วันนี้ (21 มิ.ย.) ศาลจังหวัดพล อ.พล จ.ขอนแก่น ได้มีคำพิพากษาจำคุก นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ และ ร.ต.บัวทอง โลขันธ์ อดีตเลขานุการนายกรัศมนตรีเมืองบ้านไผ่ คนละ 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญา หลังจากที่สื่อมวลชนจังหวัดขอนแก่น 5 คน เป็นโจทก์ฟ้อง นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ จำเลยที่ 1 และ ร.ต.บัวทอง โลขันธ์ จำเลยที่ 2 ในข้อกล่าวหากระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัน จากกรณีการจับผู้สื่อข่าวแก้ผ้า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 พ.ค.2559 ขณะเข้าไปสอบถามกรณีปรากฏภาพ นพ.เปรมศักดิ์ นั่งคู่สาววัยรุ่นคล้ายกำลังเข้าพิธีแต่งงาน ภายในห้องปฎิบัตีราชการนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานเป็นผู้สื่อข่าว 5 สำนัก ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ใกล้ชิดให้การสอดคล้องต่อเนื่องเป็นเหตุเป็นผลและไม่มีเรื่องโกรธแค้นกับจำเลยทั้ง 2 อีกทั้งไม่ปรากฎหลักฐานว่า มีคู่แข่งทางการเมืองอยู่เบื้องหลังโจทก์ร่วมเพื่อกำจัดให้พ้นจากตำแหน่งตามที่ฝ่ายจำเลยกล่าวอ้าง พิพากษาจำคุก นพ.เปรมศักดิ์ และ ร.ต.โพธิ์ทอง คนละ 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ภายหลังจากการอ่านคำพิพากษาเจ้าหน้าราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวทั้ง 2 คนไปยังเรือนจำทันที
สำหรับคดีดังกล่าวสืบเนื่องจากผู้สื่อข่าวจาก 5 สำนักข่าวในจังหวัดขอนแก่นได้ติดตามทำข่าวกรณีมีการเผยแพร่ภาพทางโซเชียลเป็นภาพ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ในขณะนั้น นั่งคู่กับหญิงสาวชั้น ม.5 โดยที่ด้านหน้ามีพานใส่ธนบัตรจำนวนหนึ่ง และมีสำเนาทะเบียนรถยนต์เล่มสีน้ำเงินวางอยู่ 1 เล่ม พร้อมพระพุทธรูปโดยมีคนเฒ่าคนแก่กำลังผูกแขน คล้ายมีพิธีหมั้นหรือพิธีมงคลสมรสของภาคอีสาน ผู้สื่อข่าวทั้งหมดได้ขอพบและสัมภาษณ์ ณ ที่ทำการสำนักงานเทศบาลเมืองบ้านไผ่สร้างความไม่พอใจให้กับ น.พ.เปรมศักดิ์ จึงได้วางแผนหลอกให้ผู้สื่อข่าวทั้ง 5 สำนักเข้าไปภายในห้อง และล็อคตัวหนึ่งในผู้สื่อข่าวแก้ผ้าประจานทันที
สำหรับ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ เกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2508 ก่อนที่จะมาเป็นนักการเมืองระดับชาติ จนถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 เดือนโดยไม่ต้องรอลงอาญา เขาเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ที่จากอดีตลูกชาวนาหลังเลิกเรียนชอบหอบวิทยุทรานซิสเตอร์ไปช่วยพ่อแม่ทำนาเลี้ยงวัว ใฝ่ฝันอยากเป็น "หมอ" เพราะสมัยก่อนใครจบสูงได้เป็นหมอมักได้รับความศรัทธาจากชาวบ้านอย่างมาก และหวังสร้างชื่อให้กับบ้านเกิดที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น จึงเข้าศึกษาเล่าเรียนจนจบปริญญาตรี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ระดับปริญญาโท ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง และระดับปริญญาโทพุทธศาสนามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และระดับปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาพัฒนศษสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ส่วนชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย นพ.เปรมศักดิ์ เป็นคนชอบทำกิจกรรม ทำให้ผลการเรียนตกต่ำลง กระทั่งครั้งหนึ่งอาจารย์ถามว่าเรียนหมอไปทำไม จึงตอบไปว่า เรียนเพื่อเป็นไป ส.ส. อยากเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข หลังเรียนจบเลือกตัดสินใจไปเป็นหมอชนบทที่ อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น อยู่โรงพยาบาลห่างไกลปืนเที่ยง ไม่นานนักได้ย้ายมาเป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายสาธารณสุข โรงพยาบาลพล ทำงานเข้าถึงประชาชน พยายามหาทางแก้ปัญหายาเสพติดซึ่งส่งผลร้ายต่อร่างกายและจิตใจมาโดยตลอด จนได้รับรางวัลแพทย์ดีเด่น ด้านจิตเวชศาสตร์สงเคราะห์ จากมูลนิธิจิตเวชศาสตร์สงเคราะห์ประเทศไทย ก่อนจะก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมืองจากการชักชวนจาก ชิงชัย มงคลธรรม ให้มาสมัครผู้แทนฯ ในนามพรรคความหวังใหม่ ภายใต้การนำของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคในขณะนั้น
นพ.เปรมศักดิ์ สร้างผลงานฝีปากกล้าตั้งกระทู้รัฐมนตรีแฉกลางสภาถึงปัญหาถนนหนทาง สะพาน ประปา ไฟฟ้า ทำให้กลายเป็น ส.ส.ดาวรุ่งจากพรรคความหวังใหม่ และเป็นไม้เบื่อไม้เบากับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี อดีต รมว.มหาดไทย และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ขณะนี้เสียชีวิตแล้ว) เมื่อเกาะติดตรวจสอบการทำหน้าที่ของ เสธ.หนั่น อย่างถึงพริกถึงขิง ทั้งยังเป็นประธานกรรมาธิการแรงงาน มีฉายาว่า “หมอเปรมเว้าแปน”
เมื่อพรรคการเมืองคลื่นลูกใหม่เกิดขึ้นมาในชื่อ "พรรคไทยรักไทย" ทำให้พรรคความหวังใหม่ถูกยุบรวมเข้าเป็นพรรคไทยรักไทยเพียงหนึ่งเดียว ขณะนั้นนพ.เปรมศักดิ์ จำต้องอยู่ภายใต้พรรคใหม่อย่างไม่เต็มใจนัก เนื่องจากไม่พอใจการบริหารงานที่ถูกสั่งจากบุคคลเดียวเท่านั้น ทำให้เส้นทางการเมืองของ นพ.เปรมศักดิ์ ไม่ราบรื่นและถูกตำหนิจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยอยู่บ่อยครั้ง
กระทั่งเขาเป็นผู้ออกมาแฉว่าพรรคไทยรักใช้เงินทุนซื้อทุกอย่างไปจนหมดสิ้น อาทิ นักการเมือง และหุ้น ปตท.ซึ่งระบุว่ามีแต่นักการเมืองกว้านซื้อหมดภายใน 5 นาทีไม่ได้เป็นของมหาชนอย่างที่ตั้งใจ จนเขาถูกกากบาทสีแดงให้รายชื่อ ส.ส.ระบบปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 33 ร่วงลงไปรั้งท้ายที่ 93 ซึ่งยากที่จะได้รับเลือกเข้าสภา ความอึดอัดใจทำให้ นพ.เปรมศักดิ์ เลือกจะลาออกจากพรรคแล้วไปบวชที่วัดพิกุลเงิน ล้างแค้น พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้จำนวน ส.ส.ไม่เพียงพอต่อการเปิดสภาส่งผลให้การเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน 2549 เป็นโมฆะ
ระหว่างบวชเป็นพระสงฆ์ นพ.เปรมศักดิ์ ยังออกมาแฉอีกว่ามีกระบวนการพยายามอุ้มจากน้ำมืออันธพาลที่มาล้อมวัดกว่า 300 คน และ นพ.เปรมศักดิ์ เป็นผู้กล่าวว่า "เผด็จการอย่ามองว่าเป็นเผด็จการทหารเท่านั้น เผด็จการที่น่ากลัวที่สุดคือเผด็จการทุนนิยม น่ากลัวกว่าเผด็จการทุกอย่าง"
แต่หลังจากบวชได้ 2 ปี นพ.เปรมศักดิ์ ก็ต้องลาสิกขาออกมาเพราะบิดาล้มป่วย จากนั้นได้ไปช่วยงานให้กับพรรคภูมิใจไทย แต่ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองทำให้พรรคไทยรักไทยครองพื้นที่ภาคอีสานไปได้ ก่อนตัดสินใจลงสมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ และเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2557
กระทั่งเกิดเป็นเรื่องอื้อฉาวขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2559 ปรากฎข่าวทางสื่อมวลชนว่ามีภาพ นพ.เปรมศักดิ์ เข้าพิธีสู่ขอนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และถูกสื่อมวลชนแจ้งความตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา กักขัง หน่วงเหนี่ยว และเขาก็แจ้งความสื่อมวลชนด้วยเช่นเดียวกัน ฐานบุกรุกและละเมิดสิทธิ์
วันที่ 25 สิงหาคม 2559 ได้มีการเผยแพร่คำสั่งหัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 50/2559 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 พักงาน นพ.เปรมศักดิ์ในฐานะนายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองบ้านไผ่ โดยไม่พ้นจากตำแหน่งจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงพร้อมกับ หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่ถูกพักงานในฐานะ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
วันที่ 21 มิถุนายน 2561 ศาลจังหวัดพล อ.พล จ.ขอนแก่น ได้มีคำพิพากษาจำคุก นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ และ ร.ต.บัวทอง โลขันธ์ อดีตเลขานุการนายกรัศมนตรีเมืองบ้านไผ่ คนละ 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ในคดีกระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัน จากกรณีการจับผู้สื่อข่าวแก้ผ้า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 พ.ค.2559 ขณะเข้าไปสอบถามกรณีปรากฏภาพ นพ.เปรมศักดิ์ นั่งคู่สาววัยรุ่นคล้ายกำลังเข้าพิธีแต่งงาน ภายในห้องปฎิบัตีราชการนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น
แต่ไม่ทันจะได้นอนคุก นพ.เปรมศักดิ์ ก็ได้รับการประกันตัวเสียก่อนด้วยหลักทรัพย์คนละ 120,000 บาท โดยทนายได้นำหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินยื่นประกันตัว โดยทั้งนี้ศาลได้ให้โจทก์สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ ซึ่งภายหลังจากยื่นประกันเรียบร้อย นพ.เปรม พร้อมเลขาฯก็หลบผู้สื่อข่าวออกทางด้านหลังไปทันทีโดยไม่ยอมเปิดเผยใดๆ
งานนี้ "หมอเปรมเว้าแปน" ตายน้ำตื้น!!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี