ, ปี 2545 อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน สำนักงานแรงงานในประเทศญี่ปุ่น, ปี 2547 ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งชายธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี, ปี 2548 ผู้ปกครองสถานแรกรับเด็กชายปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี, ปี 2549 ผอ.ศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ 9 จังหวัดชัยนาทและปฏิบัติหน้าที่ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองทุ่งโพธิ์ทะเล จังหวัดกำแพงเพชรอีกตำแหน่งหนึ่ง
ปี 2550 ผอ.ศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ 62 จังหวัดสระบุรีและปฏิบัติหน้าที่ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี อีกตำแหน่งหนึ่ง, ปี 2551 ผอ.สำนักบริหารกลาง กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ, ปี 2552 ผอ.สำนักบริหารงานกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ, ปี 2553 รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ, ปี 2556 ผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, ปี 2557 ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และปี 2560 ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เมื่อ 23 ก.พ.61 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ให้นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัด พม.ในขณะนั้น และนายณรงค์ คงคำ รองปลัด พม.ในขณะนั้นให้มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกฯ หลังจาก พม.ได้รับแจ้งข้อมูลจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินกรณีตรวจพบความผิดปกติในการเบิกจ่ายงบประมาณเงินอุดหนุนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่ง พม. ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงมาแล้วคณะหนึ่ง ผลการสืบตรวจพบความผิดปกติจริงแต่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ และ พม. อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม โดยที่ความผิดปกติดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติราชการของข้าราชการระดับสูงของ พม. และอาจเกี่ยวพันกับข้าราชการในวงกว้าง ซึ่งจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไปฯ
ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวมีความถูกต้องและเป็นธรรม จึงมีคำสั่งให้นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัด พม.และนายณรงค์ คงคำ รองปลัด พม.มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ทั้ง 2 ปฏิบัติหน้าที่เป็นที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งการปฏิบัติหน้าที่ให้อยู่ในความควบคุมและกำกับดูแลของรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้กำกับการปฏิบัติราชการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
26 ก.พ.61 ข้อมูลในเว็บไซค์กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปรากฎชัดเจนว่า นายพุฒิพัฒน์ เคยดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ซึ่งดูแลศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2557 ก่อนได้รับตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงเมื่อตุลาคม ปี 2560
ส่วนการตรวจสอบพบการทุจริตในศูนย์คนไร้ที่พึ่งจากข้อมูลพบว่าสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเคยมีหนังสือด่วนลับมาก ส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เมื่อ 30 มิ.ย.60 ว่า ให้ตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง หลังได้รับร้องเรียนความไม่ชอบมาพากลการเบิกจ่ายเงิน แม้จะพบว่ามีการทุจริตจริง แต่ไม่พบข้อมูลว่านายพุทธิพัฒน์ เกี่ยวข้องหรือไม่ จนกระทั่งมีคำสั่งย้ายนายพุทธิพัฒน์ ออกจากพื้นที่
แม้จะยังระบุไม่ได้ว่าการสั่งย้ายปลัด พม.คนดังกล่าว เชื่อมโยงกับการทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่งหรือไม่ แต่จากคดีทุจริตศูนย์คนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น ของสำนักงาน ป.ป.ท.ได้ขยายผลจนพบการทุจริตในศูนย์อื่นรวม 14 ศูนย์ที่น่าสนใจ คือ พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ทุจริตมีลักษณะคล้ายกัน ในลักษณะนำรายชื่อประชาชนที่เคยทำกิจกรรมอื่นมาสวมสิทธิ์เบิกจ่ายเงินช่วยเหลือในโครงการนี้
ขณะที่บางส่วนพบว่าในระเบียบการช่วยเหลือระบุให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ใช้ดุลยพินิจเบิกจ่ายเงินได้ ว่าจะช่วยเหลือในอัตราเท่าไหร่ ส่งผลให้มีการทุจริตในรูปแบบการเบิกเงินเต็มจำนวน 3,000 บาท แต่มอบให้ประชาชนไม่ครบจำนวน
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติของนายพุทธพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อดีตปลัด พม.ยังพบว่า เคยถูกนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ขอให้ตรวจสอบการทุจริตโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนไร้ที่พึ่งและคนขอทาน ผู้ป่วยโรคเอดส์ เพื่อให้มีคำสั่งย้ายนายพุฒิพัฒน์ และนายณรงค์ คงคำ รองปลัด พม.กับพวกรวม 5 คนออกจากตำแหน่ง เพื่อให้การตรวจสอบมีประสิทธิภาพมาแล้ว เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา
โดยในหนังสือร้องเรียนได้ระบุข้อน่าสังเกต คือ นายพุทธพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัด พม.นั้น มีประวัติการเปลี่ยนชื่อและนามสกุลถึง 4 ครั้ง คือ
ชื่อที่ 1 ชื่อดั้งเดิม นายศิริพงษ์ โชคสถิตย์
ชื่อที่ 2 เปลี่ยนชื่อ นายพุฒิพัฒน์ โชคสถิตย์
ชื่อที่ 3 เปลี่ยนชื่อ นายพุฒิพัชร์ โชคสถิตย์
ชื่อที่ 4 เปลี่ยนชื่อกลับมาเป็น นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี