เห็นด้วยหรือไม่พระรับเงินได้ ?? ขณะนี้มีการถกเถียงกันในประเด็นนี้กันมากมายในกลุ่มฆราวาสเองก็เห็นต่าง ขณะที่ในกลุ่มภิกษุสงฆ์ก็ยิ่งเห็นแตกต่างกันออกไป บ้างก็ว่ารับเงินได้ถ้าเหมาะสมเป็นสิทธิ์ที่พระจะมีเงินในบัญชีเพื่อความจำเป็นในการดำรงชีวิต บ้างก็ว่าไม่เหมาะสมเพราะการสะสมเป็นวิสัยของ "คฤหัสถ์-ฆราวาส" ผู้ครองเรือนไม่ใช่ "พระ" ที่ยึดแนวทางเจริญรอยตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ออกบวชเพื่อประพฤติ ปฏิบัติตนเพื่อห่างไกลจากกิเลส
ท่ามกลางหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปรากฏเป็นข่าวอื้อฉาว พบว่าพระในวัดดังที่มียอดจำนวนเงินประชาชนมาทำบุญ - บริจาคสูง ส่วนใหญ่จะมีพระเข้าไปเกี่ยวพันกับเรื่องเงินๆทองๆแทบทั้งสิ้น ไม่มียกเว้นแม้แต่พระที่บวชมาหลายพรรษา อย่างพระเถระระดับชั้นพระพรหม 3 รูป ซึ่งล้วนเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม เข้าไปมีส่วนในคดีเงินทอนวัดถูกตั้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ได้แก่ อดีตพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) หรือเจ้าคุณเอื้อน เจ้าอาวาสวัดสามพระยา เจ้าคณะกรุงเทพฯ อดีตพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) หรือเจ้าคุณธงชัย เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และเจ้าคณะภาค 10 ขณะที่อดีตพระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) หรือเจ้าคุณจำนงค์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม และเจ้าคณะภาค 4-7 ที่หลบหนีไปเยอรมนี
จากการที่ตำรวจกองปราบปรามตรวจค้นกุฏิอดีตพระพรหมสิทธิ หรือเจ้าคุณธงชัย พบบัญชีเงินฝากส่วนตัว 10 บัญชี รวมเงิน 132 ล้านบาท ส่วนอดีตพระวิสุทธิศาสนวิเทศ หรือ เจ้าคุณปิง พระเลขานุการส่วนตัวอดีตพระพรหมสิทธิ ตรวจค้นภายในกุฏิพบหลักฐานภาพลามกอนาจารเจ้าคุณปิงกับฆราวาสชายรายหนึ่ง และพบภาพเปลือยผู้ชายจำนวนหนึ่งอยู่ด้วย เจ้าตัวจึงยอมสละสมณะเพศด้วยตัวเอง
ขณะที่ตั้งแต่อดีตกาลมาถึงปัจจุบันชาวบ้านที่บอกว่าตัวเองเป็นชาวพุทธหรือพุทธมามกะ ต่างรับรู้กันว่าพระคือผู้ชายที่แสดงเจตจำนงเข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัตร์เพื่อเจริญรอยพระศาสดาโดยปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ถือศีล 227 ข้อเพื่อเป้าหมายห่างไกลจากกิเลส ซึ่งดำรงตนด้วยวัตรปฏิบัติที่สูงแตกต่างจากชาวบ้านผู้ครองเรือนที่ถือศีลเพียง 5 ข้อ จึงได้รับการเคารพและศรัทธา กราบไหว้โดยไม่แบ่งแยกว่ามาจากตระกูลสูงต่ำ การศึกษาระดับใด เป็นต้น
แต่ปัจจุบันบ่อยครั้งมีภาพผู้ชายหัวโล้นห่มผ้าเหลืองกินเหล้าสุรา มีวิดีโอโป๊ในกุฏิ เสพยาเสพติด ทำร้ายร่างกาย ฆ่ากันตาย หลับนอนกับผู้หญิงหรือชายในกุฏิ เอาเงินของวัดเข้าบัญชีตัวเอง-สีกา-ญาติพี่น้อง คนสนิท หากเป็นเช่นนี้เพียงแค่ศีล 5 ข้อ ห้ามฆ่าและเบียดเบียนชีวิต ลักหรือเอาทรัพย์ไม่ใช่ของตนมาครอบครอง ประพฤติผิดในกาม พูดปดโกหกเพื่อให้เกิดความเสียหาย เสพของมึนเมา ยุ่งเกี่ยวอบายมุขนั้น ชายคนดังกล่าวก็ล่วงละเมิดศีล5 ปฏิบัติไม่ได้แล้ว เป็นคฤหัสถ์ครองเรือนที่ดียังไม่ได้เลย ถ้าอย่างนั้นวันนี้วันนี้เราควรจะหมดศรัทธาเพียงเพราะคนเสื่อมนุ่งห่มผ้ากาสาวพัตร์แล้วมาอาศัยอยู่ในร่มโพธิ์พุทธศาสนา จนถูกมองว่าพุทธศาสนาเสื่อม ถ้าอย่างงั้นคงต้องกลับมาถามหาแนวทางว่าผู้ที่เราจะให้ความเคารพศรัทธาเรียกว่าเป็น "พระภิกษุสงฆ์" ได้ ควรจะเป็นอย่างไร
เราลองไปรับฟังข้อคิดคำสั่งสอนที่ "หลวงปู่จันทา ถาวโร" พระครูบาอาจารย์ที่มีปฏิปทาธรรมที่ดี มีความเพียรปฏิบัติตนเพื่อแนวทางห่างไกลจากกิเลส ซึ่งท่านได้เทศน์สั่งสอนลูกศิษย์ พระเณร เมื่อครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่ในหัวข้อ "ภัยของศาสนา" ซึ่งเป็นเนื้อหาตอนหนึ่งจาก...หนังสือ 80 ปี หลวงปู่จันทา ถาวโร เจ้าอาวาสวัดป่าเขาน้อย อำเภอวังทรายพูน จังหวัดพิจิตร
"ภัยของศาสนา"จากหนังสือ 80 ปีหลวงปู่จันทา
บวชเข้ามาแล้วไม่ปฏิบัติตามหลักพระวินัย ท่านสอนว่าอย่าขุดดินฟันไม้นะ อย่ากินข้าวแลงแกงร้อน เล่นสีกงสีกานารี สุรานารี ก็ทำไปเสีย อย่าร้องรำทำเพลงนะ ผิดวิสัยของสมณะ ก็ทำเสีย อย่าไปดูลิเกละครหนังหมอลำหมู่ มหรสพต่างๆ ก็ทำไปเสีย อย่าดีดสีตีเป่าร้องรำทำเพลง ก็ทำเสีย ในเวลาวิกาลอย่าเข้าไปในบ้าน ก็เข้าไปเสีย โอ๋...อย่างนี้สอนแล้วสอนเล่าก็ไม่เอา ภิกษุบวชใหม่อย่ายืนกินน้ำกินอาหารนะ ปรับอาบัติทุกกฎ ก็ยืนกินเสีย อย่าไปประจบประแจง ประทุษร้ายตระกูลด้วยการซื้อถูกขายแพง อย่างโน้น อย่างนี้ เอาของปลอมไปหลอกลวงเขา ก็ทำเสีย
ครั้นภิกษุ ก.ห้ามก็ไม่ฟัง “เพื่อน...เรามาบวชเพื่อหวังดีนะ อยากได้ของดีคือพระนิพพาน จะมาทำตนเหมือนคนชาวบ้าน แม้ชาวบ้านเขาก็ไม่เป็นอย่างนี้ นั่นแหละ ได้ชื่อว่า “ประพฤติตนเป็นโจรปล้นศาสนธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า” อาศัยผ้ากาสาวพัตร์หากินเลี้ยงชีพ นุ่งห่มเข้าไปแล้วเกิดมานะถือตัว ไปไหนเขาก็ให้กินต่าว่าศีลของเราไม่บริสุทธิ์ จะว่าดีได้อย่างไร มีแต่บาปทั้งนั้น เพราะหลอกลวงเขากิน นั่นแหละ”
อุปะทุสิกา บวชอย่างนี้บวชประทุษร้ายศาสนา ดีดสีตีเป่า ร้องรำทำเพลง เล่นสีกงสีกานารี สุรานารี ฟังเทป วิดีโอ โทรทัศน์ ลิเก หนังละคร ขุดดินฟันไม้ ถือเงินบายทอง กินข้าวแลงแกงร้อน
อุปะมุยะหิกา บวชเข้ามาแล้วหาของเล่นสนุกสนานเหมือนอย่างฆราวาส ฆราวาสเขามีอะไร เทป โทรทัศน์ วิดีโอ นั่นแหละ ร้องรำทำเพลงทุกอย่าง ทุกวันคืน ดูแต่ของเหล่านั้น พระพุทธเจ้าสอนให้ดูกรรมฐาน ชำระจิตให้ผ่องใส พิจารณากายว่าเป็นของไม่สวยงาม เป็นของไม่ยั่งยืน ก็ไม่ยอมฟัง แล้วก็ไม่ยอมทำตาม
อุปะนิสะระณิกา บวชมาแล้วก็เป็นผู้แสวงหาที่สงัดแสวงหาครูอาจารย์ที่ดี แล้วก็อดนอนผ่อนอาหาร ชำระใจให้ผ่องใส เจริญมรรคอยู่เป็นนิจ อยู่ในที่สงบสงัด มันจึงจะเป็นไป จะมาก่อเหตุให้กิเลสเห่อเหิม เผาจิตใจให้เร่าร้อน ไม่ใช่สมณะ จงเป็นสมณะที่ดี มันจึงจะใช้ได้ เป็นผู้แสวงหา อารัญญิกังคะ อยู่ป่าเป็นวัตร รุกขะมูลิกังคะ อยู่โคนต้นไม้เป็นวัตร โสสานิกังคะ อยู่ป่าช้าเป็นวัตร อัพโภคาสิกังคะ อยู่ที่แจ้งๆ เป็นวัตร ยถาสันถติกังคะ อยู่เงื้อมเขาเป็นวัตร เนสัชชิกังคะ อดนอนผ่อนอาหาร นี่จึงได้ชื่อว่า อุปะนิสะระณิกา ผู้บวชเข้ามาแล้วตั้งใจประพฤติวัตรปฏิบัติเอาชนะกิเลสและธาตุขันธ์ มันจึงจะเป็นไป
นี่แหละ ภิกษุ ก. ห้ามไม่ฟัง กระทำตนเป็นภิกษุว่ายาก สอนยาก สงฆ์สวดกรรมเพื่อจะให้ละข้อที่ประพฤตินั้น ถ้าไม่ละ สังฆาทิเสส กินหัว
สมัยพุทธกาลโน้นเป็นอย่างนี้ ใครประพฤติผิดเข้าก็นำเรื่อง กราบทูลพระพุทธเจ้า และสงฆ์ชำระ ถ้าเลิกละก็ดีมาก ละชั่ว ประพฤติดี ทำจิตให้ผ่องใส
แต่สมัยนี้ ใครทำอย่างไรก็แล้วไปนะ ปัจจัตตัง รู้เฉพาะตนนะ ฉะนั้นจงเป็นผู้ฉลาดแสวงหาครูบาอาจารย์ที่ดีเรียบร้อย พอที่จะแนะนำพร่ำสอนศีลธรรมได้ ผมดูแล้วทุกวันนี้ คามวาสีนะ โอ๋... ห่มผ้าดำเฉยๆ นะเจ้า แต่ทุกวัดมีวิดีโอ เทป โทรทัศน์ ให้พระเณรดูนะ เมื่อไหว้พระสวดมนต์ เสร็จแล้วก็เอาเลย ดูอย่างนั้นเรื่องโลก เอาหนังสือพิมพ์มาดู บอกว่าได้ปัญญา ได้ปัญญาอย่างไร มีแต่เขาแสดงเรื่องโลกทั้งนั้น ถ้าได้ปัญญาดี พระพุทธเจ้าก็คงจะไม่ออกผนวชอยู่ป่า พระอริยะเจ้าทั้งหลายก็เหมือนกัน มีแต่ออกอยู่ป่าทั้งนั้น...
วัดใด สำนักใด มีโทรทัศน์ เทป วิดีโอ นั่นแหละ คือ มหาโจรใหญ่ แต่คำพูดนั้นว่าเป็นเทพยดา เป็นบุญ เป็นกุศล เป็นนักปราชญ์ แต่จิตใจเป็นมาร เพราะใจนั้นหยาบช้าลามก เอาแต่ของที่ผิดศีลธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามาสะสมมาฉาบทาจิตใจ มันก็เร่าร้อน มีแต่เสียทั้งนั้น อย่าสำคัญมั่นหมายว่า ตัวเราประพฤติปฏิบัติถูก
ที่สำนักวัดป่าเขาน้อยนี้ ไม่ให้มีนะ ถ้ามีแล้วไม่ได้ ขับกันอย่างใหญ่เลย แต่ถ้าใครมีแล้วลักเปิดลับๆ บาปกินหัว นั่นแหละ นัตถิ โลเก ระโห นามะ ความลับไม่มีในโลกนะ นัตถิ โลเกอะนินทิโต เมื่อทำผิดแล้วไม่ถูกนินทาไม่มีในโลกแน่นอน....
นั้นแหละ พระเณรองค์ใด เปิดเทปฟังเพลงลูกทุ่งนะ จะว่าฉันไม่รู้ รู้!...ฉะนั้นจงเตรียมตัวออกพรรษาแล้วเสร็จธุระ นิมนต์กลับบ้าน ไม่ให้อยู่อีกต่อไป มาอีกกฎไม่รับ เพราะล่วงเกิน ฉันมาอยู่นี่ 8 ปี ประกาศไว้แล้ว แต่ยังไม่ยอมอ่าน อ่านแล้วไม่ยอมละ นั่นแหละ ผมเองเอามือเขียน แต่ท่านเอาตีนลบ คือ หมายความว่า ไม่ยอมปฏิบัติตามนั้น ทำให้เสียภาพพจน์ของวัดป่าเขาน้อย
ผมเองเป็นพระคนโง่ ตั้งแต่วันบวชนั่นแหละโง่มาเสมอ โง่เรื่องอารมณ์ของโลก ไม่เอามาฉาบทาใจให้เศร้าหมอง แต่ฉลาดในเรื่องของธรรม นั่นแหละ ยอมตัวประพฤติปฏิบัติตามครูบาอาจารย์ ท่านสอนมาอย่างนั้น ไม่ลดละ แล้วจึงได้ธรรมะ แหม...แสนโง่แสนร้ายเสียสิ้น แต่แล้วผมก็ไม่ยอมละเรื่องทำคุณงามความดี ปราชญ์ท่านสอนอย่างไร ทำอย่างนั้น
ที่นี้ตอนเย็นเสร็จกิจแล้วเปิดไฟฟ้าไว้ แล้วก็พากันไปชุมนุมกันกุฏิโน้นกุฏินี้ พูดจาพาทีกันแต่เรื่องโลกทั้งนั้น เรื่องธรรมไม่มี นั่นแหละ ทำใจให้เศร้าหมอง ได้ทราบข่าวว่า วัดป่าเขาน้อย หลวงพ่อจันทา หลวงพ่ออ่ำ เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ควรไปบวชและอยู่ด้วย แต่มาแล้วไม่ทำอย่างใจหมาย เมื่อเสร็จกิจแล้ว เดินจงกรมมีน้อย แล้วก็เปิดไฟทำเหมือนกับว่าทำความเพียรนั่นแหละ เรียกว่า จะแสดงตนว่าเป็นคนฉลาดแกมโง่ เรียกว่าหลอกลวงตนและหมู่เพื่อน ... นั่นแหละ จงเตรียมตัวระวังตัวให้ดี ประพฤติตัวเสียใหม่ อย่าให้เสียชื่อเสียงเรียงนาม...
นั่นแหละ พระเณรอย่าทำตนเป็นคนว่ายากสอนยาก จงเป็นคนบอกนอนสอนได้ เชื่อถ้อยฟังคำของครูบาอาจารย์ ประพฤติตามธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ...อยากได้ดีจงละเลิกละเว้น มันจึงจะดีนะ ถ้าไม่เชื่อผม ก็ทำไปจะผิดหวังทั้งนั้น
เปิดประวัติ "หลวงปู่จันทา ถาวโร"
ประวัติหลวงปู่จันทา ถาวโร เจ้าอาวาสวัดป่าเขาน้อย ตำบลวังทรายพูน อำเภอวังทรายพูน จังหวัดพิจิตร เกิดเมื่อวันเสาร์ ที่ 10 ก.พ.2465 มีชื่อจริงว่า จันทา ชัยนิด เกิดที่จังหวัดร้อยเอ็ด หมู่บ้านแดง ตำบลเหนือเมือง อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นบุตรของนายสังข์ ไชยนิตย์ และนางเลี่ยม ชมพูวิเศษ มีพี่น้องรวม 6 คน
หลวงปูจันทา เป็นบุตรคนที่ 4 หลวงปู่จันทา ได้พรรษาในฝ่ายมหานิกาย 3 พรรษา และพรรษาในฝ่ายธรรมยุติกนิกาย 62 พรรษา เป็นพระปฎิบัติดีปฏิบัติชอบของจังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นพระปฎิธรรมสายธรรมยุตนิกาย ฉันภัตราหารในบาตรเพียงมื้อเดียวคือมือเช้า เป็นพระที่ยึดถือปฎิบัติธรรมที่ประชาชนศรัทธา และถือว่าเป็นพระที่บริสุทธิ์ ประพฤติดี ปฎิบัติชอบ ในสายพระอาจารย์มั่น และเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู
โดยหลังจากดูแลหลวงปู่ขาว จนมรณภาพ เมื่อปี 2526 จึงเดินทางมาปฎิบัติธรรมที่วัดป่าเขาน้อย จนกระทั่งวันที่ 21 ก.พ.2555 หลวงปู่จันทา ถาวโร ได้มรณภาพอย่างสงบเมื่อเวลา 06.00 น.ที่กุฎิหลวงปู่ ด้วยโรคชราขณะอายุ 90 ปี 11 วัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี