ปัจจุบันคนนิยมหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น โดยวิธีการออกกำลังกาย กินคลีน หรือแม้กระทั้งเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ “ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์” จึงได้รวมข้อมูลเกี่ยวกับ “ชาผู่เอ๋อร์” ซึ่งเป็นชาที่นิยมดื่มกันมาก ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่าชานั้น มีกี่แบบ และสรรพคุณของชามีอะไรบ้าง?
ทั้งนี้ ประวัติการดื่มน้ำชามีมานานกว่า 4,700 ปี นอกเหนือจากการเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยดับกระหาย แก้ง่วง ยังพบว่าสามารถแก้สารพัดโรคได้อีก ไม่ว่าจะเป็นการต้านอนุมูลอิสสระที่เกิดขึ้นภายในเซลของร่างกาย ยังช่วยต้านอาการอักเสบ ป้องกันตับจากสารพิษ ต้านเชื้อจุลินทรีย์ในลำไส้ ฯลฯ เห็นได้ว่า การดื่มชาให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เพราะว่ามีสารที่สำคัญในใบชาอย่างแทนนิน หรือ ทีโพลีฟีนอล ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่ามีฤทธิ์ต้านโรคภัยได้หากดื่มเป็นประจำ แต่สารจากใบชามักจะสลายตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสกับออกซิเจนในอากาศและความร้อน
“ดื่มน้ำชาอย่างไรให้ได้ประโยชน์” เพราะการดื่มน้ำชาไม่ว่าจะร้อนหรือเย็น ไม่ควรแต่งรสด้วยนมไม่ว่าจะน้ำนมสด นมข้นหรือนมผง เพราะโปรตีนที่อยู่ในนมจะไปจับกับสารในใบชา ส่งผลทำให้เกิดการทำลายประสิทธิภาพสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งวิธีการดื่มชาให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ ควรเลือกดื่มน้ำชาล้วนๆ ไม่ควรปรุงแต่ง เพราะผู้ที่ชื่นชอบชาเย็นใส่นมจะไม่ได้ประโยชน์ จากใบชาแน่นอน
“ควรดื่มชาในช่วงไหน” หลายคนอาจสงสัยว่าควรจะดื่มชาในช่วงไหนถึงจะได้สารประโยชน์ของชามากที่สุด แนะนำให้ชงแบบร้อนแล้วรีบดื่มให้หมดทันที ไม่ควรปล่อยไว้ให้เย็น เพราะการดื่มแบบชงร้อนจะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากสารอาหารในชามากกว่า และหลังจากชงร้อนๆ แล้วไม่ควรปล่อยไว้นานเกินกว่า 2 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้น สารคาเทชินจะดักจับและเกิดการรวมตัวกับออกซิเจนโดยจะทำให้สีของน้ำชาคล้ำลง รสชาติฝาดอย่างชัดเจน เนื่องจากมีกรดแทนนินสูง (Tannin) หากคุณดื่มตอนที่มีรสฝาดแล้วก็จะส่งผลกระทบมายังกระเพาะอาหารและลำไส้ กล่าวคือมันจะทำให้การดูดซึมสารอาหารเป็นไปอย่างด้อยประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการดูดซึมธาตุเหล็ก แคลเซียมและแมกนีเซียม
นอกจากนี้ การดื่มชาหลังกินอาหาร 2-3 ชั่วโมง กระตุ้นการย่อยอาหารได้ดี เพราะจะช่วยกระตุ้นให้น้ำย่อยหลั่งออกมาภายในกระเพาะอาหารมากอย่างเพียงพอ ก็จะทำให้การย่อยอาหารจำพวกวิตามินต่างๆ เป็นไปดีขึ้น แต่สำหรับคนที่ชอบจิบชาแทนน้ำเปล่าและคนที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบควรหันมาจิบน้ำชาอ่อนจะดีกว่า ไม่เช่นนั้น หากจิบชาแก่จะยิ่งทำให้การหลั่นกรดออกมามากขึ้น ทำให้เกิดการระคายเคืองภายในกระเพาะอาหารได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง
นายหลิว ซวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัทชาต้าอี้กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ชาผู่เอ๋อร์ จะคัดสรรใบชาที่มีคุณภาพดี ที่ปลูกเฉพาะมณฑลยูนาน โดยเลือกเฉพาะใบชาแห้งปนเขียวที่มีขนาดใหญ่เท่านั้น ผ่านกรรมวิธีพิถีพิถันทำให้ได้รสชาติกลมกล่อม อมหวาน ดื่มแล้วสดชื่น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชาผู่เอ๋อร์ ดื่มแล้วได้ประโยชน์มากมายในใบชา
ทั้งนี้ ชาผู่เอ๋อร์ มี 2 แบบ คือ “ชาดิบ” หมายถึงใบชาที่หมักตัวเองตามธรรมชาติ ส่วน “ชาสุก” นั้นนำใบชาผ่านเทคนิคการหมักบ่มรสชาติแบบพิเศษ เพราะยิ่งเก็บไว้นาน ยิ่งล้ำค่า รสชาติยิ่งเด่น กลิ่นหอมละมุน ถือเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของชาผู่เอ๋อร์
นายหลิว กล่าวอีกว่า สรรพคุณของชาผู่เอ๋อร์สุกนั้นจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ลดอย่างรวดเร็วเหมือนการทานยา ลดการดูดซึมไขมันและน้ำตาล เนื่องจากโมเลกุลของชาจะใหญ่ แล้วก็จะไปจับตัวกับโมเลกุลของไขมันหรือน้ำตาลให้ไม่ถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกาย จากตัวอย่างที่ชาวจีนมักจะดื่มชาร้อนไปพร้อมกับการทานอาหารที่มีความมัน ช่วยลดอาการกรดไหลย้อน และมีคาเฟอีนต่ำ หรือ ไม่มี ทำให้เหมาะกับท่านที่แพ้ หรือ ต้อง การสมาธิ ทำให้ใจไม่สั่น
สำหรับสรรพคุณของชาผู่เอ๋อร์ดิบ จะช่วยต้านอนุมูลอิสระ (ต้านมะเร็ง) ต้านเชื้อไวรัส แก้อักเสบ ต้านรังสี บำรุงสมองและระบบประสาท ทำให้รู้สึกสดชื่น คลายเครียด และลดน้ำตาลในเลือด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี