เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์บังคับโทษตามคำพิพากษาด้วยการฉีดยาสารพิษ ประการชีวิตนักโทษเด็ดขาด น.ช.ธีรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นเพื่อชิงทรัพย์ เหตุเกิดที่ จ.ตรัง เมื่อวันที่ 17 ก.ค.2555 ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นเหตุสะเทือนขวัญ ซึ่งผู้ต้องขังรายนี้ถือเป็นนักโทษประหารรายที่ 7 ที่ถูกประหารด้วยการฉีดสารพิษเข้าร่างกาย โดนวิธีการดังกล่าวเริ่มใช้ครั้งแรกเมื่อ 12 ธันวาคม 2546 และใช้ครั้งสุดท้ายเมื่อ 24 สิงหาคม 2552 หลังจากนั้นแดนประหารภายในเรือนจำบางขวาง จังหวัดนนทบุรี ก็ไม่ได้ถูกใช้มานานถึง 9 ปี จนกระทั่งถึงคราวของนักโทษเด็ดขาด น.ช.ธีรศักดิ์ ซึ่งถือว่าเป็นรายที่ 7
สำหรับการประหารนักโทษเด็ดขาดโดยใช้ยาพิษฉีดเข้าร่างครั้งแรกเกิดกับนักโทษค้ายาเสพติดถูกประหารไป 3 ราย ส่วนอีกรายเป็นนักโทษคดีฆ่าคนตายประเดิมวิธีประหารชีวิตแบบใหม่ไปเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2546 จนมาถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2552 ก็มีนักโทษถูกตัดสินประหารชีวิตอีกจนได้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมราชทัณฑ์ได้ประหารชีวิตด้วยการยิงเป้านักโทษประหารชีวิตรายสุดท้ายเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2545 และประหารชีวิตด้วยการฉีดสารพิษเข้าร่างกาย 6 ราย ครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2546 เป็นชาย 4 รายนักโทษคดียาเสพติด 3 ราย คดีความผิดต่อชีวิต 1 ราย ครั้งที่สองการประหารชีวิตด้วยการฉีดสารพิษเข้าร่างกายคือเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2552 เป็นนักโทษเด็ดขาดและต้องคดีเกี่ยวกับยาเสพติดรายใหญ่ 2 ราย ซึ่งถูกจับกุมพร้อมของกลางยาบ้านับแสนเม็ด ผ่านการพิจารณาคดีจนถึงที่สุด ศาลตัดสินประหารชีวิตด้วยวิธีฉีดยาพิษเข้าร่างกายแทนการยิงเป้า
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 ประการชีวิตนักโทษเด็ดขาด น.ช.ธีรศักดิ์ ผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นเพื่อชิงทรัพย์ ซึ่งผู้ต้องขังรายนี้เป็นนักโทษประหารรายที่ 7 ด้วยการฉีดยา
ส่วนที่กรมราชทัณฑ์ได้คุมขังนักโทษที่ต้องโทษประหารชีวิต ข้อมูล ณ เดือนเมษายน 2560 มีนักโทษต้องโทษประหารชีวิตทั้งหมด 447 ราย จำแนกเป็นคดียาเสพติดให้โทษ ระหว่างชั้นอุทธรณ์ เป็นนักโทษชาย 105 ราย หญิง 51 ราย, ชั้นฎีกา เป็นชาย 12 ราย หญิงไม่มี และในชั้นเด็ดขาด เป็นชาย 55 ราย หญิง 13 ราย
ส่วนผู้ต้องขังในคดีความผิดทั่วไป เช่นคดีฆ่าคนตายอยู่ระหว่างชั้นอุทธรณ์ เป็นชาย 110 ราย หญิง 6 ราย, ชั้นฎีกาเป็นชาย 6 ราย หญิงไม่มี และนักโทษชั้นเด็ดขาด เป็นชาย 85 ราย และหญิง 4 ราย จากสถิติดังกล่าวพบว่าโทษประหารชีวิตในคดีทั่วไปมีจำนวนมากกว่าคดียาเสพติดให้โทษ
ทั้งนี้ นักโทษประหารจะถูกควบคุมตามเรือนจำต่างๆ ดังนี้ เรือนจำกลางบางขวาง 275 คน เรือนจำกลางคลองเปรม 2 คน เรือนจำกลางเขาบิน 19 คน เรือนจำกลางสงขลา 31 คน เรือนจำกลางพิษณุโลก6คน เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช 46 คน ทัณฑสถานหญิงกลาง 57 คน ทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา 4 คน และทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ 7คน
สำหรับการประหารชีวิต บทลงโทษทางอาญาหนักที่สุดตามกฎหมายไทยในอดีตก่อนปี 2478 ใช้มีดดาบบั่นคอให้ขาด จนเปลี่ยนมาเป็นยิงเป้า และในปี 2546 เป็นต้นไป ได้เปลี่ยนจากยิงเสียให้ตาย เป็นการฉีดสารพิษ
การประหารชีวิตตามประเพณีโบราณด้วยการใช้มีดดาบบั่นคอ มีเพชฌฆาต 2 คน หากคนแรกฟันคอนักโทษไม่ขาด เพชฌฆาตคนที่สอง ต้องทำหน้าที่ต่อไม่ให้นักโทษทรมาน ส่วนการยิงเป้า มีการมัดมือนักโทษ ด้วยด้ายดิบสีขาวและนำผ้าสีน้ำเงิน ติดเป้าตาวัวมาบังร่างไว้ ก่อนเจ้าหน้าที่ตั้งศูนย์ปืนปรับให้ตรงกับหัวใจ และขึ้นลำกล้องปืนกล เอชเค เอ็มพี 5 เพื่อให้คนทำหน้าที่เพชฌฆาต ยิงเข้าสู่หัวใจนักโทษให้สิ้นใจตายทันทีคาหลักประหาร
ส่วนการประหารชีวิตด้วยการฉีดยาสารพิษ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 ประกอบมาตรา 19 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประหารชีวิตนักโทษ พ.ศ.2546 ซึ่งกำหนดให้ดำเนินการด้วยวิธีการฉีดยา หรือสารพิษให้ตาย
พี่เลี้ยงนักโทษประหาร เจ้าพนักงานอบรมและฝึกวิชาชีพชำนาญงาน เรือนจำกลางบางขวาง ได้ให้ข้อมูลถึงขั้นตอนและวิธีการประหารชีวิตด้วยการฉีดสารพิษ ซึ่งมีทั้งเหมือนและต่างจากการประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าบ้างในบางขั้นตอน นักโทษแต่ละรายที่เข้าสู่วาระสุดท้ายของชีวิตนั้น บางรายร้องให้ฟูมฟาย บางรายต่อสู้ดิ้นรน บางรายสำนึกผิดกับความผิดที่ได้กระทำลงไป
ในส่วนของขั้นตอนการประหารการฉีดยาด้วยสารพิษเมื่อเบิกตัวนักโทษออกจากแดนคุมขัง นำไปตรวจสอบประวัติ ตำหนิแผลเป็น และพิมพ์ลายนิ้วมือ จากนั้นให้เขียนจดหมายและทำพินัยกรรม พร้อมเปิดโอกาสครั้งสุดท้ายให้โทรศัพท์หาญาติ จากนั้นเจ้าหน้าที่อ่านคำสั่งยกฎีกาให้นักโทษประหารฟัง
เมื่อนำนักโทษมาถึงห้องประหาร ซึ่งได้จัดเตรียมอาหารมื้อสุดท้ายพร้อมน้ำดื่ม โดยนักโทษจะอยู่กับพี่เลี้ยง มีการปิดล็อกประตูด้านนอก ให้นักโทษทานอาหารจนอิ่ม มีการพูดคุยเพื่อให้นักโทษคลายเครียด จนมาถึงพิธีทางศาสนา ซึ่งขึ้นอยู่ว่านักโทษนับถือศาสนาใด และเมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนทางศาสนา จะนำนักโทษปิดตา นอนลงเตียงประหาร โดยที่หัวเตียงจะมีขาตั้งสำหรับแขวนถุงน้ำเกลือ มีการใช้เข็มขัดรัดตัวนักโทษ 5 จุด บริเวณหน้าผาก หน้าอก หน้าท้อง หน้าขา และข้อเท้า
จากนั้นนำถุงน้ำเกลือมาต่อที่หลังมือนักโทษ เพื่อปล่อยน้ำเกลือ ซึ่งยังไม่มีสารพิษให้เข้าสู่กระแสเลือด ก่อนปิดทางเดินน้ำเกลือ แล้วดำเนินการฉีดสารพิษเข้าไปในสายน้ำเกลือ เริ่มจากสารโซเดียมเพนโททัล ชนิดผงละลายน้ำ ปริมาณ 20-25 ซีซี เข้าสู่กระแสเลือดของนักโทษ ทำให้หลับลึก ไม่รู้สึกตัว ตามด้วยสารแพนคูไรเนียมโบรไมค์ ชนิดน้ำ ปริมาณ 50 ซีซี ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว และทำให้ระบบการหายใจหยุดทำงาน
จนมาสู่ขั้นตอนสุดท้าย ฉีดสารโพแทสเซียมคลอไรด์ ชนิดน้ำ ปริมาณ 50 ซีซี ทำให้หัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิต รอจนกว่าแพทย์ประกาศว่านักโทษประหารคนนั้นได้เสียชีวิตไปแล้วจึงสิ้นสุดการประหาร....
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี